แฟ้ม(ไม่)ลับสีกากี โดย สมถวิล หน้าที่ 27.
สิบตำรวจตรีหญิงสมฤทัย รองทอง “ปีใหม่” อายุ 24 ปี ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 2 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ค่ายนเรศวร)
เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2535 พื้นเพเป็นคนกรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากโรงเรียนศรีวิกรม์ รุ่นที่ 48 และกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันตำแหน่งประจำสำนักงานรองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
ทำไมถึงมาเป็นตำรวจล่ะครับ!?
เกิดในครอบครัวตำรวจโดยมีจ.ส.ต.ทวี รองทอง คุณปู่เป็นตำรวจอยู่ที่ค่ายนเรศวร ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าคุณพ่อมักจะพาไปหาคุณปู่อยู่เสมอทำให้ซึมซับกับเครื่องแบบสีกากี จากนั้นก็ได้มาอยู่กับคุณพ่อ ร.ต.ต.สมพงษ์ รองทอง รองสว.จร.สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ตอนนั้น ทำงานเป็นผู้จัดการร้านขายเสื้อผ้า
จุดหักเหของชีวิตที่ตัดสินใจมาสมัครสอบตำรวจคือ มีอยู่วันหนึ่งได้วิ่งไล่จับโจรที่มาขโมยรองเท้าในแฟลตตำรวจ รองเท้าหน้าห้องหายบ่อยมาก วันนั้นเลิกงานมาตอนเย็น เจอผู้ต้องสงสัย สะพายกระเป๋าใบใหญ่เดินมาด้อมๆมองๆแถวๆชั้นที่เราพัก ถามไปว่า “มาหาใคร” เขาไม่ตอบแต่วิ่งหนี เป็นการวิ่ง 4×100 แบบเหนื่อยมาก วิ่งลงแฟลต ข้าม ถนน 4 เลน หน้า สน.ไปจับ รถก็เกือบจะชน ทั้งเราและขโมย แต่พอจับได้ ก็เอากระเป๋ามาเทดู โอ้โห รองเท้าคอมแบทตำรวจ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าแตะ ก็ยังมี
บางคนอาจจะมองว่ามันแค่รองเท้า แต่ลองคิดดูว่า ถ้ากำลังจะไปเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ แล้วออกมาหน้าบ้าน ไม่มีรองเท้าใส่ แบบนี้ก็แย่เหมือนกันนะ หลังจับกุมตัวได้ก็มีเจ้าทุกข์ที่รองเท้าหายมารับรองเท้าคืนและ ขอบคุณเรา เราก็รู้สึกว่าได้ช่วยคน เราดีใจนะ แบบคิดใจเขาใจเรา ของหาย ใครๆก็อยากได้คืน ทุกข์เพียงเล็กน้อยก็คือความทุกข์ ถ้าเราทำให้เขาหายทุกข์ได้ เราก็มีความสุข
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็ได้มีโอกาสไปสมัครสอบตำรวจสาย ปราบปราม สังกัด ตชด ดู ไปสอบแบบไม่ได้บอกใคร จนวันประกาศผล พ่อกับแม่ก็ยัง งงๆ แต่ ทุกคนในครอบครัวดีใจ โดยเฉพาะ พ่อ เพราะพ่อไม่เคยพูด ไม่เคยบังคับเราเลย แต่แม่จะมาแอบบอกเสมอว่า พ่อดีใจมาก เราเป็นสมฤทัย ของพ่อจริงๆ
“เป็นคนที่สนิทกับพ่อมาก พ่อไปเตะบอลที่ไหนก็ตามไปที่นั่น พ่อไปกดไฟ ไปเข้าเวร ไปรวมแถวร้องตามพ่อตลอด จนช่วงวันหยุดปิดเทอมได้มีโอกาสตามคุณพ่อไปทำงาน ไปอยู่ตามตู้จราจร ดูพ่อกดไฟ ดูพ่อโบกรถ หลายครั้งที่ พ่อ โดนรถเฉี่ยว พ่อโดนแท็กซี่ปิดกระจกหนีบแขนแล้วลากไปกับรถ โดนตำหนิ จากคนที่ไม่ชอบตำรวจ หลายครั้งต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เราเด็กจนโต เคยถามพ่อว่าทนได้ไง พ่อบอกว่า “เป็นตำรวจก็ต้องอดทนนะลูก พ่ออยากให้ลูกอดทน ให้ลูกยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้” เราในวันนั้นไม่เข้าใจ จนวันที่มาสอบได้ แล้วต้องเข้ารับการฝึกเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี จนจบออกมาทำงาน วันนี้เข้าใจในสิ่งที่พ่อสอนทุกคำ ว่า ความอดทนจะหลอมเราให้ทนทาน ให้เรายืนด้วย 2 ขาของเราได้จริงๆ” ผู้บังคับหมู่อมยิ้มก่อนเล่าให้ฟัง
นายตำรวจที่ยึดเป็นแบบอย่างก็คือ คุณพ่อ ร.ต.ต.สมพงษ์ รองทอง รอง สว.จร.สน.ลุมพินี ตั้งแต่หนูเกิดมาจำความได้ พ่อก็อยู่งานจราจรมาตลอด พ่อไม่เคยท้อ ไม่เคยบ่น แม้จะเป็นสายงานที่มีคนเกลียด คนไม่ชอบมากที่สุด แต่พ่อก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ดีมาเสมอ คุณพ่อ คือนายตำรวจที่ดีที่สุดของหนูค่ะ
คติประจำใจ คือ ในอีก 5 ปีข้างหน้าชีวิตเราจะเป็นเหมือนวันนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 สิ่งก็คือ ผู้คนที่เราคบ และ หนังสือที่เราอ่าน มนุษย์ทุกคนโอนเอนไปตามสภาพแวดล้อมต่างๆ สำหรับปีใหม่ก็เช่นกัน บางที รู้สึกตัวว่าเราเริ่มขี้เกียจ หรือ หลงลืมเป้าหมาย สิ่งที่จะคอยดึงปีใหม่ออกมาจากจุดนั้นคือ เพื่อนที่คบ และ หนังสือที่อ่าน
“We will be the same person in 5 years that we are today except for 2 things : the people we meet and the book we read”