ผู้บัญชาการไซเบอร์ แถลงทลายเครือข่ายหลอกลงทุน P Miner ยึดทรัพย์กว่า112 ล้าน ลั่นเป็นนักรักบี้ นกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลาจะทำให้ดีที่สุดจนนาทีสุดท้าย
วันที่ 6 ก.ย.65 ที่บช.สอท.เมืองทองธานี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวกรณีการทลายเครือข่ายหลอกลงทุน P Minerตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า
ในโอกาสใกล้ครบรอบการสถาปนากองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ครบรอบสองปี และอาจจะเป็นปฎิบัติการโอปเรชั่นช่วงท้ายๆแล้วหรือไม่ ยังไม่แน่ใจแต่ต้องบอกว่าเราจะทำงานจนกระทั่งหมดเวลา
ในฐานะตำรวจไซเบอร์ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร จะต้องขยับไปอยู่ตำแหน่งใดก็ตาม ความรับผิดชอบในความเป็นตำรวจจะติดตัวผมอยู่ตลอด ไม่มีคำว่าหยุดแล้ว พอแล้วเพราะจะขึ้นแล้ว มันไม่ใช่วิสัยของผม จะทำงานจนหยดสุดท้าย
ยิ่งเป็นนักกีฬารักบี้ด้วย ตราบใดที่เสียงนกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลาผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทลายการเครือข่ายหลอกลงทุน P Miner เป็นผลงานสำคัญของพล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ท่านก็ตั้งใจบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และนำทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย
โดยกรณีหลอกลงทุนดังกล่าว
สืบเนื่องจากเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหากับพวก ได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอร์เรนซี่ กรุ๊ป ให้สมัครเป็นสมาชิก ร่วมลงทุนขุดเหรียญ และเทรดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ตามโครงการต่างๆ กว่า 30 โครงการ มีจำนวนเงินการลงทุน ได้รับผลกำไรที่แตกต่างกัน
เช่น หากลงทุน 50,000 บาท จะได้รับการคืนทุน 5 ครั้ง ทุกวันที่ 6 ของเดือน แบ่งเป็นงวดๆ ละ 8,000 บาท 13,000 บาท 16,000 บาท 20,000 บาท และ 24,000 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 80,000 บาท บางโครงการอ้างได้กำไรมากถึงร้อยละ 82 ต่อเดือน หรือได้กำไรร้อยละ 1,000 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ ผบช.สอท.กล่าว
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวอีกว่า เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว จะได้รับหนังสือสัญญาการลงทุน ระบุรายละเอียดไม่ว่าจะเป็น ชื่อโครงการ จำนวนเงิน ระยะเวลาที่ลงทุน จำนวนครั้งและผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่ามีการลงทุนจริง ช่วงแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง กระทั่งเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เริ่มไม่ได้รับเงินปันผล อ้างเหตุขัดข้องต่างๆ และไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาต่อมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงมาแจ้งความดำเนินคดี
จนนำมาสู่การออกหมายจับนายกิติกร อายุ 32 ปี ซีอีโอบริษัท พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป และน.ส.ณัฐวดี อายุ 36 ปี แฟนสาว ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันโฆษณา หรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินกำหนดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
และร่วมกัน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก่อนตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่
เบื้องต้นตรวจยึดของกลาง อาทิเช่น รถยนต์หรูเบนท์ลี่ย์ เบนเทย์ก้า, ลัมบอร์กีนี ฮูราคาน, เฟอร์รารี่ สไปเดอร์, พอร์เชอ 718 บ็อกสเตอร์, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์โฟร์, รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน, เครื่องขุดเหรียญดิจิทัล 50 เครื่อง อายัดเงินบัญชีอีก 117 บัญชี เป็นเงินกว่า 112 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com แล้วกว่า 341 ราย ความเสียหายรวมกว่า 439 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีผู้เสียหายบางส่วนเข้าแจ้งความกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) อีก500 ราย
ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ บช.สอท.ยังคงมุ่งเน้นที่จะดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และการอำนวยความยุติธรรมของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญและจะติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป