วันที่ 21 มิ.ย. ที่ บก.ป.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการที่ 1 ศปชก.ตร.
และคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.
ร่วมแถลงข่าวกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.กก.สสน. บก.ป.
นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ”หนุมาน กองปราบ” และตำรวจ กก.4.บก.ป. บก.ปอท. สตม.5 และสภ.หมอกจําแป่
เปิดปฏิบัติการ “เปิดทะเลหมอก”กวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับชาวต่างชาติ 53 ราย ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดย ผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวส่า ตำรวจกก.4 บก.ป.รับเเจ้งเบาะเเสมีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลบหนี เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย มาพักอาศัยกระจายอยู่ในรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
กลุ่มคนดังกล่าวจับกลุ่ม มั่วสุมทำกิจกรรมน่าสงสัย ก่อความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19
เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะมีการนำพาเชื้อไวรัสโควิด เข้ามาแพร่กระจายให้กับคนในหมู่บ้าน
รองผบช.ก.กล่าวต่อว่า ต่อมาหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป.สืบสวนใช้เวลากว่า 1 เดือน จนทราบว่ากลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องสงสัยว่าหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย
เข้าจับกุม แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาวจีน 40 ราย,ชาวเมียนมา 12 ราย และ ชาวฟิลิปปินส์ 1 ราย
พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ 300 เครื่อง คอมพิวเตอร์ ซิมโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์สำหรับปลอมหนังสือเดินทางของจีน
ปั้มตรายางของทณฑลต่างๆ ในประเทศจีน และสิ่งของซึ่งได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด รวมกว่า 500 รายการ
กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้นำคนจีนหลบหนีเข้ามาในพรมแดนธรรมชาติรวมตัวกันสร้างกลุ่มเพื่อหลอกลวงเหยื่อซึ่งเป็นคนจีน
สร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล
สร้างความน่าเชื่อถือพูดคุย ชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวผ่านแอพพลิเคชั่นที่กลุ่มผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาเอง
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางชายแดนทางภาคเหนือและภาคอีสาน
จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจลงตราตามกฎหมาย จากนั้นมารวมกลุ่มกันทำงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์
กอวปราบปราม จะได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป