Friday, August 22, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน“บิ๊กก้อง”แถลงกองปราบทลายเครือข่ายทำบัตรปชช.ปลอมให้จีนเทา

    “บิ๊กก้อง”แถลงกองปราบทลายเครือข่ายทำบัตรปชช.ปลอมให้จีนเทา

    กองปราบบุกทลายขบวนการรับจ้างทำบัตรประชาชนปลอมให้ จีนเทา-พม่า รวบ 9 ผู้ต้องหา เร่งขยายผลล่าตัวการหลักผู้อยู่เบื้องหลัง

    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ก.ค.68 ที่ ห้องแถลงข่าวชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

    พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ และ พ.ต.ต.อดิศร อินทิยศ สว.กก.2 บก.ป.

    ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการสวมบัตรประชาชนไทย รวม 9 ราย แบ่งเป็นผู้สวมบัตร 2 ราย และผู้ร่วมขบวนการที่รับรองข้อมูลอันเป็นเท็จอีก 7 ราย

    พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า  ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง  รับแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางร้องเรียนว่ามีการโฆษณารับจัดทำบัตรประชาชนไทยบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน “เสี่ยวหงษ์ชู (XHS)” มีภาพตัวอย่างบัตรประชาชนถูกนำมาโพสต์ประกอบข้อความชักชวนให้ใช้บริการ

    พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า หลังรับเรื่องได้สั่งให้กองบังคับการปราบปราม เร่งดำเนินการตรวจสอบก่อนพบว่า บัตรที่ปรากฏในภาพเป็นของ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี” ต่อมาสืบทราบว่าผู้ที่สวมบัตรคือ นายจา ตอ อายุ 25 ปี ชาวเมียนมา แต่เข้ามาทำบัตรประชาชนที่เทศบาลย่านรังสิต ด้วยเอกสารปลอมและการรับรองเท็จจากบุคคลในขบวนการ

    พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า จากการขยายผลต่อเนื่อง พบผู้ต้องหาสวมบัตรรายที่สองคือ นายเป่าฉั่น อายุ 25 ปี ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนในประเทศไทย แอบอ้างสวมบัตรเป็น “นายวีรพล จะลอ”

    ใช้วิธีการลักษณะเดียวกันกับกรณีแรก คือใช้เอกสารเท็จและมีผู้ร่วมขบวนการให้การรับรองเพื่อให้ได้รับบัตรประชาชน จึงเร่งขยายผลต่อเนื่องพร้อมรวบรวมหลักฐานก่อนสามารถขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 12 ราย

    ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 10 จุดทั่วประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร 2 จุด, ปทุมธานี 2 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, สมุทรปราการ 2 จุด, แม่ฮ่องสอน 1 จุด, ตาก 1 จุดและภูเก็ต 1 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย บางรายรับสารภาพ ขณะที่บางรายให้การปฏิเสธ

    นายจา ตอ และ นายเป่า ฉั่น ถูกแจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด”

    ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 ราย จะเป็นพวกที่ให้การรับรองมีทั้งนายจ้าง คนในครอบครัวเจ้าของบัตร ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด”

    ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา ชาวจีน และชาวเมียนมา โดยถือเป็นเพียงการดำเนินการ “เบื้องต้น” เพื่อเปิดทางสู่การ ขยายผลเชิงลึก และยังเชื่อว่าขบวนการนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องที่หลุดรอดอยู่มาก

    “หัวหน้าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนไทย และยังอยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งหากสืบสวนไปจนสุดทาง อาจพบบุคคลที่มีอิทธิพลหรือมีตำแหน่งใหญ่กว่านี้อยู่เบื้องหลัง” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มี “กลุ่มทุนจีน” หนุนหลังขบวนการนี้หรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่พบพยานหลักฐานยืนยันในส่วนนี้อย่างแน่ชัด แต่ยอมรับว่า “กลุ่มบุคคลเชื้อสายจีนมีความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้มาโดยตลอด”

    สาเหตุสำคัญที่ต้องการบัตรประชาชนไทย คือการได้รับสิทธิในฐานะพลเมืองไทย สามารถ ทำธุรกรรม การเดินทาง หรือถือครองทรัพย์สินได้โดยเสรี เทียบเท่าคนไทยโดยชอบ

    สำหรับประเด็นว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนร่วม จะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น

    “ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าใครเกี่ยวข้อง ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชน ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน” ผบช.ก. กล่าว

    นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบางกรณีที่ ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อบนบัตรจริง ได้รับส่วนแบ่งจากกระบวนการปลอมแปลงเอกสารและสวมสิทธิบัตรประชาชน  จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย ขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลางอยู่ระหว่างประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการขยายผล เพื่อตรวจหาความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการสวมบัตร

    อย่างไรก็ตาม ตำรวจสอบสวนกลางยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้มารับรองข้อมูล เพื่อยุติขบวนการสวมบัตรเถื่อนทั้งหมด พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือร่วมกระทำการในลักษณะนี้ เนื่องจากมีความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments