ผู้การรุทธ -พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดบุรีรัมย์
เขาเมาท์กัน ตำรวจจังหวัดนี้ใครจะมาใครจะไปต้องมาจากบ้านใหญ่
แต่พอได้พูดคุยกับหัวหน้าตำรวจเมืองแปะ(ชื่อเดิมจังหวัดบุรีรัมย์) คนนี้ รู้ได้เลยว่าถึงจะมีคนว่ามาจากบ้านใหญ่ แต่เส้นทางที่มาที่ไปเหมาะสมสุดแล้ว
เลือดสีกากีเข้มข้น ตั้งแต่รุ่นปู่ ร.ต.ต.คล้าว เนาวรัตน์ รับราชการทางภาคใต้ สืบมายังพ.ต.ท.วิเชียร เนาวรัตน์ ผู้เป็นพ่อ ตำแหน่งสุดท้ายเป็น สว.สอบสวน เกษียณที่ แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน และมาตั้งครอบครัวอยู่ที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
ผู้การรุทธ เกิดที่นั่น เป็นน้องเล็กคนสุดท้องจาก5คน ต่อจากพี่ชาย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เพิ่งเกษียณฯไปเมื่อ ต.ค.65
หลังเรียนจบชั้นมัธยมที่ตาคลีประชาสรรค์ สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น24 เลือกเหล่าตำรวจ นรต.40 สืบสายเลือดต่อจากคุณปู่และคุณพ่อ ขณะที่ลูกชายผู้การรุทธ ก็เป็นตำรวจเหมือนกัน
เดินตามรอย”อดุลย์ แสงสิงแก้ว”
เส้นทางรับราชการ บุรี1 เล่าว่า หลังจบปี 30 มาลงที่นครพนม ตามรอย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ท่านปลูกฝัง สมัยท่านเป็น ผบ.ร้อย เป็นนายตำรวจปกครองที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน ผมเลือกลง สภ.เมืองนครพนม แล้วสมัครใจไปอยู่นาแก ตามรอยท่านอดุลย์ เพื่อนก็งงๆเพราะผมได้คะแนนดี
ช่วงนั้นมีสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงอยู่ แต่ไม่มีปะทะ แต่ในพื้นที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ปะทะกันตลอด จะรู้เลยพอได้ยินเสียงปืนฝั่งโน้น จะไปดักจับคนลาวที่หนีข้ามมา สัก 3-4 ปี ก็ขอกลับไปอยู่กับครอบครัวที่นครสวรรค์
ขึ้นสารวัตรสืบเมืองบุรีรัมย์
ปี 2540 ขึ้นสารวัตรสืบสวนเมืองบุรีรัมย์ ตอนนั้นยังเป็นบช.ภ.2 อยู่ที่เดียวเลย 6ปี เป็นเฉพาะกิจจังหวัดด้วย ช่วง 6 ปี นี่ แทบจะเรียกว่า นอนบนรถเลย เพราะตอนเช้า จะไปทำเรื่องยาเสพติดแถวบ้านใหม่ นาโพธิ์ทั้งวัน
เสร็จปุ๊บตอนเย็นตอนค่ำกลับมา พักกินข้าว ลูกน้องได้เปลี่ยนชุด เปลี่ยนผลัด กลางคืนลงไปทำรถลงไปเขมร แถวบ้านกรวด ละหานทราย ชีวิจะอยู่อย่างนี้ กลับมาปุ๊บนอน เช้ามา ไปโซนเหนือต่อ
ตะลุยปราบแก๊งยาแก๊งลักรถ
ตอนนั้นปัญหายาเสพติดที่บ้านใหม่ นาโพธิ์ เยอะ มันข้ามเขตมา ช่วงนั้นจับกุมเรื่องยาเสพติดค่อนข้างมาก แล้วก็รถลงเขมร ค่อนข้างมาก มีวิสามัญ ปะทะกับกลุ่มแก๊งพวกนี้ ยึดรถคืนมาได้ 5 คันเลย รถใหม่ๆ ที่ละหานทราย อีกนิดเดียวก็ลงเขมร ช่วงนั้นเต็มที่กับเรื่องปราบปราม ยาเสพติดกับแก๊งลักรถ คือเช้าไปฟากหนึ่ง แล้วกลางคืนก็ออกงานอีกที่หนึ่ง
ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ 2 รอบ
ขึ้น รอง ผกก.สืบภาค ที่โคราช สืบภาค 3 ตอนนั้นเป็น บช.ภ.3 อยู่กับ ท่านสมหมาย กองวิสัยสุข พี่สุวรรณ เอกโพธิ์ แล้วก็พี่บิ๊ก ภาณุ บุรณศิริ อยู่สืบภาค 3 อีกประมาณปีหนึ่ง ไปเป็นรอง ผกก.หัวหน้าสถานี สภ.บ้านค่าย ชัยภูมิ อยู่ 4 ปี ตอนนั้นเขาปรับเป็น สารวัตรใหญ่ 4-5 เดือน ขึ้น ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ รอบแรก
หลังจากนั้น ย้ายไปสภ.เมืองอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ แล้วกลับมาเป็น ผกก.เมืองบุรีรัมย์ อีกรอบ รวมแล้วเป็น ผกก. เกือบ 8 ปี ขึ้น รองผู้การ ตามเกณฑ์เลย ถึงขึ้น ผบก.ที่นี่วาระ 64
ตำรวจเมืองแปะมีวินัยไม่ดื้อรู้หน้าที่
บุรีรัมย์มี 23 อำเภอ 34 โรงพัก กำลังพล 2,600 คน เป็นระดับ ผกก.27 โรงพัก มีสารวัตรใหญ่ 4 เป็นสารวัตร 3 ตำรวจบุรีรัมย์ ค่อนข้างมีวินัย ไม่ดื้อ รู้หน้าที่ ก็โชคดี ที่อยู่ที่นี่มานาน เขาก็รู้จักเรา รู้ว่าเราเป็นคนตั้งใจทำงาน เขาก็ตั้งใจทำงานตามเกณฑ์ ตามมาตรฐาน
ปลุกเร้าลูกน้อง-เมืองยิ่งโตเรายิ่งได้
จะบอกเขาว่า อาจจะต้องเหนื่อยกว่าปกติ เหนื่อยกว่าหลายจังหวัด เพราะหลังๆเป็นเมืองท่องเที่ยวและกีฬา เพราะมีอีเวนต์ แต่ผมก็บอกเขาให้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เศรษฐกิจบุรีรัมย์ ดีขึ้น ไม่ใช่ดีเฉพาะคนอื่นๆ เราอาจะมีแม่ มีเมีย มีลูก ที่ทำมาหากิน ทำธุรกิจอยู่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว มันเป็นเรื่องใกล้ตัว
เขาเองอาจจะได้รับผลดีจากการที่เป็นเมืองท่องเที่ยว บอกเขาให้เข้าใจว่า เมืองยิ่งโต เราก็ยิ่งได้ ลูกเมีย ถ้าค้าขาย ขายของชำบ้าง อะไรบ้าง มันก็มีได้ อย่าคิดว่าเราต้องเหนื่อยเพิ่ม
ตำรวจส่วนใหญ่คนพื้นที่
คือเหนื่อยมันต้องเหนื่อยทุกคน ช่วยกันคนละไม้คนละมือมันก็สำเร็จ ที่ผ่านมา ทั้งวิ่งมาราธอน โมโตจีพี ใช้ตำรวจเป็นพันคน แต่เราก็หมุน ยุติธรรม โรงพักนี้มากี่ผลัด พื้นที่นี้เท่าไหร่ ทำเหมือนกัน งานได้รับเท่ากัน เขาก็โอเค.ไม่มีปัญหา ก็บอกให้เขาเข้าใจ มันเป็นเรื่องของเมือง เมืองเจริญ ครอบครัวของคุณก็เจริญ แม่คุณมีที่ทาง ที่ก็มีราคาเพิ่มขึ้น บอกให้เขาเข้าใจตรงนี้ ส่วนมากก็เป็นคนพื้นที่อยู่แล้ว
ประสานสนามช้างเรื่องจราจร
ยกตัวอย่าง ผมอยู่ตั้งแต่ปี 2540 ที่นี่ ก็ค่อนข้างเงียบ ไม่มีอะไร ไม่นึกว่าจะเติบโตมาได้ขนาดนี้ ผมว่าสนามฟุตบอล นี่ น่าจะ 10 กว่าปีแล้ว เห็นตั้งแต่ขุดหลุมวางเสาเอก ส่วนการประสานงานกับทางสนาม ก็จะมีการขอมากับทางเรา เป็นเรื่องปกติ ทำเป็นรูทีนเลย เพราะระบบการจราจร ถ้ามาคุยกัน ข้างในสนามจัดยังไงให้มันโฟล์ ได้ ข้างนอกรองรับยังไงได้ มันก็เป็นการจราจรที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
การระบายรถคือตัวชี้วัด
อย่าง โมโตจีพี ของเรานี่ ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่ง เขาดูเรื่องระบบการจัดการแข่งขันนะ ส่วนหนึ่งคือเรื่องของการระบายรถ บางสนามในต่างประเทศ เขาบอกว่า กว่าจะระบายรถได้ ประมาณ 4 ชั่วโมง แต่บ้านเราประมาณสักชั่วโมงหนึ่ง ระบายออกได้หมดเลย นี่คือตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง
ทำมานานจนเป็นรูทีน
เส้นทางนี่ยังแยกเลย ว่าในสนามช้าง กับเส้นทางนอกสนามช้าง ประสานกัน เพราะถ้าในสนามอย่างหนึ่ง นอกสนามอย่างหนึ่งเป็นปัญหาแน่ ค่อนข้างตั้งไว้เป็นโมเดล วางไว้แล้ว ทั้งโมโตจีพี ทั้งวิ่งมาราธอน เซ็ตระบบไว้ตั้งแต่ผมเป็นรองผู้การ อันไหนบกพร่องก็แก้ไข ไปเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้เป็นรูทีนแล้ว
เดี๋ยวนี้ลูกน้องเป็นรองผู้การแล้ว ก็บอกว่า ง่าย เพราะว่าทำมา 7 ปีแล้ว ผมเป็นรองผู้การ ที่นี่ 5 ปี คุมเรื่องกิจการพิเศษมา 5 ปีเลย ได้เห็นทุกอย่าง
แบ่งงาน6รองผู้การรับผิดชอบ
ยกตัวอย่าง โมโตจีพี จะตั้งเป็น ฉก.แล้วผมจะคอยมอนิเตอร์ ทั้งหมด อย่าง รองผู้การ เอ รับผิดชอบ สนามช้าง รองผู้การ บี รับผิดชอบเส้นทาง รองผู้การ ซี รับผิดชอบสนามบิน คือรองผู้การผมมี 6 ท่าน ทุกท่านก็จะมีรับผิดชอบหมด แล้วเวลาประชุมกัน จะเข้าใจภาพว่าเส้นทางเป็นแบบนี้ จากในสนามบิน มี ทก.มีที่ประชุม
ผมไม่ต้องไปดูทั้งหมด ประชุมที่นี่ คอนเฟอเรนซ์กับสนามบิน วันนี้มีกี่ไฟล์ท ติดขัดอะไรยังไง ส่วนมากสนามบินจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะถ้าเป็นอีเวนต์ โมโตจีพี จะม ตม.ศุลกากร ไปอยู่ ไปเสริมในช่วงนั้น
งดจัดสงกรานต์เพราะขาดน้ำ
ส่วนเทศกาลสงกรานต์ เท่าที่ทราบ ที่สนามช้างไม่จัดงาน ตามนโยบายประธานสโมสร คือเราเคยเจอปัญหาขาดน้ำของในเมือง เลยไม่อยากให้มันมีภาพของการสาดน้ำทิ้งขว้าง แล้วการกลับมาอยู่บ้าน ควรจะอยู่กับพ่อแม่ ไม่ต้องไปไหน ไม่ใช่มาไหว้พ่อปุ๊บ ออกไปเมา 2 วัน กลับบ้าน เจอหน้าพ่อครั้งเดียว ท่านมองอย่างนี้ ที่สำคัญ คือในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่อยากให้มาสาดน้ำ แล้วต้องมาขาดแคลนน้ำ
ลักวิ่งชิงปล้นไม่ปรากฎ
ส่วนอาชญากรรมที่มากับงานอีเวนต์ เท่าที่ดู ไม่ปรากฏ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น อย่างที่ผมยกตัวอย่าง ผมให้รองผู้การคนหนึ่ง รับผิดชอบเรื่องที่พัก โรงแรมทั้งหมดเลย ก็หลายร้อยนะ รวมทั้งโฮมสเตย์ เล็กใหญ่ก็แบ่งเลย แบ่งรองผู้การเป็นหัวหน้า ชป.ที่พัก ก็มีในเมือง ต้องมีระดับ รอง ผกก.หรือ สว.รับผิดชอบคนหนึ่งเลย
รวมทั้งที่จอดรถด้วย เพราะปัญหาส่วนมากคือ ที่จอดรถ มีการขโมยยางอะไหล่ งัดรถ แต่ก็ไม่มีปรากฏนะ มีที่เกิดขึ้นอย่างเดียว คือขายบัตรปลอม เป็นแก๊งที่มันมาทำบัตร ทำริสต์แบนด์ปลอม ก็เจอแล้วจับได้
จับยายึดทรัพย์อันดับ1ภาค3
อาชญากรรมทั่วไปในบุรีรัมย์ ตอนนี้เป็นเรื่องของปัญหายาเสพติด เพราะพื้นที่เราใกล้พื้นที่ที่แพร่ระบาด สตึก อย่างนี้ คือจุดวางยาเลย ในตัวเมืองถือว่าน้อยมาก แล้วการดำเนินการค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพ เมื่อต้นเดือน บุรีรัมย์ ก็ไปรับรางวัลจาก ผบ.
ในเรื่องการสืบสวนจับกุม เรื่องของยาเสพติด เราจับได้เยอะ จับได้เป็นลำดับต้นๆ ของภาค 3 ปริมาณอาจจะไม่มาก เหมือนภาค 4 เหมือนโคราช แต่การขยายผล ขั้นตอนต่างๆของเราได้เป็นอันดับ 1 ของภาค ยึดทรัพย์ได้30 กว่าล้าน ถือว่าสูง เกินเป้าที่กำหนด
:ส่วนเรื่องสถานบริการคาดโทษไหม ถ้ามีหน่วยนอกจับ ผู้การรุธน์เล่าว่า
ก็คาดโทษไว้ เพราะเรื่องสถานบริการ เป็นเรื่องที่ต้องระวังแล้วพูดมานานแล้ว คือไม่ต้องคาดโทษ เขาต้องโดนด้วยตัวเขาเองอยู่แล้ว ถ้าโดน อีกอย่างก็คือเรื่องของเสียง ตอนนี้ค่อนข้างจะมีปัญหา ผมก็ลงทุนซื้อเองเลยนะ ปกติไม่เกี่ยวกับงานตำรวจเลย เครื่องวัดเสียง
เรียกเจ้าของคุย ถ้าดื้ออย่าว่ากัน
ผมเรียกมาคุยเลย ผู้จัดการไม่ต้องมา เอาเจ้าของมา ตำรวจบอก เสียงดังนะ โอเค.เบา แต่พอตำรวจคล้อยหลังไป ก็ดังอีก ผมบอกว่า ถ้าสุ่มเจอ ผมตั้งด่านนะ อย่าว่ากัน ครั้งแรกอาจจะเตือน ครั้งที่ 2 ก็มาเลย แล้วตั้งด่าน 3 วัน เจออีกครั้งที่ 3 ก็ตั้งด่าน 5 วัน เจออีกก็ตั้งด่าน 7 วัน อยู่ได้ก็อยู่ไป
อย่ามาว่าตำรวจมารังแก คือเข้าใจว่าโควิดมันเพิ่งหาย ก็อยากทำมาหากิน แต่คนอื่นเขาเดือดร้อน
ระดับเสียงผับบาร์ยันรถแห่ให้แค่90
งานวิ่งมาราธอน ผมก็เอาเครื่องนี้ไปใช้ หลายคนก็ชมนะ ระดับปัญหาของเสียง ผมให้ 90 เดซิเบล รถแห่ ผมให้ไปวัดหมดเลย ถ้า 90 ปุ๊บ เดี๋ยวนี้ใช้เป็นไอแพดคุม เป็นมิกซ์ ผมให้ถ่ายรูปเก็บไว้ บอกว่าคุณใช้ได้แค่นี้นะ โวลุ่มคุณ มาสเตอร์คุณได้แค่นี้ คุณจะมาผมไม่รู้ ว่ามันดังแค่ไหน ไม่ได้นะ ถ้า 90 เดซิเบล โวลุ่มคุณได้แค่นี้ มันก็ไม่มีเรื่อง
พอคุมเรื่องเสียงได้ เรื่องตีกันก็ไม่มี ปีนี้ไม่มีเลย ปีที่แล้ว พวกรถแห่ต่างๆ เขาอยากจะโชว์เครื่องเสียงเขา พอวัยรุ่นเห็น ว่าเครื่องนี้ดี ก็แห่กันไปตามเครื่องเสียง ก็ไปตีกันอยู่นั่น แต่ทีนี้ทุกคนเท่ากันหมด 90 แล้วกระจายกันไป ไม่ต้องไปแห่
:ถามถึงเรื่องสำคัญ การเตรียมการก่อนเลือกตั้งที่ใกล้จะถึง ผู้การรุทธบอกว่า
ในส่วนตำรวจบุรีรัมย์เบื้องต้นให้ตรวจสอบ ผู้สมัคร ตอนนี้พอทราบแล้วว่าพรรคไหน ใครลงบ้าง ก็เตรียมข้อมูลไว้ ในเรื่องของตัวบุคคล ทีมงาน ถึงแม้บุรีรัมย์ ไม่มีความรุนแรงเรื่องของการหาเสียง แต่เราก็ต้องวางไว้ก่อน พูดตรงๆ ว่า นาย ก สมัคร มีเครือญาติ มีหัวคะแนน ชั้น 1-3 ใครบ้าง คือป้องกันการกระทำความผิด
อยู่นานรู้ทุกเรื่องในพื้นที่
สมมติ ว่า ก ซื้อเสียง ตำรวจแต่ละพื้นที่ต้องรู้ใครคือหัวคะแนน ใครคือคนที่ไปเซื้อเสียง ไม่ใช่ไปหากัน ณ เวลา ที่บอกว่า นาย ก ไปจ่ายเงิน ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนจ่ายเงิน ตอนนี้คุณต้องทำการบ้านแล้ว นาย ก มีรถอะไร ใช้รถอะไรบ้าง หัวคะแนน ใช้รถอะไร ตอนนี้ต้องทำการบ้านไว้รอ
ดีอย่างหนึ่ง คืออยู่บุรีรัมย์มานาน ตั้งแต่ สารวัตร ผู้กำกับ เป็นรองผู้การ 6 ปี รับผิดชอบกิจการพิเศษ ทั้งเลือกตั้ง ทั้งกิจกรรมในจังหวัด รับรู้ความเคลื่อนไหว มาตลอด
แต่บุรีรัมย์ ผมว่าการเลือกตั้งไม่ค่อยรุนแรงนะ เพราะว่าค่อนข้างจะชัดเจน ไม่ห่วงพื้นที่ไหนเลยนะ ของบุรีรัมย์ แต่ละพื้นที่อยู่มา ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีความรุนแรง
:ที่เขาบอกว่า เป็นเมืองของภูมิใจไทย ตำรวจลำบากใจหรือไม่ เพราะมีการมองการวางตัวของตำรวจ ผู้การรุทธพลตอบว่า
ยุคนี้ไม่มีแล้วใช้ตำรวจช่วยหาเสียง
ผมว่าตอนนี้ ถ้าใครเอาตำรวจไปช่วยหาเสียง ผมว่าเสียคะแนนเลย คือการเมืองมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างสมัยก่อน เลือกตั้งปั๊บ ต้องเอาตำรวจไป ต้องมีพกปืนไปให้เห็น ไม่ใช่แล้ว เดี๋ยวนี้ ถ้าพกปืนไป ชาวบ้านถ่ายคลิป ส่งไป แป็บเดียวถึงเลย เดี๋ยวนี้ถ้าใครทำไม่ดีก็ถึงตัวเลย
ผมว่ามันหมดยุคแล้ว การเมืองเดี๋ยวนี้ต้องสู้กันในเรื่องนโยบายมากว่า เรื่องจะเอาตำรวจดักหน้าดักหลังบ้านคู่ต่อสู้ ผมว่าไม่มีมานานแล้ว ลองผู้สมัครคนไหนจะไปใช้ตำรวจ คะแนนหายเลย
ภาพลักษณ์ตำรวจดื้อ..ไม่มี
ส่วนของภาพลักษณ์ตำรวจ ในภาพรวมผมพูดเล่นๆ กับน้อง บางทีตำรวจภูธร ผมว่าเขาก็ทำงาน ไม่ได้เข้าข้างว่าเราเป็นตำรวจภูธรด้วยกัน คือผมว่าเขาก็ทำงานของเขาตามปกติ ภาพลักษณ์ของบุรีรัมย์ ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่มันรุนแรง
เรื่องอะไรที่ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ผมว่าแล้วแต่จังหวะ แล้วแต่พื้นที่ หลายสิ่งหลายอย่าง ตำรวจทำผิด เราก็ดำเนินการอย่างเฉียบขาด แต่อย่างตำรวจดื้อ เป็นซุ้มมือปืน ไปเลี้ยงมือปืนไว้ อย่างนี้ ที่นี่ ไม่มี
อยู่20กว่าปีไล่จับเด็กน้อย-โตมาได้ดีหมด
ผมอยู่มานาน เป็น สว.สืบ อยู่เฉพาะกิจมาตั้งแต่ปี 2540 รวมแล้ว 20 กว่าปี ผมว่าผมเป็นนายตำรวจที่อยู่บุรีรัมย์ นานที่สุด อยู่ อ.เมือง นานที่สุด คือทุกอย่างผมรู้ ผมแกล้งพูดเล่นๆ มองไปก็รู้ คือเด็กน้อย ผมไล่จับ จนเดี๋ยวนี้โตกันหมดแล้ว เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ สมัยก่อน ได้ยินชื่อ สว.ก็หนี ผมไปทางซ้าย มันไปทางขวา
เดี๋ยวนี้โตขึ้น มันก็บอกว่า พี่รู้ไหม แต่ก่อน พี่คนเดียว พอพี่มา พวกผมก็ไปที่อื่น แต่พอมันโตขึ้นมา มันก็มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น
แก้ปัญหาหนี้สินลูกน้อง
เรื่องสวัสดิการลูกน้อง มีโครงการที่ทำแล้วเห็นผล คือโครงการแก้ปัญหาหนี้สิน อันนี้ผมจำตัวเลขได้เลย เพราะท่านจเร เพิ่งมาเมื่อปีก่อน เราก็ติดต่อธนาคาร แล้วลูกน้องใครที่มีหนี้สินหลายทาง ก็รวมหนี้สินไป แล้วก็เรื่องดอกเบี้ย แก้ไขไปได้ประมาณ 80 กว่าราย ที่มีปัญหาหนักๆ นะ ประมาณ 96 ราย รวม 85 ล้าน สามารถลดดอกเบี้ย เป็นหนี้ธนาคารด้วย หนี้ไฟแนนซ์ มีถึงขั้นล้มละลาย ก็มี แต่เราก็รวมหนี้
90กว่าราย ลดดอกเบี้ยไป12ล.
เสร็จแล้ว ก็ให้เขาไปกู้กับธนาคารที่ดอกเบี้ยต่ำๆ ถ้าหนี้ไม่เยอะก็โปะเลย ไปกู้จากที่เดียวเลย กับธนาคารออมสิน ก็มีนโยบายออกมา แต่เราทำนโยบายค่อนข้างที่จะได้เยอะ 90 กว่าราย แก้ปัญหาหนี้ 80 กว่าล้าน ลดดอกเบี้ยไปที่เป็นภาระดอกเบี้ยที่ลูกน้องต้องจ่าย ประมาณ 12 ล้าน
เรามีคณะกรรมการเงินกู้ ไปศึกษา ตัวสามีก็ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่เล่นการพนัน ตัวเมียก็เป็นครู เป็นพยาบาล มีธุรกิจส่วนตัว ก็โอเค.ให้กู้เลย เอาไปโปะดอกเบี้ย 3 บาท มาเสียดอกเบี้ยแค่ 2 บาท
อย่างนี้ ก็ถือว่าแก้ปัญหาได้แล้ว ลดดอกเบี้ยไปได้ 12-13 ล้านบาท ผมว่าตรงนี้มันเป็นรูปธรรมมากที่สุด
ครับ…นี่คือเส้นทางชีวิตและแนวคิดการทำงานของ บุรี1-พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ หัวหน้าตำรวจเมืองแปะ นายตำรวจที่อยู่บุรีรัมย์มาเกือบครึ่งชีวิต
กากีกลาย5/3/66