Saturday, November 23, 2024
More
    Homeปร์วีร์ บันทึกท่องเที่ยวพิชิต ‘ถ้ำนาคา’สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูลังกา เศียรพญานาคสุดมหัศจรรย์

    พิชิต ‘ถ้ำนาคา’สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูลังกา เศียรพญานาคสุดมหัศจรรย์

     

    2 ปี กับการบุกเบิก ถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ขึ้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตำนานความเชื่อศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเจ้าปู่อือลือ ที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคและถูกจองจำ จะพ้นคำสาปและทำให้พื้นที่นั้นได้เป็นที่รู้จักและเจริญรุ่งเรือง ก็ต่อเมื่อครบ10 ปี

    สอดคล้องกับการครบรอบการก่อตั้งจังหวัดบึงกาฬ 10 ปี ในปีพ.ศ. 2563 ทำให้มีผู้มาพบเห็นถ้ำแห่งนี้

    รวมถึงลักษณะทางธรณีของถ้ำ ที่ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์ เพราะปรากฏหินคล้ายงูใหญ่หรือพญานาคตลอดทางเดินขึ้นถ้ำ

    นักธรณีวิทยาระบุว่าเกิดจากการที่พื้นผิวของหินเกิดการกัดกร่อนตามปรากฎการณ์ซันแครก (sun crack) ทำให้มีลวดลายคล้ายเกล็ดปลาหรือเกล็ดงู

    ส่งผลให้ผู้ศรัทธาในองค์พญานาค มีความเชื่อว่าท่านกลายเป็นหิน สถิต ณ อุทยานแห่งชาติภูลังกาแห่งนี้ หลั่งไหลมาทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนเขาภูลังกา ตลอดจนเหล่าดารานักแสดงนิยมมาทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพร ให้มีงานมีเงินเข้ากระเป๋าเฮงๆปังๆ

    พร้อมรีวิวด้วยคลิปวิดีโอ ภาพถ่าย และคอนเทนต์ โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ถึงความแอดเวนเจอร์ ทางขึ้นถ้ำที่มีความลาดชันมาก สุดท้าทาย เรียกว่าถ้าสภาพร่างกายไม่ดีอาจเดินขึ้นไปไม่ถึงถ้ำนาคา

    ลายเป็นกระแสความสนใจของเหล่านักท่องเที่ยว สายมู สายแอดเวนเจอร์ เนืองแน่น ถึงขนาดต้องจองคิวขึ้นถ้ำกันข้ามเดือนเลยทีเดียว

    หลังจากถ้ำนาคาปิดไป 1 เดือน เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูธรรมชาติ และเปิดให้นักเที่ยวเดินขึ้นไปสักการะอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2565  พบว่านักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจจองคิวผ่านแอพ QQ ของกรมอุทยาน เพื่อขึ้นถ้ำจำนวนมาก โดยแต่ละวันสามารถรับนักท่องเที่ยวได้จำนวน 700 คน

    สายมู อย่างเราพลาดไม่ได้เลยล่ะงานนี้!

    เช็กตารางงาน ยื่นใบลาพักร้อนล่วงหน้ากันนานพอสมควร จนถึงกำหนดวันขึ้นถ้ำนาคา เราเดินทางไปถึงบึงโขงหลงก่อนขึ้นถ้ำ1วันเพื่อเตรียมตัว

    เย็นก่อนวันขึ้นถ้ำนาคา เราพักกันที่บ้านฉันโฮมสเตย์ เป็น โฮมสเตย์​ วิถีวัฒนธรรม​ อยู่ใกล้ถ้ำนาคาแค่​ 6​ กิโลเมตร และใกล้ตำหนักปู่อือลือเพียง ​500​ เมตรเท่านั้น

    ที่นี่ห้องพักสะอาด อบอุ่น และปลอดภัยและตอนเช้าสามารถตื่นมาใส่บาตรหน้าโฮมสเตย์จะมีพระสงฆ์ออกเดินบิณฑบาตผ่านมาค่ะ

    คืนนี้คณะของเรากรุ๊ปเล็กๆ 3 คน นอนพักกันตั้งแต่หัวค่ำ เก็บแรงเอาไว้เดินขึ้นถ้ำนาคา

    ตามรีวิวบอกว่าเป็นทางลาดชันมาก ระยะทาง 1.4 กิโลเมตร ไปกลับเท่ากับ 2.8 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินขึ้นและลง 4-5ชั่วโมงตามสภาพร่างกายและความชำนาญของแต่ละบุคคล

    สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ผู้สูงวัย รวมถึงคนที่กลัวความสูงการเดินขึ้นถ้ำนาคาต้องบอกว่าไม่ง่ายค่ะ แต่กระนั้นก็ไม่ยากเกินความสามารถสำหรับคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัวอะไร

    พี่สาวคนหนึ่งในคณะเราที่ศรัทธาองค์พญานาคแนะนำให้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ขึ้นถ้ำนาคาสำเร็จ

    เราทำตามนั้นค่ะ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่กลัวความสูงมากถึงขั้นก้าวขาไม่ออกเลยทีเดียว แต่ก็อยากขึ้นถ้ำนาคาได้สำเร็จ

    ตื่นเช้ารับอรุณวันดีเดย์ ทุกคนในคณะสดชื่นแจ่มใส เตรียมพร้อมสำหรับขึ้นถ้ำนาคา

    คำแนะนำในการเตรียมตัวเริ่มจากเสื้อผ้า ควรใส่เสื้อยืดสบายๆ กางเกงขายาวหรือเลกกิ้ง ไม่แนะนำให้นุ่งกางเกงขาสั้น เพราะอาจถูกกิ่งไม้หรือหินข่วนขาเอาได้

    รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่ยึดเกาะพื้นได้ดี และถุงมือผ้าสำหรับจับราวบันได้และราวเชือกเพื่อไม่ให้เชือกบาดมือค่ะ

    มีกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัด เตรียมยาดม ยาที่จำเป็น ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนูผืนเล็ก น้ำดื่มขวดกะทัดรัด ใส่ในกระเป๋าเป้ แต่กรณีน้ำดื่มถ้าไม่ได้เตรียมไป ไกด์ท้องถิ่นที่เป็นผู้นำทางจะเตรียมใส่กระเป๋าเก็บความเย็นเอาไว้บริการตลอดทางเดินขึ้นถ้ำค่ะ

    คณะเราไปถึงถ้ำแต่เช้าตรู่ หลังจากเข้าคิวให้เจ้าหน้าที่อุทยานเช็กชื่อและบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้พบกับไกด์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามลำดับคิว โดยไกด์ท้องถิ่นจะมีจำนวนประมาณ 100 คน รอต้อนรับนักท่องเที่ยว

    ทั้งหมดต้องผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐาน Local Cave Guide และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด บอกก่อนว่าพวกเขาไม่มีค่าแรงตายตัว ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวแต่ละกรุ๊ปจะให้เป็นค่าเหนื่อยและสินน้ำใจค่ะ

    ปกติ ไกด์ 1 คน จะนำทางได้วันละกรุ๊ปเท่านั้น เพราะต้องใช้การเดินเท้าไปกลับ 4-5 ชั่วโมง และห้ามขึ้นถ้ำหลังเวลา 14.00 น. เพราะทางอุทยานกำหนดให้ทุกคนต้องออกจากถ้ำเวลา 16.30 น.

    เริ่มออกสตาร์ต ไกด์จะเดินนำทางไปเรื่อยๆและคอยดูแลทุกคนในคณะค่ะ ไม่นานนักก็ถึงทางลาดชันมากเกือบเป็นแนวดิ่ง ต้องขึ้นบันไดเหล็กที่อุทยานปรับปรุงใหม่ สลับกับบันไดลิง และทางธรรมชาติ

    ตามทางจะมีป้ายบอกระยะทางว่าอีกกี่กิโลเมตรจะถึงถ้ำนาคา พร้อมทั้งมีจุดบอกพิกัดเป็นอักษรภาษาอังกฤษ A-L โดย A จะอยู่ใกล้ที่สุด ไปจนถึง L จะอยู่ด้านบนบริเวณทางเข้าถ้ำนาคา

    หลังจากเดินขึ้นถ้ำไม่นานนักจะเจอจุดแรกคือ ประตูเต่า หินที่มีรูปเป็นเต่า ให้คนเดินลอดขึ้นไป ตอนนี้เรายังไหวอยู่ค่ะ แต่สารภาพว่าใจแกว่งเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายประกอบกับกลัวความสูง ตอนนี้ร้องเพลงในใจได้เลย “ไม่คิดจะยอมแพ้ เราก็ไม่แพ้”55

    อ้อ แนะเป็นเคล็ดลับสำหรับคนที่กลัวความสูงว่า เวลาขึ้นหรือลงบันได้ให้จับราวบันไดให้มั่น สายตามองที่ขั้นบันได้ไม่เกิน 3 ขั้น แล้วค่อยๆเดินขึ้นหรือลง อย่าเงยหน้ามองไกลๆ เพราะจะทำให้ใจหวิวๆก้าวขาไม่ออกค่ะ

    เดินขึ้นบันไดลาดชันมากจนเกือบตั้งฉากสักพัก ยอมรับว่าเหนื่อยค่ะ เราหายใจไม่ทัน ต้องหายใจทางปาก และนั่งพักตามทางไปเรื่อยๆ จุดนั่งพักจะเป็นเก้าอี้ไม้ธรรมชาติ ซึ่งไกด์จะมีมุขค่ะ บอกว่ามันคือเก้าอี้หลุยส์ ช่วยทำให้คนกลัวความสูงไม่เครียด

    สักพักเรามาจุด D ซึ่งจุดนี้ไกด์จะใช้เป็นจุดที่กำหนดว่าใครได้ไปต่อ ใครต้องเดินกลับค่ะ เพราะถ้ามาถึงจุดนี้แล้วร่างกายและจิตใจยังไหว

    ไกด์บอกว่า จากจุด D ต่อไปจะมีแต่เรื่องดีดีค่ะ ซึ่งเราอาศัยใจสู้ และร่างกายเริ่มปรับสภาพการหายใจได้แล้ว กลับมาหายใจทางจมูกได้ตามปกติ เราตัดสินใจขอไปต่อ เพราะเรื่องดีดี รออยู่นับจากนี้

    ไกด์นำทางคณะเราเดินสลับนั่งพักไปเรื่อยๆ ทำให้บางคณะที่ขึ้นมาทีหลัง แซงไปก่อน แต่ไกด์ก็จะใจเย็นรอเราได้ค่ะ

    สักพักเราก็ขึ้นมาถึง หัวนาคาที่ 3 หรือเศียรที่ 3 บอกเลยว่า อแมซิ่งมากค่ะ เหมือนงูยักษ์ที่เป็นหินแกะสลัก แต่ทั้งหมดคือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เพิ่งถูกค้นพ้นได้เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น เราสักการะท่าน ก่อนเดินขึ้นถ้ำต่อไป

    ระหว่างทางไกด์จะคอยให้กำลังใจว่าใกล้ถึงแล้ว พักใหญ่ๆ ก็มาถึงจุดไฮไลท์ คือ ทางเข้าถ้ำนาคา บอกเลยว่าโคตรดีใจ เพราะนี่หมายถึงเรามาถึงเป้าหมายได้สำเร็จ

    บริเวณทางเข้าถ้ำจะเป็นซอกหินไม่กว้างนัก จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยจัดระเบียบให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมถ้ำตามคิวค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องนั่งรอคิวบนโขดหินปากทางเข้าถ้ำ โดยไกด์จะเป็นคนรับบัตรคิวและดูแลเรื่องคิวให้

    เมื่อถึงคิวกรุ๊ปเราเข้าถ้ำนาคา จะมีทางลงไปในถ้ำ อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย และที่ว้าวมากคือ ตัวถ้ำคือตัวงูใหญ่โอบรัดอยู่ มองเห็นเกล็ดชัดมากจนขนลุกค่ะ เราได้สักการะและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามวัตถุประสงค์เรียบร้อย

    จากนั้นจึงเดินต่อไปผ่านผาชมวิว ตรงนี้จะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงและฝั่งลาวค่ะ ก่อนเดินผ่านทางขึ้นเจดีย์หลวงปู่วัง ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปสักการะได้

    เป้าหมายต่อไปอีกไม่ไกล คือ เดินไปถ้ำหลวงปู่วัง สถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมกรรมฐานของนักแสวงบุญ แม่ชี และพระภิกษุสงฆ์ เป็นสถานที่ร่มรื่นและเงียบสงบ ใช้พื้นที่ใต้ถ้ำในการประกอบกิจพิธีต่างๆ และนั่งสมาธิ ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ากราบสักการะขอพรหลวงปู่วัง ฐิติสาโร รวมทั้งมีพราหมณ์ทำพิธีเปิดทรัพย์ เรียกเงินทองเข้ากระเป๋า ตามความเชื่อถือศรัทธา

    จากนั้นเดินต่อไปยัง หัวนาคาที่ 1 หรือเศียรที่ 1 จุดไฮไลท์ที่ต้องกราบสักการะให้ได้ อากาศตรงจุดนี้ร่มรื่นเย็นสบาย และจากจุดนี้ต่อไปจะเป็นรีวิวการเดินลงเขาแล้วค่ะ

    จุดนี้มีเจ้าหน้าที่อุทยาน คอยดูแลนักท่องเที่ยว และพูดติดตลกว่า อย่าใช้คำว่า ขาลง ให้ใช้คำว่า เดินลง

    จะบอกว่าการเดินลงก็ระทึกไปอีกแบบ อันนี้เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับคนกลัวความสูง มองลงก็ไม่ได้ใจมันหวิว แนะนำให้จับราวบันได้ให้มั่น แล้วเอาด้านข้างลง มองบันไดไม่เกิน 3 ขั้น ไม่ต้องรีบ จุดไหนที่ก้าวขาไม่ออก ให้นั่งลงกับพื้นไปเลย แล้วค่อยๆไถลตัวลงมา

    และสำหรับคนขาไม่แข็งแรง ตอนเดินลงขาจะสั่นเพราะใช้กำลังขาในการเดินขึ้นมาก ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงพื้นราบอาการนี้จะค่อยๆหายไปเอง

    มิชชั่น สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาภูลังกาคอมพลีท เป็นที่เรียบร้อย เราใช้เวลาเต็มพิกัด 5 ชั่วโมง กรุ๊ปเรา 3 คนให้ค่าเสียเวลาไกด์ท้องถิ่น 1,000 บาทค่ะ

    บอกเลยว่า หลังจากเดินขึ้นถ้ำและได้พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนเขาภูลังกาตามที่ตั้งใจเอาไว้สำเร็จ กราฟพลังใจพุ่งปรี๊ดขึ้นไปอยู่ในแดนบวกทันที

    ถ้ำนาคา จัดเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตำนานความเชื่อศักดิ์สิทธิ์ที่แนะนำให้ไปมูสักครั้งค่ะ!!

    ปร์วีร์10/765

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments