บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี 1 ในตำนานสืบสวนเหนืออันเลื่องชื่อ
ถึงวันนี้เกษียณอายุราชการในตำแหน่ง รองผบช.สตม.มาแล้ว5 ปี
ผลงานเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่กล่าวขาน โดยเฉพาะการรับบัญชาจากจอมคนนครบาล-พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ สมัยเป็นผบช.น. ก่อตั้งโรงเรียนนักสืบเมื่อปี2540 จนทุกวันนี้เป็นหลักสูตรต่อเนื่องของ ตร.ไปแล้ว
65 ปีก่อนนี้ จากเด็กหนุ่มลูกชายตำรวจคนที่4 ใน 6 เติบโตมาใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สืบสายเลือดสีกากีด้วยการเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
จบนรต.30 เมื่อปี 2520 บรรจุครั้งแรก ที่สน.ปทุมวัน ไปเรียนต่ออเมริกา 2 ปี กลับมาเป็นรองสารวัตร รวมทั้งหมด 12 ปี ก่อนขึ้น สว.ที่สืบสวนเหนือ แผนก 1 ขึ้น รอง ผกก.ที่สืบเหนือ
ติดยศพ.ต.อ. เป็น ผกก.สืบบก.น. 2 ตอนเปลี่ยนโครงสร้าง ต่อด้วยผกก.สืบบก.น. 7 รวมทั้งสิ้น 7 ปี จากนั้นเป็นรองผู้การ บก.น. 4 แล้วข้ามมาเป็นรองผู้การหัวหน้าศูนย์สืบฯ บชน.
คนร้องไห้เยอะมากเรื่องรถหาย
“คดีอาชญากรรม สมัยก่อน ตอนอยู่สืบเหนือ เขาเด็ดขาดเรื่องมือปืน แต่มุมคิดพี่ มันแค่แก้ความเดือดร้อนของคนที่มีปัญหา 2 ฝ่าย คือฝ่ายกระทำ กับถูกกระทำ
จัดหนักคืนเดียววิฯโจรลักรถ 4 ศพ
ก็บอก ท่านวินัย เปาอินทร์ ผกก.สืบสวนเหนือ ว่านายเอาเลยมั้ย ท่านก็ว่าเอาสิ ท่านก็พาไปหาท่านวิโรจน์ เปาอินทร์ น.1 ท่านวิโรจน์กับเรา ก็เชื่อมือกันอยู่แล้ว เพราะตอนเป็น ร.ต.ต.ท่านเป็น ผกก.อยู่ ท่านเป็นอาจารย์เรา สอนการสอบสวน
ต้นตำรับยิงโจรกลางห้าง
ตอนนั้นเดือนเดียวคว้าไปเกือบร้อย ก็หยุดสิ ไม่หยุดได้ไง จากสถิติรถยนต์หาย ทั่วกรุงเทพฯ เป็นสิบๆ คันนะ ตอนนั้น ไม่หายเลย แล้วพวกที่เป็นแก๊งลักทรัพย์ แก๊งอะไร นั่นก็ลดไปด้วย มือปืน นี่หายไปเลย เพราะขโมยของยังตาย แล้วกูคงไม่รอด มันไปหมดเลย
เปลี่ยนเวย์ไปสร้างชื่อที่สตม.
ไปเกษียณอายุที่ ตม.ก็สิ้นสุดแค่นั้น คือเหมือนกับเส้นทางนี้ พระเจ้าเขากำหนดไว้แล้ว คือตอนที่จะเป็นผู้การ ตม.ใหม่ๆ แล้วเราอยากจะกลับมา.เหมือนมันฝังเลือดอยู่ แล้วทางโน้นเขาก็ต้องการเรา
ภาษา-ประสบการณ์ทำยากเป็นง่าย
แล้วหลายหน่วยงาน อีกหลายสถานทูต ก็พูดกัน หลังจากไม่มีพี่แล้ว ตม.ก็หาคนอย่างพี่ยาก เรื่องที่จะเข้าใจเรื่องการประสานงาน เรื่องของการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เราสามารถทำได้ คือเรื่องภาษาส่วนหนึ่ง เรื่องประสบการณ์
ภูมิใจศิษย์เก่า รร.นักสืบ
เรื่องโรงเรียนนักสืบ พี่ภูมิใจนะ เด็กที่สอนมาเราเห็นว่าใช้ได้ แล้วเขาก็ฉีกไปคนละที่ อย่างไอ้จ๋อ(พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผบก.ปส.3) ไปยาเสพติด บอกจ๋อ เอ็งลุยทางนี้เลยนะ เพราะเกี่ยวกับเมืองนอก เราทำเรื่องอาชญากรรมมาพอแล้ว ใครก็ทำได้
หนุนให้เด็กรุ่นใหม่ไปเมืองนอก
เด็กรุ่นใหม่ พี่สอนหมดออกนอกได้ออกเลย ไปหลักสูตรไหนหรือจะไปเที่ยวไปเลย แล้วกลับมาให้มองดูตัวเอง ว่าเราเป็นยังไง มันเป็นเรื่องที่โลกมันไม่มีกำแพงแล้ว
หลังเกษียณฯไปอเมริกาอยู่กับลูกๆ
หลังเกษียณ พี่ก็ทำตัวเหมือนเดิม ปิดฉากปิดจ็อบ ไม่ทำตัวเป็นตำรวจ เป็นคนธรรมดา เขาไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร พี่เป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว ไปไหนใครเขาก็รัก ไม่ต้องไปแสดงอะไรมาก แล้วช่วงรับราชการ พี่ห่างกับลูกมานาน ลูกพี่ไปอยู่ที่อเมริกาไปเรียนอยู่ที่โน่น
กลับเมืองไทยช่วยงานผู้ว่า กทม.
แต่หลังจากกลับมาเมื่อต้นปี 2560 ท่านอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม.ให้ไปช่วยงานที่ กทม.ก็เป็นทีมงาน จนทุกวันนี้ ทำงานตามที่ท่านมอบหมาย จะมีโครงการเฟรนทูเฟรน ให้ช่วยเหลือเด็กยากจน เรียนไม่เก่งให้ได้เรียนภาษาอังกฤษ โดยเป็นต้นแบบให้ ไม่ใช้งบของทางราชการ
ฝังความคิดดีๆให้ เด็ก10ขวบ
พี่ได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ฝึก ใช้เด็ก 10 ขวบ ป.5 เพราะ 10 ขวบเริ่มจะโต เริ่มจะมีความคิด เราฝังความคิดความอ่านสิ่งที่ดีให้ตรงนั้นตอนนั้น
ทำ 2 รุ่นไปอเมริกา-สิงคโปร์
เราสอนเด็กไม่ให้กลัวฝรั่ง คือพูดผิดพูดถูกไม่เน้นเรื่องเรียนในห้อง พาไปไปดู เอาแบบระบบอเมริกันมาใช้ เลิร์นนิ่งบายดูอิ้ง จากนั้นก็ไปสิงคโปร์ รัฐบาลสิงคโปร์ ช่วยได้โฮสต์ที่นู่น ไปอยู่ 3-4 วัน เด็กก็ชอบ พูดง่ายๆ ว่า ผลมันเกิน 100%
ให้เด็กจน-ไม่เก่งได้มีโอกาส
คือให้เด็กมีโอกาส หลักสูตรนี้สำหรับคนจนและเรียนไม่เก่ง คือเกรดอยู่อันดับ 2 หรือต่ำกว่า เดี๋ยวนี้โรงเรียน กทม.ยุคท่านอัศวิน มีโครงการไปนอกเยอะ
พ่อแม่ร้องไห้ ไม่คิดลูกได้ไปตปท.
