Wednesday, December 4, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันจ่าโอ๋ลุยต่อ หลังศาลไม่รับฟ้องคดีนายหักเบี้ยเลี้ยง

    จ่าโอ๋ลุยต่อ หลังศาลไม่รับฟ้องคดีนายหักเบี้ยเลี้ยง

    ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ศาลอ่านคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องในคดีที่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือจ่าโอ๋ อดีต ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน ถูกย้ายไปเป็น ผบ.หมู่ สส.สน.ทุ่งสองห้อง เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.ชลากร ปานแดง และ พ.ต.ต.เอกราช โอมาก อดีต สว.สส.สน.พหลโยธิน ปัจจุบันถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สน.ดอนเมือง และ สน.สายไหม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สิน ให้ฯ และปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือโดยทุจริตฯ กรณีหักเงินเบี้ยเลี้ยงจากการตั้งด่านของโจทก์กับพวกตำรวจสืบสวนรวม 11 คน ไปซื้อแอร์มาติดที่ห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน 

    ศาลพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า การกระทำของเจ้าพนักงานที่จะเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ 157 นั้น ต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติสิ่งซึ่งอยู่ในหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต 

    ตามคำฟ้องโจทก์ ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตำแหน่งสารวัตรสืบสวน ประจำสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ซึ่งอำนาจหน้าที่ของจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็คือ การเป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันเกี่ยวกับการจับกุมปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมาย ซึ่งตนมีหน้าที่ต้องจับกุมหรือปราบปรามและเกี่ยวกับการสืบสวนนั้น หมายถึงการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อจะทราบรายละเอียดแห่งความผิด

    การตั้งด่านตรวจและการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นประทวน ของสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน แม้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจำเลยทั้งสองซึ่งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา

    แต่การที่โจทก์กับพวกจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเบี้ยเลี้ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นกรณีที่ทางราชการได้วางระเบียบหรือหลักเกณฑ์ไว้ในทางบริหารต่างหาก และตามเอกสารท้ายฟ้องโจทก์หมายเลข 6 ก็ระบุว่าสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินยังต้องส่งหลักฐานการขอเบิกเบี้ยเลี้ยงดังกล่าว ต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไปเพื่อพิจารณาอนุมัติ

    กับทั้งตามฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่โจทก์กับพวก ที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะออกคำสั่งหักเงินเบี้ยเลี้ยงของโจทก์กับพวก หรือข่มขู่บังคับโจทก์กับพวกให้นำเงินเบี้ยเลี้ยงส่วนเกินมามอบให้จำเลยทั้งสอง ที่จะถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของจำเลยทั้งสองโดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติสิ่งซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยทั้งสองนั้นเองโดยมิชอบ

    การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 จึงไม่ใช่คดีทุจริตและประพฤติมิชอบตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มาตรา 3 ที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษาได้

    มีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

    ขณะที่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ เปิดเผยกับ police News Varieties ด้วยว่า หลังจากที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติโดยมิชอบ มีคำสั่งไม่รับฟ้องนั้น ไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นไปตามคำสั่งของศาลที่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ จะร่างคำฟ้องใหม่เพื่อยื่นต่อศาลที่เกี่ยวข้อง จะมีการประสานทางทนายความก่อนจะยื่นคำฟ้องร้องต่อไป ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ในสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องนั้นก็ได้รับกำลังใจจากเพื่อนตำรวจทุกคนไม่มีภาวะกดดันหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานแต่อย่างใด 

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments