บ่ายวันที่ 7 ก.ค.64 ที่ บก.ป.พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายขบวนการปั่น เฟค นิวส์ ( FAKE NEWS )โจมตี บริษัทมะลิกรุ๊ป 1962 จํากัด หรือ “นมข้นตรามะลิ”
หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ บก.ปอท. นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ กทม. จำนวน 17 จุด
จับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, อั้งยี่และซ่องโจร, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันบิดเบือนข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน
จับผู้ต้องหาได้ 14 ราย พร้อมของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร, เครื่องมือสื่อสาร, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารเกี่ยวกับการเงิน และอื่นๆ รวมกว่า 100 รายการ
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวว่าเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2563 บริษัทนมข้นดังกล่าว ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความกับกองปราบปรามถูก เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ฉาว ต้อง แฉ “โพสต์ภาพและข้อความ ลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท
เป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายขอให้กองปราบปรามดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ได้ขยายผลตรวจสอบจนทราบว่าแอดมินเพจดังกล่าวเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์
ได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมรายหนึ่ง ซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของผู้เสียหาย เป็นเงิน 12 ล้านบาท เพื่อให้สร้างข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ ทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวต่อว่าแนวทางสืบสวนยังทราบอีกว่า เพจดังกล่าวได้กระทำมาตั้งแต่กลางปี 2562 มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน
อาทิ คนรวบรวมข้อมูลบริษัทผู้เสียหายมาสร้างประเด็นโจมตี และ คนยื่นหนังสือตรวจสอบคุณภาพตามหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง คนเผยแพร่ข้อมูลเฟคนิวส์ตามสื่อสังคมออนไลน์ และคนประสานงาน
รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การจับกุมตัวได้
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้ง 14 รายนั้น ประกอบได้ด้วยผู้ว่าจ้าง ทนายความ คนกลางในการติดต่อว่าจ้างและผู้ที่อยู่ในขบวนการปั่น Fake newsในจำนวนนี้มีอดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ร่วมอยู่ด้วย
รอง ผบก.ป. กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุการว่าจ้างในครั้งนี้ มาจากปัญหาความขัดแย้งเชิงธุรกิจระหว่าง2บริษัท แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน
หากผู้ต้องหาประสงค์จะยื่นขอประตัวในชั้นพนักงานสอบสวนนั้นเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ต้องเสนอผู้บังคับบัญชาว่าจะให้หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีหลักฐานที่เชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าวได้