Friday, November 22, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมวรรณกรรมแปล “ผู้พิทักษ์ทุ่งข้าวไรย์” ตอน10

    วรรณกรรมแปล “ผู้พิทักษ์ทุ่งข้าวไรย์” ตอน10

    ตอน 10

    ยังมืดอยู่ ผมไม่แน่ใจว่ากี่โมงแล้ว

    แต่ก็ยังไม่ดึกมากนักหรอก สิ่งหนึงที่ผมเกลียดนักคือเข้านอนทั้งๆที่ยังไม่ง่วงนอน ผมเลยเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า เอาเสื้อเชิ้ตสะอาด ๆ ออกมา แล้วเดินไปที่ห้องน้ำจัดการอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อ ที่คิดได้ตอนนี้ก็คือลงไปที่ห้องลาเวนเดอร์ มีไนท์คลับชื่อ เดอะ ลาเวนเดอร์รูม อยู่ในโรงแรมด้วย

    ขณะเปลี่ยนเสื้อเชิ้ต ผมก็นึกอยากโทรศัพท์ไปหาโฟบี้น้องสาวผมรู้สึกอยากคุยกับเธอจัง ใครสักคนที่สามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้ แต่ผมก็ไม่ฉวยโอกาสโทรไปหาเธอ เพราะเธอยังเด็กเกินไปทั้งยังไม่ควรปลุกเธอตอนนี้ อยู่เงียบ ๆคนเดียวก็ดีแล้ว

    ผมยังอดคิดไม่ได้ว่าอาจวางหูลงทันทีที่พ่อแม่รับสาย แต่ก็ไม่ได้ความเช่นกันยังไงท่านก็ต้องรู้ว่าเป็นผม แม่มักรู้เสมอว่าเป็นผม เธอมีญาณวิเศษ แต่ผมก็ไม่รู้สึกอยากจะคุยเรื่อยเจื้อยกับน้องสาวเลยตอนนั้น

    คุณน่าจะได้เห็นเธอนะ คุณไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงอะไรที่น่ารักและฉลาดเฉลียวอย่างนี้ในช่วงชีวิตของคุณแน่ เธอช่างฉลาดเฉลียวมาก ๆ เธอได้เกรดเอทุกวิชา ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนเลยมั้ง ในขณะที่ผมเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ทึ่ม

    พี่ชายผม ดี.บี.นักเขียนนั่นกับน้องชายแอลลี่ที่ตายไปแล้วที่ผมเล่าให้คุณฟังไปแล้ว ฉลาดราวกับพ่อมด ผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่หัวทึบ

    คุณควรจะรู้จักโฟบี้ เธอผมสีแดงเล็กน้อยอย่างแอลลี่ยังไงยังงั้น ไว้ผมสั้น ในช่วงซัมเมอร์เธอไว้ผมยาวแค่ติ่งหู เธอมีใบหูเล็ก ๆ น่ารักทีเดียว ช่วงหน้าหนาวเธอปล่อยผมยาว บางทีแม่ก็ถักเปียให้ บางครั้งก็ปล่อยสยาย น่ารักดีเหมือนกัน

    เธออายุเพียงสิบขวบ รูปร่างผอมแห้งเหมือนกับผม แต่ก็ผอมเพรียวดูดี แบบคนเล่นโรลเลอร์สเกตนั่นไง ผมมองเธอจากทางหน้าต่างตอนที่เธอข้ามถนนสายห้าไปยังสวนสาธารณะ ตอนนั้นแหละที่เห็นเธอผอมบางแบบคนเล่นโรลเลอร์สเกต คุณจะชอบเธอแน่

    ผมหมายถึงว่าถ้าคุณเล่าเรื่องอะไรให้โฟบี้ฟังสักอย่างหนึ่งเธอเป็นต้องเข้าใจหรือรู้ไปหมดว่าคุณกำลังคุยเรื่องอะไร คุณพาเธอไปไหนต่อไหนได้สบายเลยล่ะ ถ้าพาเธอไปดูหนังห่วย ๆ สักเรื่อง เธอก็รู้ว่าหนังเรื่องนั้นห่วยแตก ถ้าพาไปดูหนังดี ๆ เธอก็รู้ว่าหนังดีใช้ได้

    ดี.บี.กับผมเคยพาเธอไปดูหนังฝรั่งเศสเรื่อง เดอะ เบเกอร์’ส ไวฟ์ ที่ไรมู แสดง มันทำให้เธอแทบบ้า หนังโปรดของเธอต้องเรื่อง เดอะ เธอร์ตี้ไนน์ สเต็ปส์ ที่โรเบิร์ต โดเน่ต์ แสดงนำ  เธอล่วงรู้เข้าใจเนื้อเรื่องอยางละเอียดทีเดียว เพราะผมพาเธอไปดูราวสิบรอบเห็นจะได้

    ตอนที่โดเน่ต์เดินมาที่บ้านไร่ของชาวสกอต ตอนที่หลบหนีตำรวจ โฟบี้จะพูดตามบทเสียงดังลั่น อย่างตอนหนุ่มสกอตในหนังพูดว่า “คุณกินปลาเฮอริ่งได้หรือเปล่า” เธอจำบทพูดได้อย่างลึกซึ้งสุดหัวใจ

    ยิ่งตอนที่ศาสตราจารย์คนหนึ่งในเรื่องที่เป็นสายลับของเยอรมันทำท่าขีดเส้นด้วยนิ้วก้อยไปบนส่วนนิ้วกลางที่เชื่อมกันพลาดไป เพื่อแสดงให้โรเบิร์ต โดเน่ต์ เห็น โฟบี้ก็ไล่ต้อนยับเธอยกนิ้วก้อยชูตรงหน้าผมในท่ามกลางความมืด เธอทำตามได้ตรงเผง คุณต้องชอบเธอแน่

    แต่ที่ยุ่งยากตรงที่ว่าบางครั้งเธอก็ไม่ค่อยน่ารักนัก เธอเจ้าอารมณ์แบบเด็ก ๆ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในบางอย่างที่เธอแสดงออก เธอชอบเขียนหนังสือ เพียงแต่ยังไม่เสร็จ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชื่อ เฮเซล เวเธอร์ฟิลด์ แต่โฟบี้มักสะกดว่า เ-ฮ-เ-ซิ-ล

    เฮเซล เวเธอร์ฟิลด์ เป็นเด็กหญิงนักสืบ เธอถูกสมมติให้เป็นเด็กกำพร้า แต่ผู้ปกครองของเธอพยายามแสดงตัว ผู้ปกครองของเธอเป็นหนุ่มร่างสูงสง่าและเป็นสุภาพบุรุษอายุประมาณยี่สิบปี ผมจะบ้าตาย โฟบี้เอ๋ย

    สาบานต่อพระเจ้าเลยล่ะว่าคุณจะต้องชอบเธอ เธอฉลาดหลักแหลมแม้จะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บอบบางก็ตาม ตอนที่เธอยังเป็นเด็กร่างบอบบางนั้น ผมกับแอลลี่เคยพาไปเดินที่สวนสาธารณะ โดยเฉพาะวันอาทิตย์

    แอลลี่มีเรือลำหนึ่งที่ชอบนำไปเล่นด้วยในว้นอาทิตย์อย่างที่เราเคยพาโฟบี้ไปด้วย เธอสวมถุงมือสีขาวเดินระหว่างกลางราวมกับคุณสุภาพสตรีสูงศักดิ์กระนั้นเชียว เมื่อแอลลี่กับผมพูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป โฟบี้จะตั้งใจฟังจนบางครั้งคุณลืมไปเลยว่าเธออยู่ด้วยเพราะเธอเป็นเด็กเล็กคนหนึ่ง แต่เธอจะพยายามบอกให้คุณรู้ เธอจะพูดขัดขึ้นตลอดเวลา เธอจะกระตุกแอลลี่หรือผมแล้วพูดว่า

    “ใครนะ ใครบอก บ็อบบี้หรือคุณสุภาพสตรี”

    และเมื่อเราบอกเธอไปว่าใครเป็นคนพูด เธอจะพูดว่า “โอว” และก็ตั้งใจฟังต่อไป แอลลี่หลงใหลเธอมาก เขารักเธอมากเลยล่ะ ตอนนี้เธออายุสิบขวบแล้วก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงร่างเล็กบอบบางอีกต่อไป แต่เธอก็ยังทำให้ใครต่อใครหลงใหล ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นคนชนิดไหนก็ตาม

    อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนที่คุณรู้สึกอยากคุยทางโทรศัพท์ด้วยเสมอ แต่ผมเกรงเหลือเกินว่าพ่อแม่จะมารับสาย แล้วก็จะรู้ว่าผมมาอยู่ที่นิวยอร์กแล้วโดนเขี่ยออกจากเพนซี่

    ผมแต่งต้วเรียบร้อยแล้วเดินลงลิฟต์ไปยังห้องโถงของโรงแรมดูว่ามีอะไรบ้าง

    นอกจากพวกผู้ชายแมงกระจั๊วสองสามคนและผู้หญิงหากินผมบลอนด์แล้วที่ล็อบบี้ก็ดูเงียบ ๆ ทึม ๆ แต่ยังพอได้ยินเสียงดนตรีเล็ดลอดจากเดอะ ลาเวนเดอร์ รูม ผมลองเดินเข้าไปดู แขกลูกค้าไม่ค่อยหนาตาสักเท่าไหร่ แต่เขาก็เลือกโต๊ะในมุมไม่ได้เรื่อง ค่อนไปด้านหลัง ผมตัองควักธนบัตรยัดให้หัวหน้าบริกรในนิวยอร์ก

    นี่ไอ้หนูเอ๊ย เขาพูดกันด้วยแบงก์เท่านั้นแหละ ให้ตายชัก

    วงดนตรีค่อนข้างตกยุค บัดดี้ ซิงเกอร์ เป็นวงเน้นเครื่องเป่า แต่ไม่ได้เรื่องนัก ค่อนข้างไปทางห่วยเสียมากกว่า

    ไม่มีคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมเลยในผับนี้  ส่วนใหญ่ค่อนข้างสูงอายุ พวกผู้ชายที่ชอบวางท่าอวดโอ่กับคู่ควง ยกเว้นโต๊ะที่อยู่ถัดจากผมไปทางขวามือ มีสามสาวอายุราวสามสิบเห็นจะได้ หน้าตาก็งั้น ๆ แต่ทั้งหมดดูแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนนิวยอร์กแน่

    แต่หนึ่งในนั้นผมบลอนด์ท่าทางก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นักหรอก ดูน่ารักบ้าง ผมสีบลอนด์ ผมทอดสายตาให้เธอเล็กน้อย สักประเดี๋ยวหนึ่ง เด็กเสิร์ฟก็เดินมาหาผมรอรับออเดอร์

    ผมสั่งสกอตกับโซดา ไม่ต้องผสม ผมพูดรัวเร็วเพราะถ้าคุณมัวแต่อ้ำอึ้งตะกุกตะกักล่ะก้อ เขาต้องคิดว่าคุณอายุยังไม่ถึงและจะไม่ขายเครื่องดื่มมึนเมาให้คุณแน่ แต่ก็ยังเป็นเรื่องจนได้

    “ผมเสียใจครับ” เขาพูด “คุณมีบัตรแสดงอายุถึงหรือเปล่าใบขับขี่ก็ได้”

    ผมจ้องเขาอย่างสุดเย็นชา ราวกับเขากวนใจผมอย่างรุนแรง แล้วถามเขาว่า “ฉันดูเหมือนเด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบเอ็ดหรือไง หือ”

    “ผมขอโทษครับท่าน เรามี__”​

    “ก็ได้ ก็ได้” ผมพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างที่สุด “เอาโค้กมาเสิร์ฟก็ได้” เขาหันกลับไป ผมเรียกกลับทันที “คุณผสมเหล้ารัมลงไปด้วยได้หรือเปล่า”

    ผมขอร้องเขาด้วยท่าทางเป็นกันเองที่สุด “ผมนั่งในสถานที่แบบนี้โดยไม่เมาไม่ได้หรอก ผสมเหล้ารัมลงไปด้วยนะ”

    “โทษทีครับท่าน ___” เขาตอบแล้วเดินจากไป ผมก็ไม่รู้สึกอยากจะไปหาเรื่องให้เขา พวกเขาอาจจะต้องตกงานก็ได้ ถ้าถูกจับได้ว่าขายเหล้าให้เยาวชน เยาวชนเลวๆอย่างผมเนี่ยนะ

    ผมจ้องไปยังสามแม่มดสาวโต๊ะข้างๆ อีกหน สาวผมบลอนด์คนนั้น ส่วนอีกสองไม่น่าสนใจเลย ผมไม่ทำอะไรหยาบคายหรอกผมเพียงแค่แอบมองด้วยท่าทีเยือกเย็น ดูว่าพวกเธอทำอะไร พอผมจ้องดู พวกเธอก็จะทำเป็นคุยกันกุ๊บกิ๊บยังกับเด็กปัญญาทึบ

    บางทีพวกเธออาจจะมองว่าผมแค่ไอ้ไก่อ่อนที่ปล่อยโอกาสให้ลอยผ่านไป ทำให้ผมงี้สุดเซ็งเลย คุณอาจจะคิดได้ว่าผมควรจะแต่งงานกับพวกเธอก็ได้ ผมควรจะทำให้พวกเธอรู้สึกหนาวสุดขั้วจากการที่พวกเธอแสดงความรู้สึกอย่างนั้นกับผม แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าผมรู้สึกอยากเต้นรำ ผมหลงใหลการเต้นรำมาก ๆ ในบางครั้ง นั่นเป็นห้วงที่รู้สึกอย่างนั้นล่ะ

    ดังนั้นเกือบจะท้นใด ผมเอนต้วไปกระซิบ “มีใครอยากเต้นรำบ้างครับ”

    ผมไม่ได้ถามอยา่งไม่สุภาพอันที่จริงแล้วสุดนุ่มนวลด้วย แต่เจ้าประคุณเอ๋ย คงคิดว่าทำให้พวกเธอรำคาญ ยิ่งหันไปซุบซิบกันหนักขึ้น ผมไม่พูดเล่น พวกเธอก็แค่สามสาวโง่เง่า

    “เอาน่า” ผมเชิญชวน “ผมขอเต้นกับพวกคุณสักหนเถอะครับ ได้มั้ย ว่ายังไงล่ะ เถอะน่า” ผมอยากออกลีลาเต้นจริง ๆ พับผ่าเถอะ

    ในที่สุดสาวผมบลอนด์คนหนึ่งลุกขึ้นมาเต้นกับผม เพราะผมเชื้อเชิญเธอตรง ๆ เราเดินไปที่ฟลอร์ อีกสองคนก็กรี๊ดกร๊าดน่าดูจนแทบจะน่ารำคาญซะมากกว่า

    แต่ก็ไม่เลวนัก สาวผมบลอนด์เต้นได้ไม่เลว เธอนับเป็นคู่เต้นรำที่ดีทีสุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยจับคู่เต้นด้วย

    จริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสาวท่าทางงี่เง่า จะเล่นงานคุณเสียอยู่หมัดบนฟลอร์เต้นรำ คุณเจอคู่เต้นที่ไหวพริบฉลาดเฉลียว เพียงชั่วเดี๋ยวเดียวเธอก็จะเต้นนำคุณไปรอบ ๆ ฟลอร์เลย หรือว่าเธอเป็นนักเต้นที่แย่กันแน่ ทางที่ดีผมน่าจะนั่งอยู่กับที่ แล้วซดเหล้ากับพวกเธอคงจะดีกว่า

    “คุณเต้นได้ดีนี่” ผมบอกสาวผมบลอนด์ “คุณระดับครูสอนเต้นเลยนะเนี่ย ผมเคยเต้นกับครูสอนเต้นรำคนหนึ่ง คุณน่ะเก่งกว่าเป็นเท่าตัวเลยล่ะ เคยได้ยินชื่อมาร์โกกับมิแรนดามั้ย”

    “ว่าไงนะ” เธอพูด เธอไม่ได้ฟังผมเลย คอยแต่เหลือบมองไปรอบ ๆ

    “ผมพูดว่าคุณเคยได้ยินชื่อ มาร์โกกับมิแรนดาหรือเปล่าครับ”

    “ไม่รู้จักอะ__ไม่รู้จักเลย”

    “เอ่อ ทั้งสองเป็นนักเต้นรำ ก็ไม่ได้เลอเลิศสักเท่าไหร่ เธอเต้นไปตามท่วงท่าลีลาจังหวะพาไป แต่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก คุณก็รู้นี่ ตอนไหนที่ผู้หญิงเป็นนักเต้นสุดยอด”

    “ว่าไงนะ” เธอถามอีก รู้สึกว่าไม่ได้ฟังผมพูดเลยสักนิดใจลอยล่องไปทั่ว

    “ผมพูดว่าคุณรู้มั้ยตอนไหนที่ผู้หญิงเป้นนักเต้นชั้นยอด”

    “อือ”

    “เอ่อ ที่ ๆ ผมวางมือแตะบนแผ่นของคุณไง ถ้าผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรอยู่ใต้มือของผม ไม่มีกระป๋อง ไม่มีขา ไม่มีเท้า ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง นั่นแหละผู้หญิงจึงนับว่าเป็นนนักเต้นรำตัวฉกาจที่แท้จริงล่ะ”

    เธอไม่ได้ฟังผมเลย ผมชักเบื่อแล้วสิ เราคงเพียงแค่เต้นรำไปอย่างแกน ๆ เต้นกับสาวทึ่ม ๆ

    จะสนุกได้ยังไง บัดดี้ ซิงเกอร์ และวงบรรเลงเพลง “จัสต์ วัน ออฟ โธส ธิงส์” และอีกหลาย ๆ เพลง แทบจะไม่ขาดช่วงเลย ก็ล้วนเป็นเพลงไพเราะสนุกทั้งสิ้น ผมไม่ได้ใช้ลูกเล่นใหม่ขณะวาดลวดลายเลย

    ผมละเกลียดนัก พวกชอบโชว์ออฟโชว์ลูกเล่นแพรวพราวหวือหวาบนฟลอร์ ผมเพียงแค่พาเธอโลดแล่นไปรอบ ๆ พื้นที่เท่านั้น แล้วเธอก็ตามมาอย่างไม่สะดุดจังหวะสิ่งที่สนุกก็ตรงที่ผมคิดว่าเธอคงเพลิดเพลินไปด้วย กระทั่งทันใดเธอพูดออกมาอย่างบื้อๆ ว่า

    “ฉันและเพื่อน ๆ เห็นปีเตอร์ ลอร์รีเมื่อคืนก่อน” เธอพูด

    “พระเอกหนังกำลังซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน เขาน่ารักนะ”

    “คุณโชคดีจัง” ผมบอกเธอ “คุณโชคดีจริง ๆ คุณรู้มั้ย” เธอเป็นพวกปัญญานิ่มเสียเหลือเกิน แต่เต้นเก่งเป็นบ้า ผมอดจะจูบหน้าผากเธอไม่ได้ ก็ตรงกลางหน้าผากนั่นแหละ เธอไม่ค่อยชอบใจนักตอนที่คุณทำอย่างนั้น

    “นี่ ทำอะไรน่ะ”

    “เปล่านี่ ไม่มีอะไร คุณเต้นเก่งจริง ๆ” ผมพูดเฉไฉ “ผมมีน้องสาวเล็ก ๆ เรียนอยู่เกรดสี่ คุณดูน่ารักแบบเดียวกับเธอเลยล่ะ และเธอก็เต้นเก่งกว่าใครไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือจากโลกนี้ไปแล้ว”

    “คุณพูดประสาอะไรนี่ ถามจริง”

    ช่างเป็นสุภาพสตรีอะไรจะปานนั้น ไอ้หนูเอ๋ย ราวกับราชินีเชียวล่ะ ให้ตายเถอะ

    “พวกคุณมาจากไหนครับ” ผมย้ำถาม

    “อะไรนะ” เธอไม่ได้ยิน

    “พวกคุณมาจากไหน ไม่ต้องตอบก็ได้ถ้าคุณไม่อยากตอบ ผมไม่อยากให้คุณฝืนใจตอบ”

    “ซีแอตเติล วอชิงตัน” เธอตอบเหมือนจะเอาใจผมอย่างเต็มที่

    “คุณเป็นเพื่อนคุยที่ดีมากคนหนึ่งเลยนะ” ผมบอกเธอ “รู้เปล่า”

    “อะไรนะ”

    ผมปล่อยผ่านไป มันข้ามหัวเธอไปหมด

    “คุณรู้สึกเหมือนจะสั่นกระตุกหรือเปล่า ถ้าวงดนตรีเล่นจังหวะกระฉึกกระฉักมากขึ้นไม่ใช่สั่นเป็นเจ้าเข้า ไม่ใช่กระโดดหรืออะไรนะ แต่ก็สนุกสนานดีคนส่วนใหญ่มักนั่งเมื่อวงเล่นจังหวะเร็วขึ้น ยกเว้นชายสูงอายุรูปร่างท้วม เราก็เลยมีพื้นที่มากขึ้น __ใช่มั้ย”

    “ไม่สำคัญกับฉันหรอก”เธอพูด “เฮ้ คุณอายุเท่าไหร่แล้ว”

    น่ารำคาญเหลือเกิน “โอ้หนอ อย่าทำให้เสียบรรยากาศจะดีกว่า” ผมพูด “ผมแค่สิบสอง พระเจ้า ผมโตกว่าอายุเยอะเลยนะ”

    “ฟังนะ ฉันจะบอกให้ ฉันไม่ชอบคนพูดภาษาแย่ ๆ แบบนี้” เธอพูดกร้าว “ถ้าคุณยังใช้ถ้อยคำอย่างนี้ ฉันจะกลับไปนั่งกับเพื่อนๆ เข้าใจมั้ย”

    ผมขอโทษขอโพยเธออย่างกับคนเสียสติ เพราะวงดนตรีเล่นจังหวะทำนองเร็วขึ้น เธอเต้นเขย่าไปกับผม แต่เป็นไปในแบบนุ่มนวลสบาย ๆ ไม่กระชาก เธอเก่งจริง ๆ คุณได้แต่สัมผัสเธอเท่านั้นและตอนที่เธอหมุนตัว ต่างหูของเธอเหวี่ยงกระทบกันฟังกุ๋งกิ๋งน่ารักดี ผมแทบคลั่งล่ะ ชักชอบเธอเข้าแล้วซี

    ในตอนนั้นเรากลับไปนั่งที่โต๊ะ นั่นแหละเรื่องผู้หญิง ทุกครั้งที่เธอทำอะไรสวยงามน่ารักแม้ว่าเธอจะไม่ใส่ใจกับคุณนัก หรือกระทั่งว่าทำอะไรออกเชย ๆ คุณยังต้องตกหลุมรักเธอได้เลย จากนั้นคุณไม่รู้ตัวเลยว่าไปอยู่ตรงไหน

    ผู้หญิงนี่หนอ พระเจ้า ทำให้คุณคลั่งไคล้ใหลหลงเอาง่ายๆ เลย

    พวกเธอไม่เชื้อเชิญผมนั่งร่วมโต๊ะ อาจเพราะว่ารำคาญ ไม่อยากให้ใครมารบกวน แต่ผมก็ถือวิสาสะเข้าไปนั่ง สาวผมบลอนด์ที่เป็นคู่เต้นรำผมชื่อ เบอร์นิช นามสกุล แคร็บส์ หรือเครบส์ อะไรนี่แหละ ส่วนอีกสองสาว มาร์ตี้ และ ลาเวิร์น

    ผมแนะนำตัวเองว่า จิมสตีล ไปตามบท ผมพยายามสนทนาด้วยเรื่องที่ประเทืองปัญญาแต่ดูท่าทีจะไม่ได้เรื่อง คุณแทบจะบอกไม่ได้ว่าคนไหนสมองนิ่มที่สุด ทั้งสามสาวเอาแต่มองห่าอะไรก็ไม่รู้ไปทั่วคลับ ยังกับว่ารอดาราคนดังสักคนโผล่เข้ามาทุกเสี้ยววินาที พวกเธอคงคิดว่าพระเอกหนังจะมาเดินเกร่อยู่แถวห้องลาเวนเดอร์ ถ้าพวกนี้มานิวยอร์ก  แทนที่จะไปแถว สทอร์ค คลับ หรือ เอล โมรอกโก

    อย่างไรก็ตาม ผมใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง จึงได้รู้ว่าพวกเธอทำงานที่ไหนในซีแอตเติล พวกเธอทำงานในบริษัทขายประกันภัย ผมถามว่าเธอชอบงานนี้หรือเปล่า แต่คุณคิดหรือว่าจะได้ยินคำตอบที่ฟังดูหลักแหลมจากพวกสาว ๆ กลุ่มนี้หรือเปล่า ผมคาดว่าสองสาวมาร์ตี้และลาเวิร์นเป็นพี่น้องกัน เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่ผมถาม คุณพูดได้เลยว่าทั้งสองคนคงไม่อยากให้มองดูคล้ายกัน ว่ากันไม่ได้หรอก แต่ก็น่าขันดีนะ

    ผมเต้นกับพวกเธอทุกคน ทั้งสามคนนั่นแหละในครั้งเดียว คนที่สวยน้อยอย่างลาเวิร์นก็เต้นได้ไม่เลวเลย แต่อีกคน มาร์ตี้นี่สุดแย่มาร์ตี้เต้นเหมือนกับลากเอาอนุสาวรีย์เทพีแห่งเสรีภาพไปทั่วฟลอร์ มีทางเดียวที่ผมจะสนุกกับการลากเธอไปรอบ ๆ ก็ได้ เพราะอยากรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจบ้างผมเลยกระซิบกับเธอว่าเพิ่งเห็น แกรี่คูเปอร์ พระเอกดังอยู่อีกฟากของฟลอร์เต้นรำ

    “ตรงไหนนะ” เธอตื่นเต้นอย่างล้นเหลือ “อยู่ตรงไหน”

    “โอ๊ะ คุณไม่ทันเห็นหรอก เขาเพิ่งออกไปตะกี้นี้เองแน่ะ ทำไมคุณไม่หันไปมองดูล่ะตอนที่ผมบอก”

    เธอหยุดเต้นทันที แล้วมองชะโงกข้ามทุกคนเผื่อจะได้เห็นดาราพระเอกดังสักแวบ “โธ่เอ๊ย” เธอพร่ำ ผมทำให้เธอใจสลายจริง ๆ ผมเสียใจอย่างที่สุดที่หลอกเธอเล่น คนบางคนคุณไม่ควรจะไปล้อเล่นนะ แม้ว่าจะน่าล้อเล่นก็ตามที

    ที่นี่ช่างสนุกอภิรมย์สำราญมาก ตอนที่กลับไปนั่งที่โต๊ะ มาร์ตี้บอกเพื่อนทั้งสองว่า แกรี่ คูเปอร์ เพิ่งออกจากคลับไป

    ไอ้หนูเอ๊ยลาเวิร์นกับเบอร์นิช แทบจะฆ่าตัวตายเมื่อได้ยินเพื่อนบอก ทั้งคู่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ละล่ำละลักถามต่อไปว่าเห็นแกรี่จริง ๆ หรือมาร์ตี้บอกว่าเห็นเพียงแค่แวบหนึ่งเท่านั้นเอง โอย ผมจะอ้วก

    ก่อนบาร์จะปิดผมสั่งอีกสองดริ๊งก์ให้พวกเธอ ส่วนผมสั่งโค้กอีกสอง โต๊ะที่เรานั่งเลยเต็มไปด้วยแก้ว ลาเวิร์นเฝ้าแต่ล้อเลียนที่ผมดื่มได้แค่น้ำอัดลม ช่างเส้นตื้นจัง เธอกับมาร์ตี้ จิบทอม คอลลินส์ กลางเดือนธันวาคม ให้ตายเถอะ ไม่ได้เรื่องเลย ส่วนสาวผมบลอนด์ เบอร์นิช จิบเบอร์เบิน กับน้ำเปล่า แหวกแนวไป ทั้งสามเอาแต่สอดส่ายสายตาเล็งหาพวกดาราหนังตลอดเวลา แทบจะไม่คุยกันเองด้วยซ้ำ

    ยังดีที่มาร์ตี้พอจะช่างคุยกว่าสองคนนั้น เธอยังคงพูดไปเรื่อยเจื้อย ในเรื่องที่ชวนน่าเบื่อหน่ายเต็มที อย่างเช่นเรียกบาร์ว่าห้องของสาวน้อย

    ทั้งยังคิดว่าบัดดี้ ซิงเกอร์ คนเป่าคลาริเนต เท่มีเสน่ห์น่าดู ตอนยืนขึ้นอย่างเนิบช้าเปาคลาริเนต เธอเรียกปี่คลาริเนตของเขาว่าเจ้าแท่งไอศกรีมผสมสุราเลิศรส ท่าจะบ๊อง ๆ เอามาก ๆ ดูเอาเถิด

    ส่วนลาเวิร์นคิดว่าเธอเป็นคนไหวพริบมีสมองมากกว่าใคร เธอขอให้ผมโทรศัพท์ไปหาพ่อผมถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ เธอเซ้าซี้ถามว่าพ่อผมมีคู่ควงแล้วหรือยัง สักสี่หนแล้วเห็นจะได้ เธอถามประโยคนั้น เหมือนกับว่าเป็นคนอยากรู้อยากเห็นไปหมด ส่วนเบอร์นิชแทบจะไม่เปิดปากเอ่ยอะไรเลย ทุกครั้งที่ถามเธอ จะได้คำถามย้อนว่า “อะไรนะ” มันน่าหงุดหงิดเสียจริง ๆ

    ทันทีที่พวกเธอดื่มหมดแก้ว ทั้งสามลุกขึ้นแล้วบอกผมว่าได้เวลากลับไปนอนแล้ว พวกเธอบอกว่าต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปดูโชว์แรกที่เรดิโอซิตี้ มิวสิกฮอลล์

    ผมพยายามรั้งพวกเธอให้อยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง แต่พวกเธอก็ไม่ยอม ดังนั้นเราจึงต้องร่ำลาแยกกัน ผมบอกพวกเธอว่าจะแวะไปหาถ้ามีโอกาสไปซีแอตเติล แต่ผมสงสัยว่าจะเป็นเรื่องเลื่อนลอยเสียล่ะมากกว่า

    ผมสั่งบุหรี่อีก ก่อนเช็กบิลรวมราวสิบสามเหรียญ ผมคิดว่าพวกเธอน่าจะจ่ายค่าดริ๊งก์ในส่วนที่พวกเธอสั่งเองก่อนที่ผมจะมานั่งร่วมโต๊ะบ้างนะ แต่ก็เถอะ ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ปกติพวกเธอน่าจะเสนอขอเช็กบิลส่วนนั้นเองบ้างนะ ผมไม่ใส่ใจมากนักหรอก น่ารำคาญ ยิ่งเห็นพวกเธอสวมหมวกแฟนซีแล้วยิ่งน่าหดหู่ใจ

    แล้วยังเรื่องต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปดูโชว์ที่เรดิโอซิตี้ มิวสิกฮอลล์ มันชวนให้คลื่นเหียนเลย

    ถ้าใครบางคนหรือสาว ๆ สวมหมวกรูปทรงพิลึก เดินทางมาจากซีแอตเติล มาถึงนิวยอร์กวอชิงตัน มีจุดหมายเพียงแค่ตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูโชว์แรกที่เรดิโอซิตี้ มิวสิกฮอลล์ ช่างน่าบีบคั้นจิตใจแทบทนไม่ไหวเลย ผมอยากจะสั่งเครื่องดื่มสักร้อยดริ๊งก์ให้พวกเธอเลย ถ้าจะไม่บอกเล่าเรื่องอยางนี้ให้ผมฟัง

    ผมออกจากห้องลาเวนเดอร์ ตามหลังพวกเธอ คลับปิดลงทันที วงดนตรีเลิกเล่นไปนานแล้ว ประการแรกมันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าจะมาข้องแวะถ้าไม่มีคู่เต้นที่ดี หรืออย่างน้อยบริกรยอมให้คุณดื่มแอลกอฮอล์ได้บ้าง ไม่ใช่แค่น้ำอัดลม

    มันไม่มีไนท์คลับที่ไหนในโลกหรอกที่คุณจะนั่งอยู่ได้นานโดยที่คุณไม่ได้ดื่มหรือเมาบ้าง หรือโดยที่คุณไม่มีผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าใหลหลงนั่งอยู่ด้วย

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments