Saturday, November 22, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันบช.ก.จับยกยวง12คนเครือข่ายลวงรักคนแก่ต้มสุกเกือบ2ล.

    บช.ก.จับยกยวง12คนเครือข่ายลวงรักคนแก่ต้มสุกเกือบ2ล.

    ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฎิบัติการ “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณหลอกลงทุน” ความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท

    วันที่ 21 พ.ย.68 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.

    นำกำลังร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. บก.ปคม., บก.รน., บก.ป. และ บก.ทล.เปิดปฏิบัติการปราบปราม “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณหลอกลงทุน” เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 12 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทบุรี, นครสวรรค์ และเชียงราย

    จับกุมผู้ต้องหาได้  12 รายประกอบด้วย นายชาญณรงค์ อายุ 27 ปี , นางเกดมะนี (MS.KETMANY) อายุ 32 ปี ชาวลาว,นายรัตนพล อายุ 26 ปี ,นายณัฐพงษ์ อายุ 25 ปี ,นายสุทธิพงศ์ อายุ 23 ปี ,นายจิรพัฒน์ อายุ 21 ปี ,นายภานุวัฒน์ อายุ 31 ปี ,น.ส.เจนจิรา อายุ 33 ปี ,นายนิคม อายุ 22 ปี , นายณัฐชัย อายุ 35 ปี ,นายสหรัฐ อายุ 26 ปีและ น.ส.กรนันท์ อายุ 19 ปี

    ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”

    สืบเนื่องจากผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตคณบดี มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รู้จักกับหญิงสาวหน้าตาดีใช้บัญชี Tiktok ปลอม ชื่อ “พลอยใส่ พุทธเลิศ” โพสต์ข้อความลักษณะต้องการหาคนพูดคุยคลายเหงา ผู้เสียหายเกิดความสนใจติดต่อไปหา

    จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวได้ชักชวนติดต่อพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ พูดคุยกันเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน จนผู้เสียหายรู้สึกชอบพอ ไว้เนื้อเชื้อใจ ก่อนจะถูกชักชวนร่วมลงทุนหุ้นทองคำผ่านเว็บไซต์ “xm.zfmi.top” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม

    คนร้ายอ้างว่าจะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนให้ ก่อนขอข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ – นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และให้ผู้เสียหายตั้งรหัสผ่านให้ อ้างว่าจะนำไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมลงทุนรวม 10 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท

    เมื่อคนรอบข้างทราบเรื่อง ต่างช่วยกันพยายามห้ามปรามแต่ผู้เสียหายกลับไม่เชื่อ ยังคงพูดคุยกับหญิงสาวคนดังกล่าว และพยายามจะโอนเงินไปลงทุนอีก ญาติ ๆ ผู้เสียหายได้ร้องเรียนมายัง กก.2 บก.ปอท.

    จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวได้นำรูปภาพบุคคลอื่น ไปสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา จึงติดต่อไปยังบุคคลที่โดนนำรูปภาพไปแอบอ้าง เพื่อแจ้งเรื่องให้ทราบ แต่บุคคลดังกล่าวกลับเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่ยอมพูดคุย

    นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า  ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน กลุ่มผู้ต้องหานี้มีเงินหมุนเวียนรวมกันเกือบ 20 ล้านบาท กลุ่มผู้ต้องหาส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่นในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ กทม. มีการรวมกลุ่มกันเพื่อรับงานเบิกถอนเงินสดให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว

    มี น.ส.เกดมะนี ชาวลาว และนายชาญณรงค์ แฟนหนุ่ม เป็นหัวหน้าแก๊งในการจัดหาบัญชีม้า ควบคุมการเบิกถอนเงินสด และรวบรวมเงินสด, นายนิคม และนายณัฐชัย มีหน้าที่เบิกถอนเงินสดในพื้นที่อ.เชียงแสน และอ.เมืองเชียงราย, น.ส.เจนจิรา มีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล (USDT)

    จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ตามที่แก๊งคอลเซนเตอร์สั่งการ

    จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า น.ส.เจนจิรา ยังมีพฤติการณ์เป็นนายหน้าซื้อขายบัญชีธนาคารบุคคล และบัญชีธนาคารนิติบุคคล เพื่อส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศลาว

    เมื่อทราบพฤติกรรมแก๊งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 23 ราย เป็นคนไทย 18 ราย และคนลาว 5 ราย

    แบ่งเป็นกลุ่มเจ้าของบัญชีม้าและทำหน้าที่เบิกถอนเงินสด 15 ราย, กลุ่มทำหน้าที่รวบรวมเงินสด 3 ราย, กลุ่มฟอกเงิน 5 ราย และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับอีก 13 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท ก่อนนำกำลังจับกุมได้ 12 รายดังกล่าว

    สอบสวน น.ส.เกดมะนี สารภาพว่า รับจ้างเบิกถอนเงินสดจากกลุ่มชาวลาว เป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว จากนั้นจะหาบัญชีธนาคารมาเพื่อรับเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อ ได้รวบรวมกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง มาเพื่อเป็นบัญชีม้า และเบิกถอนเงินสด

    เงินสดที่เบิกถอนมา จะนำไปฝากบัญชีธนาคารต่างๆ ตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์สั่งการ ได้ค่าจ้าง 10% ของจำนวนเงินที่เบิกถอน โดยทำมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

    ส่วน นายนิคม ให้การว่า มีหน้าที่เบิกถอนเงินสดในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จากนั้นจะนำเงินสดส่งต่อให้กับชาวลาว ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณใกล้เคียงกับจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ (สบรวก) ได้ค่าจ้าง 1% ของจำนวนเงินที่เบิกถอน

    น.ส.เจนจิรา รับว่า ได้แลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล (USDT) ตามคำสั่งของคนที่รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชัน Telegram และยังให้การรับอีกว่า เคยเดินทางไปที่ประเทศลาว พบกับกลุ่มชาวจีนที่เชื่อว่าเป็นนายทุนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังเคยเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีธนาคาร ส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศลาว อีกด้วย

    เบื้องต้นแจ้งข้อหาตามหมายจับ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments