Wednesday, October 15, 2025
More
    Homeท่องปทุมวัน“รุกรบจบเร็ว”ทิศทางกองปราบปรามยุค“ผู้การกอล์ฟ -พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ”

    “รุกรบจบเร็ว”ทิศทางกองปราบปรามยุค“ผู้การกอล์ฟ -พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ”

    เจ้าตัวลั่นคำมั่นสัญญาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.68 หลังรับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ อดีต ผบก.ป.

    ะทุ่มเทสรรพกำลัง สติปัญญา และความรู้ ความสามารถทั้งหมดที่มี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในคุณธรรม และความยุติธรรม และจะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยหลักธรรมาภิบาล 

    ความสำเร็จของภารกิจจะเกิดขึ้นมิได้ หากขาดความร่วมมือร่วมใจ จากเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนาย

    ผมจึงขอให้ทุกท่าน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ รู้รัก สามัคคี และยึดมั่นในอุดมการณ์ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

    สร้างชื่อเสียงให้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปราม สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

    วัน ว.เวลา น.ตรงกัน ได้จับเข่าคุยกับ“ผู้การกอล์ฟ”ที่ลุกจากเก้าอี้ ผบก.ปคบ. ถึงการมารับตำแหน่งคับประเทศไทย เป็นผบก.ป.คนที่40

    “ม.ต้น ผมจบโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย ที่นครปฐม มาซ้ำ ม.4 อีกรอบที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กทม.พอจบมัธยม ก็ไปสอบเข้าเตรียมทหาร แต่สอบไม่ได้

    มาติดครั้งที่ 3 คือ 2 ครั้งแรกไม่ได้เลือกเป็นตำรวจ เลือกเป็นทหาร เพราะดีเอ็นเอผมเหมือนกึ่งๆทหาร เพราะเติบโตมาเห็นภาพคุณพ่อคือ  พล.ต.อ.สมศักดิ์ บุบผาสุวรรณ

    ท่านเป็นตำรวจก็จริง แต่เป็นตำรวจตระเวนชายแดน มีภารกิจเหมือนทหาร ต้องรักษาความสงบตามแนวชายแดน ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ผมโตมาเห็นภาพพวกนี้  ยังนึกว่าพ่อเป็นทหารด้วยซ้ำ…..”

    ลูกชายคนกลางของพล.ต.อ.สมศักดิ์  อดีตผบช.ภ.8 เล่าย้อนประวัติกำเนิดดีเอ็นเอบู๊

    ปีสุดท้ายครั้งที่ 3 มาสอบเตรียมทหาร คราวนี้เลือกเหล่าตำรวจ ก็ได้ เลยเรียนจบเตรียมทหาร รุ่น 34 นายร้อยตำรวจ รุ่น 50

    เส้นทางรับราชการ จบใหม่ๆด้วยบุคลิกผมค่อนข้างที่จะขี้เหร่ เกเรในระดับหนึ่ง ระหว่างเรียนอยู่ก็เรียนไม่ค่อยดี โดนตัดคะแนนความประพฤติไปเรื่อยตามวิถีทางลูกผู้ชาย ผลการเรียนก็กลางๆ แต่ระบบโรงเรียนนายร้อยจะใช้คะแนนความประพฤติมาคิดรวมด้วย จัดลำดับสุดท้าย

    “จบปี 4 ผมสอบได้ที่ 255 จาก 300 คนนะ เพราะฉะนั้น 50 อันดับสุดท้าย ถูกตัดไป ตชด.หมด ผมไปลง ตชด. ที่ประจวบคีรีขันธ์ อ.บางสะพานน้อย เป็น ตชด.ภาค 1 แต่อยู่ใต้สุดของภาค 1”

    ไป 2 ปี อยู่ที่ช่องชี ตอนที่ผมไปอยู่ สถานการณ์ชายแดนมีการปะทะกับเมียนมา กะเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อย 3 ครั้ง 

    ปฏิวัติปี49โดนย้ายไปปัตตานี

    หลังจากนั้นท่าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบก.จร. มีคำสั่งย้ายจาก ตชด.ไปเป็นนายเวรท่านอดุลย์ 2 ปี พอท่านขึ้นผู้ช่วย ผบช. ท่านส่งผมลงในตำแหน่ง รอง สว.สส.สน.ลุมพินี ทำงานสืบสวน 4 ปี ขึ้นเป็น สว.ป.สน.ห้วยขวาง อยู่4ปี มีคำสั่งย้ายไปเป็น สว.สส.สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตอนนั้นปฏิวัติ ปี 2549 ก็โดนย้ายไปไหว้พระหลวงปู่ทวด

    “บิ๊กก้อง”ดึงเข้าสอบสวนกลาง

    อยู่ใต้ 2 ปี กลับมาอยู่ภาค 1 เป็น สว.สืบ จ.ปทุมฯ สมัยท่านเมธี กุศลสร้าง เป็น ผบก. จากนั้นขึ้น รอง ผกก.สืบภาค 1 ไต่เต้าจนเป็น ผกก.สืบ ภาค 1

    จนมีอยู่วันหนึ่งท่านสุรชัย ควรเดชะคุปต์ ขึ้น ผบช.ภ.4 ชวนผมไปทำงาน คำตอบที่ผมมีคือ ครับ จาก ผกก.สืบภาค 1 เลยไปเป็น ผกก.สืบ จ.มหาสารคาม ภาค 4

    ไปอยู่ตรงนั้น 2 ปี ผู้ช่วยก้อง(พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช) ขณะเป็น ผบก.ป. ชวนมาอยู่กองปราบ ขึ้นรอง ผบก.ป. 5 ปี มาปี 2560-2561

    รับงานสืบสวนเกือบทุกคดี

    ย้ายมาที่กองปราบ วัฒนธรรมองค์กรคนละแบบกับนครบาล ภูธร เพราะกองปราบอำนาจการจับกุมสืบสวนทั่วราชอาณาจักร ถ้าเป็นอเมริกาคือหน่วยเอฟบีไอ เป็นส่วนกลางมีอำนาจในการสืบสวนกว้างมาก  เวลาทำงานต้องออกไปทั่วประเทศ พูดง่ายๆว่า เครือข่าย โครงข่าย ทั่วประเทศเลย ผู้ช่วยก้องให้มาทำงานสืบ มีคดีอะไร ต้องลงไปเกือบทุกคดี

    คดีใหญ่ๆ ตอนนั้น ก็มีคดีปล้น ผอ.กอล์ฟ ปล้นร้านทองเป็นคดีแรก ที่มาอยู่กองปราบ  มีที่ จ.ตรัง ใช้อาก้ากราดยิงคดีถัดมา ที่ยากที่สุดเลย คือคดีบรรยิน ก็ทำด้วย คือถ้าเป็นรอง ผบก.ก็จะอยู่เบื้องหลังเกือบทุกคดี

    เก็บเกี่ยววิชาสืบรุ่นเก่าเดินดิน

    ถามว่าถนัดงานสืบสวนด้านไหน คือสมัยก่อนตอนที่ผมเริ่มทำงานสืบสวนใหม่ๆ มีอาจารย์สืบสวนหลายๆ คนนะ ไม่ว่าจะเป็นท่านสฤษดิ์ชัย อเนกเวียง ท่านปรีชา ธิมามนตรี ส่วนใหญ่จะเจอในตอนทำงานมากกว่า

    ตอนนั้นผมอยู่นครบาลเป็น รอง สว.สส.สน.ลุมพินี ระหว่างที่อยู่ในแท่งงานสืบ จะเจออาจารย์นักสืบเหล่านี้หลายคน บางทีท่านก็ลงมาช่วยคลี่คลายคดี ก็เก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ของท่านจดจำมาเป็นรูปแบบการทำงาน เพราะฉะนั้นผมจะเติบโตในรูปแบบของนักสืบแบบบ้านๆ แบบโบราณ เดินดิน

