เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่กองบังคับการปรามปราบ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รองผบก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รองผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รองผกก.3 บก.ป.ร.ต.อ.หญิง กัญจิรา นรสาร รองสว.กก.3บก.ป.และเจ้าหน้าที่ ศปจร.ก.
ร่วมกันแถลงผลตรวจยึดขบวนการสวมซากรถยนต์ พร้อมของกลาง รถยนต์ต้องสงสัย 30 คัน
ประกอบด้วยรถกระบะ โตโยต้า อีซูซุ รุ่นต่าง ๆ 24 คัน รถเก๋งโตโยต้า โคโรล่า 5 คัน และรถฮอนด้า ซีวิค 1 คันซากรถเก๋ง ฮอนด้า แจ๊ส 2 คัน และมาสด้า 2 คัน เครื่องยนต์ 18 เครื่อง ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ 291 ชิ้น ที่ตรวจยึดที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นครปฐม ระยอง ปทุมธานีสมุทรปราการ และอุบลราชธานี
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายประเสริฐ ฤทธิ์หวี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/7 หมู่ 5 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้เสียหาย เจ้าของรถฟอร์ด แรนเจอร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 5878 ร้อยเอ็ด ถูกนำไปสวมซาก แจ้งความ สภ.พระประแดง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขยายผลและสามารถทลายขบวนการ แก๊งสวมซากรถยนต์ได้ที่จ.กาฬสินธุ์ และจังหวัดต่างๆ ได้ในที่สุด
พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 20 กันยายน 2561 นายประเสริฐ ได้พบเห็นรถกระบะยี่ห้อเดียวกับรถตน เพราะจำสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ที่หน้ารถได้ จอดอยู่บริเวณกลางซอยรัชดา 36 แยก 9-1 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.
เมื่อเข้าไปสอบถามพบว่า ผู้ครอบครองรถคือนายหาญ พันธ์พรม ได้แสดงหลักฐานกรรมสิทธิ์รถถูกต้องตรงกับตัวรถคันดังกล่าว ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ชุดศปจร.ก. จึงได้เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่าภายในรถมีใบเสร็จส่งงวดรถ ของนายประเสริฐ อยู่ในช่องเก็บของด้านหน้ารถ อีกทั้งนายประเสริฐยังมีกุญแจสำรองของรถด้วย เป็นเหตุให้เชื่อว่ารถเป็นของนายประเสริฐ
พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ได้ตรวจสอบขยายผลพบขบวนการดังกล่าว ทำเป็นขบวนการใหญ่โดยจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขบวนการหาซากรถยนต์ จากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุและไม่ได้มีการไปแจ้งกรมขนส่งให้มีการหยุดการใช้รถ
ขบวนการหารถที่ถูกโจรกรรม หนีไฟแนนซ์ และหนีภาษี
ขบวนการสวมซากรถยนต์ และ ขบวนการนำเข้าสู่ตลาดในการขายส่ง
สำหรับขบวนการดังกล่าวซื้อรถหรือซากรถยนต์มาในราคาเพียง 100,000-200,000 บาท และนำมาประกอบใหม่โดยไม่จดทะเบียนที่ถูกต้องในราคา 500,000-600,000 บาท ใน 1 เดือนสามารถประกอบได้ 5-6 คัน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ออกหมายเรียกนายทรงพล อายุ 52 ปีนายหน้านำรถที่สวมซากประกอบเสร็จไปขาย พวกพร้อมอีก 6 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และอยู่ระหว่างการขยายผลอีก 20 ราย หลังพบมีความเชื่อโยงทางการเงิน
นายประเสริฐ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 พี่ชายได้ยืมรถไปใช้ แล้วนำไปจำนองและได้หลุดจำนองไปแล้ว กระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2561 ได้พบรถฟอร์ดจอดอยู่ในพื้นที่สน.พหลโยธิน จึงได้เข้าแจ้งความที่สน.พหลโยธิน
แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวมีเอกสารครบ แต่ตนยืนยันว่ารถเป็นของตน เนื่องจากว่าเป็นคนแต่งรถเองทั้งหมด ทั้งไฟด้านหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไฟด้านในเปลี่ยนใส่เป็นไฟ LED ทั้งหมด
นอกจากนี้กระจกด้านหน้าและด้านหลังติดสติกเกอร์ตำรวจไว้อีกด้วย จึงเข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม กระทั่งสามารถตรวจพบตัวการใหญ่ที่นำรถมาสวมซากและนำมาขายต่ออีกครั้ง
