สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ชุดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้รับการประสานว่า มีผู้เสียหายแจ้งความเมื่อกลางดึกของวันที่ 4 พ.ย. ต่อเนื่อง 5 พ.ย.2566 ขณะที่ผู้เสียหายไม่อยู่บ้านในพื้นที่ จ.พังงา เมื่อกลับมาพบว่าประตูบ้านโดนงัด ในบ้านโดนรื้อค้น ตรวจสอบพบมีนาฬิกาและเงิน 10,000 บาท หายไปพร้อมกับกุญแจสำรอง และรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ดสีแดง ทะเบียน บพ 7xxx ปราจีนบุรี ประสานมายังตำรวจทางหลวงสืบสวนสกัดจับคนร้าย
กระทั่งเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 6 พ.ย.2566 ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี พบรถยนต์คันดังกล่าวขับมาตามเส้นทางบริเวณ ทล.4 กม.123 ขาล่องใต้ ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จึงเรียกให้หยุด แต่คนขับเห็นตำรวจทางหลวงจึงขับหลบหนีทันที
กระทั่งมาถึงบริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ในตัว อ.ปากท่อ เป็นซอยตันรถคันดังกล่าวเฉี่ยวชนคอกเหล็ก และตกหล่มไม่สามารถไปต่อได้ คนร้ายจึงทิ้งรถแล้วหลบหนีเข้าป่าไป ตำรวจติดตามพบ น.ส.ปาริชาต นั่งหลบอยู่ในป่าใกล้ที่เกิดเหตุควบคุมตัวไว้
ในคืนเดียวกันตำรวจทางหลวง สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.ปากท่อ ปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนจะได้รับแจ้งจากชาวบ้านในละแวกนั้นว่า มีชายต้องสงสัยเข้าไปหลบภายในบ้านไปตรวจสอบพบนายธีรวิชญ์ คนขับรถคันดังกล่าว ลบซ่อนอยู่ พร้อมทั้งยังเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าของเจ้าของบ้านเพื่อใช้ตบตาตำรวจ จึงเข้าควบคุมตัวไว้
เบื้องต้น นายธีรวิชญ์ ยังให้การปฏิเสธ และไม่ยอมให้การใด ๆกระทั่งตำรวจตรวจค้นพบตั๋วจำนำทองเป็นชื่อของ น.ส.ปาริชาติ ผู้ต้องหาที่มาด้วยกัน นายธีรวิชญ์ จึงบอกว่าคบหากับ น.ส.ปาริชาติ และมีนายเต๊ก (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 27 ปีรุ่นน้องที่รู้จักกัน ร่วมเดินทางมาในรถคันดังกล่าว อ้างว่า นายเต๊ก เป็นผู้ขับมารับตนกับแฟนสาว ก่อนที่จะมาถูกจับในครั้งนี้ แต่รายละเอียดอื่น ๆ ไม่ทราบเรื่อง
นอกจากนี้จากการตรวจค้นรถยนต์กระบะฟอร์ด คันที่ถูกขโมยมายังพบว่ามีรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1กฉ 6xxx ประจวบคีรีขันธ์ อีก 1 คันบรรทุกอยู่ท้ายกระบะ และแจ้งหายไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เมื่อ 6 พ.ย.2566
ตำรวจทางหลวงเพชรบุรีจับกุมนายธีรวิชญ์ และ น.ส.ปาริชาติ ดำเนินคดีในข้อหา ” ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันจะเร่งติดตามตัวนายเต๊ก และผู้ร่วมขบวนการที่ก่อเหตุลักรถดำเนินการตามกฎหมาย.