    ทำคู่ขนานกับเทคโนโลยี

    แต่พองานสืบพัฒนามาเรื่อยๆ มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเดินอากาศ รุ่นๆผมจะเข้าไม่ค่อยถึงหรอก จะเป็นเจนใหม่ๆรุ่นใหม่ๆ ที่มีความรู้ด้านนี้ขึ้นมาทดแทน เพราะฉะนั้นถ้าถามผมว่าผมถนัดแบบไหน ก็แบบเดินดินมากกว่า ปะ ฉะ ดะ หาข่าวกับสายลับบ้างลงพื้นที่ เป็นในรูปแบบของนักสืบรุ่นเก่า

    แต่การข่าวแบบนี้ชัดเจนกว่าใช้เทคโนโลยี เพราะเห็นบ้านเลยว่าอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเทคโนโลยีบางทีเห็นจากการส่องดูกูเกิล ก็เห็นแค่นั้น แต่ถ้าเราเดินดิน จะเห็นหมดทุกอย่าง ปัจจุบันก็ยังทิ้งไม่ได้ ต้องคู่ขนานกันไป ระหว่างเทคโนโลยี กับเดินดิน

    ขึ้นนายพลที่ปคบ.

    เป็นรองผบก.ป.5ปี ติดยศนายพลเป็น ผบก.ปคบ.จากเป็นนักสืบจับโจรหน้างานเปลี่ยนไปจับคนขี้โกง ถือเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง เรียกอาชญากรรมคอปกขาว ผู้ต้องหาประเภทใส่สูท ผูกไท

    ถ้าพูดในมิติงานสืบสวนจับกุมก็ใช้รูปแบบเดียวกับสตรีทไครม์ คือลัก วิ่ง ชิง ปล้น แต่อันนี้จะเป็นอาชญากรรมที่อยู่บนตึก อยู่ในร้านค้า ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากก็ใช้แนวทางเดียวกันในการสืบสวนจับกุม

    ภูมิใจได้รับงาน”ร้อยเอ็ดโมเดล”

    ผมมีเรื่องความภาคภูมิใจส่วนตัว คือก่อนหน้าที่จะมาเป็น ผบก.ปคบ.ระหว่างนั้นยังเป็น รอง ผบก.ป. ได้รับภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกหนึ่งภารกิจคือ ให้ไปทำเกี่ยวกับเรื่องปราบปรามยาเสพติดที่ จ.ร้อยเอ็ด

    ท่านผู้ช่วยก้อง สมัยเป็นผบช.ก. ให้ผมไปเป็นตัวแทนของสอบสวนกลาง ไปทำงานเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดที่ จ.ร้อยเอ็ด ทำกันปีหนึ่ง 9 เดือน ก็สำเร็จ เป็นความภาคภูมิใจของผม ที่สุดในชีวิต

    ค่อยๆสางทีละปัญหายานรก

    เนื่องจากว่า ก่อนหน้านี้ ถ้าเราจับยา เราจับเป็นเคสๆ แต่ร้อยเอ็ดนี้ เขาเรียกว่ามันเซลล์ใหญ่ คือทั้งจังหวัด ต้องปราบให้หมด ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้ไหมตอนไปแรกๆ

    แต่เราอาศัยความรู้ที่เราสะสมมาตั้งแต่อดีต ค่อยๆ จัดการทีละปัญหา สุดท้ายก็สำเร็จ โดยที่ว่าผมไม่ได้คิดเองเออเองนะ ผมรู้หรือไม่รู้ว่าสำเร็จหรือไม่ ท็อปปิกสำเร็จของเรา แต่ไม่รู้ว่าประชาชนเขาคิดว่าสำเร็จ

    ใช้โพลวัดชาวบ้านพึงพอใจ

    ภารกิจนี้คือประชาชนต้องมีความพึงพอใจ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมก็ให้สำนักโพลล์ทูเดย์ มาทำโพลสำรวจความพึงพอใจของพี่น้องประชาชน หน่วยงานที่ทำโพลก็มาทำโพลได้สัก 3 เดือน

    สำรวจอย่างละเอียดเลยนะ 5 ด้าน แต่ละด้านคะแนนเต็ม 5 สำหรับร้อยเอ็ดนี้ 4.8-4.9 ทุกด้านเลย อันนี้ถือว่าสำเร็จ ประชาชนมีความพึงพอใจ ก็ถือว่าเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่

    ครูแม่ไก่บรรยาย 10 จังหวัด

    หลังจากนั้น จ.ร้อยเอ็ด ประกาศเป็นจังหวัดสีขาวหรือที่เรียกว่า ร้อยเอ็ดโมเดล หลังจบภารกิจนี้ ผู้บังคับบัญชาให้ทำเพิ่มอีก 10 จังหวัด ให้ไปบรรยายเรื่องร้อยเอ็ดโมเดล เหมือนเป็นครูแม่ไก่ว่าต้องทำอะไรยังไง เป็นแนวทาง

    ถ้าสรุปสั้นๆ ในจังหวัดห้ามมียาเสพติด คือ 1. ผู้เสพ ต้องจับ 2. ผู้ค้า ต้องไม่มี จะขยายผลจากผู้เสพ คือ 1 ผู้เสพ 1 ผู้ค้า เสพกี่คน ต้องจับผู้ค้าให้ได้เท่านั้น

    อันนี้คือท็อปปิกหลักๆ ที่ต้องทำ แต่ตัวอาจจะไม่แมตช์กัน เพราะคนขายอาจจะมีคนซื้อ 10 คน แล้วทั้งจังหวัด ประชากร 1 ล้านคน กลุ่มเสี่ยงประมาณ 6 แสน

    หมายความว่า อายุ 14-45 ผมก็ต้องจับคน 6 แสน มาเอ็กซเรย์ หมายความว่าตรวจฉี่คน 6 แสนคน เอ็กซเรย์ 100%

    ขึงทั่วพื้นที่ตั้งด่าน 36 จุด 24 ชม.

    เจอผู้เสพ 3 หมื่นกว่า ผู้ค้าก็เราขึ้นทะเบียนไว้ แต่จับไม่หมด เพราะเขาหนี แต่จับได้หลักพันๆ ถือว่าเยอะมาก แต่ผู้เสพ ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ ทั้งรายย่อยรายใหญ่ผมเอาหมด รายใหญ่มีอยู่ 4 ราย จับหมดแล้วที่ร้อยเอ็ด แต่มันจะเกิดขึ้นใหม่อยู่เรื่อย ยึดทรัพย์ไปรวมๆ ร้อยกว่าล้าน ยึดผู้ค้านะ

    ตั้งด่าน 36 จุด ตั้งด่าน 24 ชั่วโมง เหลื่อมเวลา ขึงทั้งจังหวัด ช่วงนั้นพวกขนยาจากลาวจากอะไร ไม่กล้าผ่านร้อยเอ็ดอ้อมหมดเลย ไปจับได้ที่อื่นหมด

    แก๊งยาถูกจับที่อื่นรับไม่กล้าผ่าน

    พอสอบปากคำ ปปส. จับเยอะนะ  ทุกคนให้การตรงกันหมด ไม่กล้าผ่านร้อยเอ็ด เพราะเจอด่าน  ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของผม ที่ทำงานระดับประเทศได้ ซึ่งไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่สุดท้ายเราก็อาศัยลูกอึด เดินชกไปเรื่อย มันก็สำเร็จ

    ตร.สั่งทำตำรา “ร้อยเอ็ดโมเดล”

    ตอนนี้ ตร.ให้ผมเขียนตำรา ร้อยเอ็ดโมเดล แต่ว่ายังเขียนไม่เสร็จ เพราะว่าเขียนไปส่งแก้ๆ ก็จบที่ท่านไกรบุญ ตำราร้อยเอ็ดโมเดล เป็นร้อยหน้า ไม่ต้องอิงทฤษฎีอะไรเลย เหมือนเราเล่านิทานให้ฟังตั้งแต่ไปร้อยเอ็ดวันแรก จนประกาศเป็นจังหวัดสีขาว เราทำอะไรไปบ้าง

    เหมือนผมเล่านิทานให้ฟัง แต่ระหว่างทางหนักมากจริงๆคืองานหนัก คือ 1.จะต้องเป็นสามขา จะต้องเกาะกันให้แน่น คือ ตำรวจ สาธารณสุข แล้วก็ปกครอง

    อย่างที่เล่าย้อนไป ผมเจอคนเสพ 3 หมื่น ในทางสาธารณสุขจะแบ่ง 4 ระดับ เขียว เหลือง ส้ม แดง คือแดง นอนโรงพยาบาลเลยนะ ถือเป็นจิตเวช ส้ม ถือว่าติด แบบเลิกไม่ได้ ส้มนี้จะเอาไปอยู่ที่มินิธัญรักษ์ คือเป็นสถานบำบัดยาเสพติดโดยเฉพาะ จะไปอยู่ตามโรงพยาบาล แต่ก็ไม่เยอะ

    ข้อจำกัดมันคือ บุคลากรไม่พอ สถานที่ไม่พอ เตียงเขารองรับได้แค่ 200-300 เตียง

    เหมือนแมวไล่จับหนู

    ส่วนเขียว เหลือง เขาให้ไปโรงพยาบาล รับยามาถุงหนึ่งแล้วมารักษาที่บ้าน เขาเรียกว่ากระบวนการซีบีดีเอ็กซ์ คือบำบัดโดยชุมชน ส่วนนี้จะเป็นส่วนใหญ่ด้วย เป็นหลักหมื่น พวกนี้งานยากของตำรวจกับปกครองและสาธารณสุข

    คือจะบริหารคน 2 หมื่นคนยังไง ที่รักษาอยู่ในชุมชน บำบัดโดยชุมชน รักษายากมากเขาไม่หายตรวจ 3-4 ครั้งยังม่วงอยู่

    พวกนี้จะเกี่ยวข้องกับยา บางทีก็สั่งยามาแต่บางทีไม่ใช่ล็อตใหญ่ ก็ต้องไล่เหมือนแมวจับหนู ต้องไล่คน 2-3 หมื่นคน หนักจริงๆ เพราะจับมาแล้วโรงพยาบาลก็ไม่อยากรับ เขาเรียกตำรวจอย่างเดียว เขาทำอะไรไม่ได้เลย

    ผมก็เจอฟีลแบบนี้ เพราะว่าโรงพยาบาล ก็ไม่พอ ปัญหาตรงนี้มันระดับชาติอยู่เหนือการคอนโทรลของเรา ก็แก้ยาก


    ทำเอ็มโอยูศาลปรับหนักขึ้นจนกว่าจะเลิก

    ทุกวันนี้ก็ยังขึงอยู่ ยังเอ็กซเรย์อยู่อย่างนี้อย่างต่อเนื่อง คนในชุมชน เราขึ้นบัญชีไว้แล้วใช่ไหม ใครเป็นผู้เสพ เรียกมาตรวจเลย ตรวจทุกเดือน ม่วง จับๆอยู่อย่างนี้ ปรับ มันขังไม่ได้ ผิดกฎหมายก็เสียค่าปรับ เรามีเอ็มโอยูกับศาล ว่าถ้าครั้งแรกปรับ 3,000 ครั้งที่ 2 ปรับ 5,000 ปรับจนเขาเลิก อันนี้คือเป็นเอ็มโอยู ระหว่างจังหวัด

    มันก็ไปจากข้างนอก ร้อยเอ็ด มันก็ไปซื้อจากจังหวัดอื่น แต่ก็ไม่ใช่รายใหญ่ ซื้อที 2-3 เม็ด คือมันส่วนหนึ่ง มันก็มีทั้งผู้เสพ ผู้ใช้ ผู้ติด

    ผู้ใช้นี้ก็คือชาวบ้านที่เขาทำนา ทำสวน เขายังมีความเชื่อว่ากินยาพวกนี้แล้วจะมีแรง อันนี้คือผู้ใช้ มีก็เสพ ไม่มีก็ไปเสพกัญชา คือมีก็เสพไม่มีก็ไม่เสพ แต่ผู้ติดนี้คือติดเลย เลิกไม่ได้ ในผู้เสพก็ยังซอยไปอย่างนี้อีก

    อันนี้ผมถือว่าตั้งแต่ผมรับราชการมา เป็นงานที่ภาคภูมิใจที่สุด  

    ผู้การกอล์ฟเล่าถึงเบื้องหลัง“ร้อยเอ็ดโมเดล”ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่บ่งบอกว่าภูมิใจเนื้องานชิ้นนี้

    :เมื่อถามว่า หลังถูกมอบหมายให้มารับตำแหน่ง ผบก.ป.จะเน้นหนักอะไร คดีตรงไหน เจ้าตัวตอบทันทีว่า

    “กองปราบ ผมอยู่มา 5 ปีก่อนหน้านี้ รู้สไตล์การทำงานของกองปราบ คงจะยึดแนวทางเดิม เพียงแต่เพิ่มคือก่อนหน้านี้ผมเท้าความไปหน่อยนะ  กองปราบ เป็นหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายทุกมาตรา ทุกข้อหา เยอะมาก…”

    กระบวนการล่าช้าถือว่าไม่ยุติธรรม

    ที่ผ่านมาข้อมูลในการเข้าจับกุม ตรวจค้น ข้อมูลบางทีต้องรอ 100% ถึงจะเริ่มดำเนินการ

    แต่ในส่วนตัวผมจะไม่ให้ถึง 100 คือ 60 หรือ 70 ผมก็ไปแล้ว เพราะชาวบ้านที่เขารออยู่เขารอไม่ไหว มันช้า กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า ถือว่าไม่ยุติธรรม

    ดังนั้นถ้าเราช้าเมื่อไหร่ มัวแต่ไหว้ครู รอพยานหลักฐาน แต่พยานหลักฐานมันก็จะหายไปเรื่อยๆ

    รุกรบจบเร็วให้ปชช.พอใจ

    อย่างที่บอก ดีเอ็นเอผม นักบู๊อยู่แล้ว ได้ 60-70 ผมออกไปทำงานแล้ว ไม่ต้องรอถึง 100 เพราะยังมีอัยการ มีศาล ซ้อนอยู่อีก 2 ชั้น พูดง่ายๆเราไม่กลัว มันได้อย่างเสียอย่าง คือความแน่นอนอาจจะไม่ชัดเจนถ้าไม่ถึง 100 แต่ผมจะเน้นเรื่องการทำงานที่ฉับไว รุกรบ จบเร็ว ให้พี่น้องประชาชนมีความพึงพอใจ

    เข้าไปก่อน จับโจรได้ง่าย เพราะพยานหลักฐานยังไม่หายไป ถ้าไม่ทิ้งเวลานาน ถ้ามัวแต่ไหว้ครู ฉันใดก็ฉันนั้น พยานหลักฐานก็หายหมดตรงนั้น

    ผมจะไปปรับตรงนี้นิดเดียว ส่วนที่เหลือท่านผู้ช่วยก้อง ท่านวางไว้ดีอยู่แล้ว ครบถ้วน ทั้งบุคคล ทั้งเครื่องมือเครื่องไม้ครบหมดเลยไม่ได้หนักใจอะไร

              ……………………………………………………………………………

    ครับ…นี่คือแนวทำงานหลักส่วนหนึ่งของ“ผู้การกอล์ฟ ผู้การกองปราบคนที่40 ดีกรีนักบู๊ดุดันไม่เกรงใจใคร”

    จากนี้เราคงได้เห็นการทำงานของหน่วยงานอาร์มสวย “ที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่ง” ได้อย่างดุเดือดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

    เพราะกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม อย่างที่ผู้การกอล์ฟลั่นวาจาไว้

    เฮียเก๋ 14/10/68

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments