Saturday, November 23, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันสภ.เมืองปัตตานี โรงพักเพื่อประชาชน

    สภ.เมืองปัตตานี โรงพักเพื่อประชาชน

     

    มีจังหวะไปโรงพักเมืองปัตตานี เพราะเพื่อนตำรวจแนะนำให้ลองไปดูโรงพัก3จังหวัดชายแดนใต้บ้าง

    ภาพที่เห็นก็เหมือนภาพที่เคยเห็นในสื่อ คือถนนปัตตานีภิรมย์ ถนนเส้นหน้าโรงพัก บริเวณหัวท้ายถนนตั้งแต่เชิงสะพานเดชานุชิต ไปอีกด้านตัดถนนปรีดา

    มีการตั้งแบริเออร์คอนกรีต พร้อมลวดหนามหีบเพลงรวมทั้งมีกำลังตำรวจสายตรวจประจำอยู่ทั้ง2 ด้าน

    เหตุเพราะ สภ.เมืองปัตตานี ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบโจมตีมาหลายครั้ง

    ครั้งสำคัญคือการเขวี้ยงระเบิดเข้ามาขณะที่ตำรวจกำลังเข้าแถวร้องเพลงชาติหน้าเสาธงเมื่อวันที่ 21เม.ย.53 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ  บาดเจ็บหลายสิบนาย

    แต่เมื่อเข้ามาในเขตพื้นที่โรงพัก ความแปลกตาบังเกิดขึ้น ไม่เข้มแข็งดุดันเหมือนบรรยากาศด้านนอกโรงพัก

    ด้านหน้าโรงพัก มีที่พักคอย มีหลังคากันแดดฝน โต๊ะเก้าอี้ให้กับประชาชนที่มาติดต่อธุระราชการ

    กระจกหน้าต่างประตูโรงพัก ถูกปรุด้วยไวนิลเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดปัตตานี     

    เปิดประตูบานเลื่อนกระจกเข้าไป  บริเวณที่รับแจ้งความ ถูกตบแต่งสวยงาม พื้นปูด้วยหญ้าเทียมสีเขียว

    มีโต๊ะที่ทำงานให้กับทนายอาสาประจำโรงพัก มีฉากพลาสติกกั้นกันโควิด เดินเข้าห้องน้ำห้องท่า สะอาด มีพัดลมเป่าสร้างความเย็นสบาย ถ่ายเทอากาศสวยงามไม่แพ้ห้องน้ำในโรงแรม

    ครับ…ถ้าไม่เห็นรั้วลวดหนามบังเกอร์ป้องกันหน้าโรงพัก จะไม่นึกเลยว่านี่คือโรงพักที่อยู่ใจกลางเมืองปัตตานี

    การตอบรับของปชช.ดีขึ้น
    “ หลังเกิดเหตุระเบิด ก็ต้องมาคุมเข้มในเรื่องของการเข้าออก เมื่อก่อนจะห้าม รถใครก็แล้วแต่ต้องจอดข้างนอก แต่ทีนี้ถ้าจอดข้างนอก เวลาชาวบ้านมาติดต่อราชการ ตรงไหนก็ขาว-แดง หมด แล้วเขาจะไปจอดตรงไหน

    เลยลาดยางใหม่ เอารถของกลาง รถตำรวจ ไปจอดข้างหลัง แล้วให้ประชาชนที่มาติดต่อราชการ เข้าไปจอดได้  ก็ทำให้การตอบรับของประชาชนดีขึ้น

    ปูหญ้าเทียมในห้องรับแจ้งความ
    คือเขาเห็นความเปลี่ยนแปลง  หนึ่งคือเดิมไม่มีที่จอดรถ เข้ามาก็มีที่จอดรถ เริ่มมีความพอใจระดับหนึ่ง พอเข้ามาเจอข้างในเห็นการเปลี่ยนแปลง การตอบรับมันก็ดี

    ทำไมถึงใช้หญ้าเทียม บางทีเหมือนว่าเราทำอะไรให้มันแปลกใหม่ กระเบื้อง เราก็เคยปู อยากจะให้มันมีอะไรที่มันเปลี่ยนไปให้มันแหวกแนวไปบ้าง ก็เหมือนลองผิดลองถูก

    ค่อยๆไล่ทำไปครบ3ชั้น
    แต่พอมาวางปุ๊บ  มันดูเหมือนมันสบายเย็นหูเย็นตาขึ้น  ลดความเครียด เหมือนตรงที่นั่งหน้าโรงพัก แต่ก่อนจะเป็นศาลาเก่าๆ อยู่ 2 หลังเล็กๆ แล้วมันผุพัง หลังคาไม่มี คนมานั่งก็ร้อน คนมาแจ้งความเขาก็เครียด เลยทำใหม่หมดแล้วก็ทำไล่ๆไปถึงชั้น 3 แล้ว

    พ.ต.อ.ญาณพงศ์ อุบลบาน ผกก.สภ.เมืองปัตตานี เจ้าของไอเดียเริ่ม

    ให้ความสำคัญกับห้องน้ำทำใหม่หมด
    จริงๆ แล้ว ผมให้ความสำคัญกับเรื่องห้องน้ำ ไปที่ไหนก็ต้องพัฒนาห้องน้ำก่อน ตอนแรกให้ช่างมาตีราคาจะพัฒนาห้องน้ำ ใช้งบค่าช่างเท่าไหร่ เขาตีมา 1.5 แสน

    เราไม่มีงบ เลยทำเองดีกว่า เราก็ทำ หัดให้ลูกน้องหัดปูทำกันเอง ไม่มีค่าช่าง ทำกันเองดีกว่า เดี๋ยวก็เก่งไปเอง ผมหมดจริงๆไม่ถึง 5 หมื่น
                   
    เป็นไฮไลต์ใครมาต้องเซลฟี่
    ห้องน้ำสมัยก่อน มันก็เก่าๆ ทำความสะอาดยังไงมันก็ไม่ขึ้น ก็เปลี่ยนรูปแบบใหม่ต้องมีพัดลม ห้องอาบน้ำ พอเรามาทำมันก็ดูดีขึ้น

    กลายเป็นเหมือนไฮไลต์ ใครมาโรงพักก็ต้องมาเยี่ยมชมห้องน้ำ ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้  เดี๋ยวนี้เขาเข้ามาก็มาเซลฟี่ด้วย เข้ามาแล้วสบายใจมีที่จอดรถได้

    ถึงตรงนี้ หัวหน้าโรงพักเมืองปัตตานี พาเข้าไปชมถึงในห้องขัง เป็นสีเขียวอ่อน ดูสบายตา สะอาดสะอ้าน มีพัดลมขนาดใหญ่ระบายอากาศ

    ปรับปรุงห้องขังปูกระเบื้องทาสีใหม่
    คือโรงพักนี้สร้างมา 30กว่าปี ก็เสื่อมโทรมไปตามเวลา ถึงเวลาปรับปรุงก็ได้ประโยชน์จากพวกผู้ต้องขัง เขาก็อยากยืดเส้นยืดสาย เป็นแรงงานที่รอผลักดัน ชายแดนยังไม่เปิด ตม.ก็เลยมาฝากไว้

    ก็ใช้แรงงานเขาให้มาปูกระเบื้อง ทาสีใหม่ห้องขังมี 6 ห้อง ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่ก็ได้เยอะแล้ว

    ติดพัดลมระบายวงจรปิดส่อง
    เปลี่ยนภาพจากโทนสีน้ำตาล ดำๆ สกปรก พอเราเปลี่ยนเป็นสีออกเทอร์ควอยซ์ ก็ดูสะอาดขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น แล้วติดกล้องวงจรปิดส่องไปทุกที่ ติดพัดลมการระบายลมก็ดีขึ้น

    คือเมื่อก่อนตำรวจเอง ยังไม่อยากเข้าเลย   แล้วบางทีคนในห้องขังเช้าตื่นมาตาย เลยต้องมีวงจรปิดทั้งหมดทุกห้อง เพื่อตรวจสอบได้ว่า เมื่อคืนเกิดเหตุอะไร

    พูดถึงเรื่องวงจรปิด ดูห้องขังเสร็จ ผกก.ญาณพงศ์ พาเดินขึ้นไปชมห้องซีซีทีวี เข้าไปถึงกับทึ่ง เพราะเต็มไปด้วยจอวงจรปิด ทุกซอกทุกมุมเมืองเห็นหมด พ.ต.อ.ญาณพงศ์เล่าให้ฟังต่อว่า

    ซีซีทีวีคือสิ่งสำคัญ
    ในเมืองนี่วงจรปิดช่วยได้เยอะ แต่ละเรื่องเหตุเกิดได้ แต่เกิดแล้วตามได้ จับตัวได้ แล้วต้องเข้าใจคนที่นี่ คือที่อื่น ขี่รถไม่ใส่หมวกกันน็อกในเมืองนี่ไม่ได้เลย ต้องจับหมด

    แต่ที่นี่ ใส่หมวกกันน็อกต้องตรวจหมด เพราะคนที่ก่อเหตุ ส่วนใหญ่คือปิดบังอำพรางใบหน้า ไม่ติดป้ายทะเบียน ใส่หมวกกันน็อก

    บางคนที่จับภาพได้ เป็นผู้ชาย แต่งชุดฮิยาป เป็นผู้หญิงปลอมตัวมาก่อเหตุ เป็นบทเรียนที่ทำให้เราต้องคุมเข้ม

    6หัวเมืองหลัก 3จังหวัดใต้มีหมด
    มีอะไรก็ดูได้จากตรงนี้ แล้วก็ลิ้งค์จากหน่วยใหญ่ๆ ได้หมด หน่วยใหญ่ๆ ก็สามารถลิ้งค์จากของเราได้ เป็นใยแมงมุม เหมือนตาสับปะรด หมือนในนครบาล ในเมืองใหญ่ๆทั้งหลาย พวกลัก ปล้น จี้ ร้านทอง ไม่เกินวันรุ่งขึ้น ก็เอาตัวมาได้

    ก็จะเป็นโครงการ 6 หัวเมืองหลักของ 3 จังหวัด เมืองเศรษฐกิจ จะมีศูนย์ซีซีทีวีป้องกันเหตุ คือมันมีตรงนี้ มันก็จะช่วย   
                   

    ถัดจากห้องซีซีทีวี พ.ต.อ.ญาณพงศ์ พาเดินไปดูห้องประชุม ถ้าไม่บอกก่อน ว่าอยู่บนโรงพัก

    ไม่น่าเชื่อว่าห้องประชุมสภ.เมืองปัตตานี ทันสมัยมาก โต๊ะประชุม จอทีวีโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ครบครัน เหมือนเป็นห้องประชุมห้องสัมมนาในโรงแรมอะไรอย่างนั้น แถมมีกลิ่นหอมแบบอยู่ในสปาด้วย

    พ.ต.อ.ญาณพงศ์บอกว่า ห้องประชุม ทำใหม่หมด  ก็เหมือนเข้ามาในสปา การนั่งประชุมมันก็จะเครียด พอมีกลิ่นมันก็จะได้ผ่อนคลายให้เบาบางลงไป  
     
    ดูโรงพักแล้ว หันมาคุยเรื่องกำลังพลเรื่องสถานการณ์ในพื้นที่ที่สภ.เมืองปัตตานีรับผิดชอบ

    ตั้งด่าน37 จุดต่อคืนป้องกันเหตุ
    กำลังพลของโรงพักเมือง ตัวเลขกลมๆ ประมาณ 400 ที่ต้องเยอะ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย เมืองปัตตานีเข้าได้ทุกทาง ทางทะเล ก็เคยมีเอาเรือเข้ามาก่อเหตุ เลยกลายเป็นว่าเราจะต้องคิดมีเหตุตรงไหนก็บล็อกๆไว้หมด เลยต้องตั้งด่าน  37 จุดต่อคืน เป็นวงตาข่ายป้องกันเหตุ  
                   
    วางเป็นเครือข่ายใยแมงมุม             
    สถิติในเรื่องของการก่อเหตุ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เมื่อปี 62 มีเกิดอยู่ชานๆเมือง ในเมืองนี่ไม่มี เราจะมีจุดตรวจบล็อกทุกจุดว่า ออกมาจากตรงไหน วางระเบิดตรงไหน ก็บล็อกแต่ละจุด ในเมืองก็จะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่ตั้งจุดตรวจเต็มไปหมดตอนนี้ก็เลยเงียบไป

    หลายปัจจัยทำให้เหตุเบาบาง
    โควิดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดีอย่างเหมือนกันที่ทำให้เหตุมันสงบ แล้วอีกอย่างกลุ่มโจรที่ก่อเหตุเริ่มอายุมากขึ้น แล้วเราก็มีเชิงรุก กวาดล้างพอสมควร ก็ทำให้เบาบางลงไป

    แต่ผมเชื่อว่า ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิด เรื่องของการให้เขามีการศึกษา ให้เขามีอาชีพที่มั่นคงมากขึ้น ผมว่ามันจะช่วยได้เยอะ
                   
    อยู่กาบังทำเหมือนกับที่ปัตตานี
    ก่อนมาที่นี่เป็นผกก.อยู่ที่กาบัง ก็ทำเหมือนที่นี่ แต่อาจจะไม่เหมือนเสียทีเดียว คือรูปแบบการที่เราอยู่แต่ละที่ ก็ใช้บริบทของแต่ละที่ที่จะทำ ที่กาบัง เราขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมด

    แต่ห้องน้ำ ก็จะเป็นรูปแบบลักษณะนี้ คือที่นี่เราก็พัฒนาอีกแบบ พอไปอีกที่ ก็เอาสิ่งที่เราเคยทำ ผลงานที่เราเคยทำ ไปพัฒนาอีกรูปแบบหนึ่ง ไปคิดอีกรูปแบบ ทำแต่ละที่ๆ ก็ไปพัฒนา   ให้การศึกษาเด็กจนมีอาชีพ
    ที่ผมทำที่กาบัง คือเราเอาเด็กที่ติดยา เด็กที่เกเร ทั้งหมด เข้ามาอยู่ในโรงพัก หนึ่ง ให้เขาห่างไกลยาเสพติด สองเริ่มให้เขาประกอบอาชีพแต่ละอย่าง

    บางคนอยากเรียน ส่งไปเรียน จบ ม.3 ก็ให้ไปเป็นทหารพราน เบ็ดเสร็จคือต้องทำให้เขา มีอาชีพให้ได้ แล้วจะหวนไปเล่นยามั้ย ก็ไม่

    ครับ.นี่คือนายตำรวจนักพัฒนาตัวจริงเสียงจริงอีกคนหนึ่ง แม้ว่าในพื้นที่จะมีสถานการณ์ความรุนแรง ต้องระแวดระวังไม่ประมาทตลอดเวลา

    แต่ยังมีใจพัฒนาทั้งคน ทั้งสถานที่ทำงาน และความเป็นอยู่ชาวบ้าน โดยเฉพาะโครงการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ เป็นอย่างไรจะนำเสนอในโอกาสหน้า

    ครับ…ผู้กำกับหัวหน้าโรงพักอื่นๆที่อยู่กันสบายๆ แต่ปล่อยปละละเลยสถานที่ทำงาน หน้าตาด่านแรกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้น

    เห็นโรงพักเมืองปัตตานี แล้วรู้สึกอะไรบ้างมั้ยครับ

    กากีกลาย12/12/63
        
     
     
       

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments