“บิ๊กหลวง“แถลง ปส.ตัดไฟต้นลม เครือข่าย ”เตชินท์ หน่อวงค์“ ครั้งที่3 ยึดยาบ้า 1,300,000 เม็ด อายัดทรัพย์ว่า 2,550,000 บาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มิ.ย.68 สำนักงาน ป.ป.ส.
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้แทนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดนายเตชินท์ หน่อวงค์ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ของกลางยาบ้า 1,300,000 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,550,000 บาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า คดีนี้ ป.ป.ส. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย เป็นความต่อเนื่องจากปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะแหล่งผลิตยาเสพติดจะอยู่ที่ประเทศเมียนมา ในความควบคุมของกลุ่มว้า รัฐฉานตอนใต้และรัฐฉานตอนเหนือ
นอกจากจะจับกุมผู้ค้าในพื้นที่ สกัดจับ และนำผู้เสพเข้าบำบัดแล้วนั้น เราก็ต้องขยายไปให้ถึงต้นตอผู้สั่งการในต่างประเทศ จึงเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม
ในวันที่ 2-4 ก.ค.นี้ จะเดินทางไปที่ประเทศเมียนมา เพราะเราได้ออกหมายจับบุคคลที่ไปถือครองทรัพย์สินในประเทศเมียนมาที่ท่าขี้เหล็ก ประมาณพันกว่าล้านบาท ได้ส่งเอกสารแปลภาษาไปยัง ผบ.ตร. ของประเทศเมียนมา และเลขาธิการ ป.ป.ส. ของประเทศเมียนมา จากนั้นจะได้บินไปหารือเพื่อตรวจยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิด
ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นการขยายผลต่อยอด โดยในเดือน มี.ค.ครั้งนั้น ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย และปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด 6 จังหวัด ยึดทรัพย์ได้ 80 กว่าล้านบาท มีตัวการสำคัญ คือ นายเตชินทร์ หน่อวงค์ เป็นผู้สั่งการและผู้ค้ายาเสพติด
ทั้งนี้ บช.ปส. ได้เสนอต่อสำนักงาน ป.ป.ส. ให้นายเตชินทร์ เป็นผู้ต้องหาที่ต้องการตัวมากที่สุดในขณะนี้ มีค่าหัว 1,000,000 บาท มีหมายจับศาลอาญา ที่ 132/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทราบว่านายเตชินทร์หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา เราต้องพยายามจับกุมระดับผู้สั่งการให้ได้ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สปป.ลาว เมียนมา
กรณีของนายเตชินท์ หน่อวงค์ ถือเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งถ้าสามารถจับกุมตัวระดับนี้ได้มันจะช่วยหยุดวงจรการค้าและจำหน่ายยาเสพติดได้ ลดปริมาณยาเสพติดได้ ทั้งไอซ์ ยาบ้า และเฮโรอีน
เราจึงต้องพยายามขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้บังคับใช้กฎหมายในประเทศเหล่านั้น ช่วยสืบสวนและหาตัวผู้สั่งการที่ไปหลบอยู่ในประเทศของเขา
อย่างกรณีของ สปป.ลาว เราได้มีการส่งรายชื่อผู้ต้องหาในคดียาเสพติดไปแล้ว 21 ราย ส่วนประเทศเมียนมาประมาณ 47 ราย ส่วนใหญ่ก็เป็นรายใหญ่ทั้งสิ้น
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส.ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ
รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ครบทั้งวงจร
ด้าน นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า คดีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากการยึดทรัพย์ 80 ล้านบาทในการเปิดปฎิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3
เหตุเกิดครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 ทางสำนักงาน ป.ป.ส. และภาคีได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมเฮโรอีน 154 กก. ที่จ.สุพรรณบุรี หลังจากนั้นเราได้ออกหมายจับนายเตชินทร์ กับพวก รวม 3 ราย ซึ่งนายเตชินทร์ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังมีพฤติการณ์สั่งการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยทั้งยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน
กระทั่งวันที่ 16 ม.ค. บก.น.2 ของตำรวจนครบาล จับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมไอซ์ 105 กก. รายดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายของนายเตชินทร์ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.
ต่อจากนั้นวันที่ 15 ก.พ. สำนักงาน ป.ป.ส. และภาคี ได้มีการจับกุมไอซ์ 504 กก. ที่มีการซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุก 10 ล้อ แล้วยึดทรัพย์สินไปประมาณ 9 ล้านบาท และอนุมัติขอออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 5 ราย
จากนั้นเราได้มีการสืบสวนพฤติกรรมดูว่ากลุ่มนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ลงสู่พื้นที่ตอนใน และมีการแพร่กระจายไปยังจังหวัดระยอง เราจึงมีการสืบสวนดูความเชื่อมโยง พิกัดโทรศัพท์ จนทราบว่ามีรถลำเลียงเดินทางขึ้นไปทางเหนือ แล้วก็จะเดินทางลงมา
ชุดปฏิบัติการจึงเฝ้าติดตามและทำการตรวจค้น จึงเป็นที่มาของวันที่ 21 มิ.ย. – 22 มิ.ย. ทำให้หน่วยงานภาคีทั้งหมด ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 รายในทีเเรก เป็นการจับกุมได้ที่จ.พิจิตร และเมื่อมีการขยายผล จึงจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ที่จ.นนทบุรี และเมื่อมีการตรวจค้นผู้ต้องหา ตรวจสอบบ้านพักและทรัพย์สิน ตรวจยึดได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการสอบสวนดังกล่าวได้ดำเนินการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นระยะเวลาปีครึ่ง ได้ค่าจ้างประมาณครั้งละ 100,000 ถึง 200,000 บาท ซึ่งก็แล้วแต่ประเภทยาเสพติด
อย่างไรเราจะมีการดำเนินการสอบสวนสืบสวนต่อไป เพราะนายเตชินทร์ คงจะมีการสั่งการลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าในต่างประเทศเยอะ