

”นายกฯอนุทิน“แถลงตำรวจสอบสวนกลาง ร่วม 4 หน่วยงานเปิดปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” ปราบปรามแก๊งทุจริตให้คนต่างด้าวมีสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย ลุยค้น 12 เป้าหมาย ในจังหวัดเชียงใหม่ , พะเยา,สมุทรสาคร และกทม. จับ 13 ผู้ต้องหาสวมบัตรประชาชน ในอ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ มีทั้ง นายอำเภอ ,ปลัดอำเภอ,กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ธุรการและนายหน้า
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 พ.ย.68 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ปปท.พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการ ปปท.เจ้าหน้าที่ปปช.,กรมการปกครอง,กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” ปราบปรามขบวนการทุจริตเพื่อให้คนต่างด้าวมีสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย ร่วมกันลุยค้น 12 เป้าหมาย ในจังหวัดเชียงใหม่ ,พะเยา,สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร
จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 ราย มีทั้ง นายอำเภอเวียงแหง ปลัดอำเภอเวียงแหง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกำนัน,ผู้ใหญ่บ้านและนายหน้า
ตรวจยึด ปืนพกสั้น 5 กระบอก,ปืนลูกซองยาว 3 กระบอก,ปืนลูกกรด 2 กระบอก,ปืนยาวไรเฟิล 5.56 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก
รวมทั้งตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร สมุดจดบันทึก หลักฐานการโอนเงิน และเอกสารหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตทางทะเบียนราษฎร์
การเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจาก กรมการปกครองพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกับกลุ่มนายหน้ามีพฤติการณ์ทุจริตทางทะเบียนและบัตรประชาชน เกี่ยวกับการขอคืนรายการบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน(บุคคลประเภท 0) ที่ถูกจำหน่ายรายการบุคคลและจัดทำบัตรประจำตัวให้กับบุคคลดังกล่าวที่ไม่ใช่เจ้าของรายการหรือขาดคุณสมบัติ และใช้รายการบุคคลนั้นในการขอสัญชาติและขอสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายหลายราย
จากการตรวจสอบของคณะทำงานพบว่ามีปลัดอำเภอ ลูกจ้างโครงการเร่งรัด กำนัน และผู้ใหญ่บ้านบางราย ร่วมกับกลุ่มนายหน้า เปิดช่องให้มีการออกเอกสารเท็จ รับรองตัวบุคคล
โดยไม่ถูกต้อง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนนำไปสู่การคืนรายการบุคคล การทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และการนำข้อมูลเท็จไปใช้ในการยื่นขอสัญชาติ โดยพบผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับผู้ยื่นคำร้องหลายกรณีตลอดปี 2567–2568
ส่วนรูปแบบการกระทำความผิดที่ตรวจพบมีทั้งสวมตัวบุคคล การปลอมแปลงพยานหลักฐานการรับรองภูมิลำเนาอันเป็นเท็จ การออกแบบ ปค.14 โดยไม่สอบสวนพยานบุคคล การไม่ตรวจสอบสิทธิของผู้ร้อง การไม่สแกนหรือบันทึกเอกสารประกอบ และการไม่รายงานเหตุทุจริตตามขั้นตอนราชการ
รวมทั้งยังพบว่ามีผู้ใหญ่บ้านบางรายร่วมรับรองผู้อยู่อาศัยที่ไม่ได้อยู่ในเขตจริง เป็นเหตุให้บุคคลที่ไม่มีสิทธิหลายรายได้รับ
สถานะหรือเอกสารทางทะเบียนโดยมิชอบ แบ่งได้ 3 กรณี
กรณีที่ 1 การขอคืนรายการบุคคลและทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ให้กับบุคคลที่ไม่มีสิทธิหรือไม่มีคุณสมบัติ และไม่ใช่เจ้าของรายการที่แท้จริง (สวมตัว)
กรณีที่ 2 การขอคืนรายการบุคคลและทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและพยานรับรองเท็จ
กรณีที่ 3 กรณี การทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนครั้งแรก (โดยไม่มีหลักฐานอื่นประกอบ)
จากแนวทางการสืบสวนพบว่า ขบวนการนี้มีประวัติการเข้าถึงข้อมูลรายการทะเบียนราษฎรของบุคคลต่างด้าวที่เคยสวมเป็นคนไทยสำเร็จมาแล้ว ในพื้นที่เทศบาลนครรังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา จนถูกกองบังคับการปราบปรามและกรมการปกครองร่วมกันจับกุมกลุ่มนายหน้าและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้
หลังโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ รับจ้างจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนไทย ผ่านแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียของประเทศจีน ชื่อ “เสี่ยวหงชู (XiaoHongShu)”
การกระทำผิดทั้งสองพื้นที่น่าเชื่อว่าเชื่อมโยงเป็นขบวนการเดียวกัน จึงถือว่ากลุ่มนายหน้าและเจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านี้เป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยอย่างร้ายแรง
หลังจากสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ขัด พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. มอบหมายให้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และพนักงานสอบสวนบก.ปปป. ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้หมด 30 ราย แบ่งเป็นเจ้าพนักงาน 11 ราย ผู้สนับสนุนและผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิด 19 ราย ก่อนนำกำลังร่วมกับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมกำลังตรวจค้น 12 เป้าหมาย
จากการเปิดปฏิบัติการดัวกล่าวจับกุม ผู้ต้องหาได้ 13 รายประกอบด้วย นายขวัญชัย เนื่องจำนงค์ นายอำเภอเวียงแหง ,นายอภิสิทธิ์ จันทร์คำ ปลัดอำเภอเวียงแหง ,นายสรรเสริญ พงษ์พิพัฒน์ ปลัดอำเภอเวียงแหง ,เจ้าหน้าที่ธุรการอำเภอเวียงแหง 4 ราย นายศรีทน แก้วฟั่น กำนันตำบลเมืองแหง นางอิ่นแก้ว เมธา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.เมืองแหง ,นายศุภกิจ พงศ์รังสีมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.เมืองแหง , นายธนกร วงศ์ษาวิชัย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.แสนไห ทั้งหมดสังกัดอยู่ในอำเภอเวียงแหง จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังจับกุม น.ส.คำแหลง นายมน นายหน้า และ นายวันชัย วงค์คำ บุคคลที่มาขอคืนรายการบุคคลที่ถูกจำหน่ายเพื่อจัดทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน
เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา 1.เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2.เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ
3. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ
4. ร่วมกัน ทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ
ส่วนกลุ่มพลเรีอนแจ้งข้อหา
1.ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2 .แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
3.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
4. สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ
และ 5. ร่วมกัน ทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ นำตัวทั้งหมดส่ง บก.ปปป.ดำเนินคดี

























