น.1 ยัน รวบครบแล้ว 10 ราย แก๊งมือยิง นศ. ปี 1 อุเทนถวาย ชี้ พยานหลักฐานแน่น ด้าน “รองนพศิลป์” เผยระดมทุนซื้อรถ จยย.ไว้ก่อเหตุ
ต่อมาเวลา 13.00 น.วันที่5มี.ค.68 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กล่าวภายหลังการสอบปากคำผู้ต้องหาว่า
เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหาได้ครบแล้วทั้ง 10 คน ได้นำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมทั้งหมดแล้ว ทุกคนให้การภาคเสธ แต่มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีสามารถเอาผิดได้แน่นอน เพราะก่อนการจับกุม ได้แจ้งให้ชุดจับกุมทุกนายรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน หนาแน่น พยานทุกชิ้นจะต้องรัดกุม ระบุตัวผู้ต้องหาได้อย่างชัดเจน เมื่อขึ้นสู้ศาลทุกคนต้องถูกลงโทษ ศาลไม่ยกฟ้อง และมีหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการเตรียมทุกอย่างตั้งแต่ก่อนก่อเหตุ จนถึงหลังก่อเหตุ
ผบช.น.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีการวางแผนนัดแนะคำให้การกับตำรวจ เมื่อถูกจับกุมว่าจะต้องให้การอย่างไรบ้าง ในเคสนี้จะมีการขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ร่วมขบวนการ ผู้รู้เห็น และให้การสนับสนุน ถ้ามีพยานหลักฐานถึงผู้ใดก็จะดำเนินการทั้งสิ้น
พล.ต.ท.สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมี ผู้ต้องหาบางคนเคยมีประวัติอาชญากรรม นายธีรยุทธ หรือ ปอนด์ อายุ 22 ปี และ นายกิจชนะ หรือ บูม อายุ 22 ปี เคยถูกดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนนายเกียรติศักดิ์ หรือ โต อายุ 21 ปี เคยโดนดำเนินคดีเกี่ยวกับพ.ร.บ.อาวุธปืน
ทั้งนี้จากการเข้าตรวจค้น 19 จุดทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ พบว่ามีเซฟเฮ้าส์ 2 แห่ง ที่ซอยนวมินทร์ 26 และซอยพัฒนาการ 50 ยึดของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ 4 คัน, รถยนต์ 3 คัน, เสื้อผ้า, รองเท้า และหมวกกันน็อคที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และยังพบเครื่องกระสุนปืน อีกจำนวนหนึ่ง
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.ยังเปิดเผยถึงแผนประทุษกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ว่า ได้ตระเตรียมการกันล่วงหน้าประมาณ 15 วัน เนื่องจากเป็นช่วงใกล้จะมีงานวันบลูเดย์ของอุเทนถวาย
โดยช่วงวันที่ 27-28 มกราคม 2568 พบผู้ก่อเหตุได้ใช้รถจักรยานยนต์มาวนเวียนอยู่บริเวณละแวกจุดเกิดเหตุ มีคนชี้เป้าอยู่ตรงมาบุญครอง ส่วนคนยิงอยู่ใต้สะพานหัวช้าง จนกระทั่งเวลาตี 1 นักศึกษาอุเทนถวาย 2 ราย ขี่รถไปทางสะพานหัวช้าง ผู้ก่อเหตุที่ซุ่มรออยู่จึงออกมาทันที เชื่อว่ามีผู้ที่ชี้เป้าให้อยู่บริเวณซอยจุฬา 12
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุได้ขี่รถตามเป้าหมายไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ก่อเหตุไม่สำเร็จ เพราะเป้าหมายรู้ตัว ผู้ก่อเหตุจึงขี่รถกลับมาเฝ้าหาเป้าหมายรายอื่นต่อไปจนถึงช่วงตี 2 ก่อนแยกย้ายกลับไป
ต่อมา วันที่ 29 ม.ค. กลุ่มผู้ก่อเหตุขี่ จยย. รถวนเวียนหาเป้าหมายในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 18.30 น. และมีคนมาชี้เป้าเหมือนเดิม จนเวลา 22.54 น. พบว่า ผู้ก่อเหตุที่ซุ่มอยู่ตรงสะพานหัวช้าง มีการรับโทรศัพท์ เป็นจังหวะเดียวกับที่นักศึกษาอุเทนถวาย 16 คน เดินออกมาจากสถาบัน เมื่อผู้ก่อเหตุวางสายโทรศัพท์ ก็ขี่รถ จยย. ออกมาทันที และก่อเหตุยิงตอนเวลา 22.55 น.
หลังก่อเหตุแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้รถมาสด้าขับประกบรถมือยิงที่ขี่หลบหนี ไปถึงจังหวัดสระบุรี แล้วทิ้งรถจยย. คันก่อเหตุไว้ ก่อนจะรับมือยิง และคนขี่รถจยย. กลับเข้ากรุงเทพ ฯ
จากนั้น ได้เอารถกระบะอีกคัน ขับไปเอารถจยย. ที่ทิ้งไว้ที่สระบุรีกลับมาที่กรุงเทพ ฯ โดยนำไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟฟ้าก่อนจะมีคนมารับไปอีกที
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการรวบรวมเงินกันประมาณ 15,000 บาท ไปซื้อรถจยย.ที่จะใช้ก่อเหตุ แล้วเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 กลุ่มผู้ก่อเหตุได้เอารถกระบะไปขนรถ จยย. เอาไปจอดไว้ที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วค่อยไปขี่เข้ากรุงเทพ ฯ เพื่อมาก่อเหตุ
จากนั้น ผบช.น. ไไปด้วยสอบปากคำด้วยตนเอง ที่ชั้น 5 บก.สส.บช.น. โดย นายนุ มือปืน ได้เปิดเสื้อโชว์ ให้เห็นถึง รอยแผลเป็น สัญลักษณ์ 4 ฟันเฟือง อยู่ที่บริเวณหัวไหล่ข้างซ้าย สื่อให้เห็นว่าเป็นนักเรียนช่างกล และเป็นประเพณีรับน้องที่สืบทอดกันมาเป็นรุ่นต่อรุ่นของสถาบันดังกล่าว.
เบื้องต้นเตรียมนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ก่อนนำตัวส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ วันศุกร์ที่ (7 มี.ค.) ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.