คือเราฝึกเด็ก เราสอนเด็ก แล้วเด็กก็ไปช่วยสังคมใช่มั้ย จริงๆ พี่ก็ถือว่านั่นก็คือบุญที่พี่เคยทำไว้ มันก็ส่งผลช่วยนะ เหมือนกับสอนเด็ก ได้บุญ ก็จะทุ่มทั้งชีวิต ทำให้เขาเห็น ให้เขารู้ว่า ผู้ว่าฯอัศวิน ทำได้ มีที่ไหน จน เรียนไม่เก่ง
จุดประกายให้เด็กอยากเรียนภาษา
พี่ทำเป็นโครงการทดลอง ไม่มีงบประมาณ แต่ใครที่รู้จะเข้ามาช่วยเยอะ โดยเฉพาะพวกตำรวจด้วยกัน แล้วไม่ใช่การอบรม เป็นการฝึก
เห็นกับตาบิ๊กๆหลายหน่วยกลัวฝรั่ง
ส่วนตัวแล้วพี่สังเกต พี่ไปประชุมเวทีระดับโลกมาเยอะ เห็นหลายหน่วย บางทีก็กลัวฝรั่ง ผู้ใหญ่หลายคน ไม่กล้าคุย ไม่กล้าพูด เห็นมาเยอะ คือภาษานี่สำคัญ เรียนภาษาใครก็เรียนได้ แต่เรียนรู้วัฒนธรรม มันจะเริ่มจากวัฒนธรรมก่อน
เพื่อนแนะเล่นกอล์ฟทั้งที่แอนตี้
ส่วนเรื่องการออกกำลังกาย ตอนที่พี่เป็นนักสืบ ทุกคนรู้ว่าพี่นี่แอนตี้กีฬากอล์ฟ คือไม่ให้นักสืบไปตีกอล์ฟ เพราะเสียเวลา
เล่นจริงจังจนเพื่อนร้อง เป็นไปได้ไง
แต่ที่ไปเล่นไปฝึกจริงๆก็ที่อเมริกา ไปฝึกกับโปร.เจอกันโดยบังเอิญ เขาเคยทำงานกับไทเกอร์วู้ด วีเจซิงค์ ตอนดังๆ ก็ไปเล่นกอล์ฟ หลังจากนั้นเขาก็สอนให้ เอรียา โมรียา ก็ไปเรียนกับเขานะ ก่อนที่จะได้แชมป์ 4 รายการติด
แบกถุงกอล์ฟบินเดี่ยวตีทั่วโลก
กีฬากอล์ฟ แม้ว่าเราจะไม่ใช่เป็นนักกีฬา เราเล่นเพื่อสันธนาการ เป็นสังคม คือมาสัมพันธ์กับพวกสถานทูตต่างๆ แล้วด้านการเจรจาความอะไรต่างๆ คือกีฬากอล์ฟ นี่แหละที่ช่วยมาคุยกันนอกรอบ
คนเดียวก็เล่นได้ สนามจัดก๊วนให้
เหมือนกับพี่ทุกวันนี้ บินไปตีที่โน่นที่นี่ ไปทุกที่ที่มีกอล์ฟ ไปบ่อย ไม่ว่าจะฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สวิตฯ อังกฤษ บาหลี สนามจะที่ไหนก็ได้ พี่ตีได้หมด เพราะพี่ไปคนเดียว
ยุตำรวจเด็กๆให้เล่นกอล์ฟ
ส่วนมุมมองกับตำรวจที่ยังเด็กแล้วมาสนใจตีกอล์ฟโดยเฉพาะไลน์นักสืบ พี่แนะเลย หลังจากได้เป็น สารวัตร
ก่อนนี้แอนตี้มากเพราะบ้างาน
แต่แชลนอลนี้ ใช้กอล์ฟ เป็นตัวเชื่อม ถ้าเราเช็คข่าวในพม่า แต่ก่อนนี่บอดเลย แต่ถ้าเรารู้จักในหน่วยเขา มีเจ้าหน้าที่ของพม่าทีเรามาตีกอล์ฟด้วย เขาก็ทำให้
สืบคดีสมัยก่อนความเครียดสูง
ถามว่าหลังเกษียณพี่ดูแลตัวเองอย่างไร คือต้องบอกก่อนว่าทุกคดีในชีวิตที่รับมา เป็นคดีที่ยากทั้งสิ้น แต่ละคดีมีความยากไปคนละแบบ แล้วมีความเครียดสูงมาก นักสืบทุกคน มันจะผจญกับความเครียดในตัว เพราะเราต้องไปอินอยู่กับเรื่องราวต่างๆ
FBIสอนนักสืบชราดูแลตัวเอง
แต่โชคดีที่พี่ไปเรียนเอฟบีไอ เขาสอนเรื่องการออกกำลังกาย สำหรับผู้รักษากฎหมายเมื่ออายุถึง 50 ปี เรื่องของการกิน การพักผ่อน พี่ถึงนำมาใช้ควบคุมตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่เกษียณ ต้องกินอาหารประเภทไหน ออกกำลังกาย ดังนั้น สิ่งนี้เราต้องคุมด้วยตัวเราเอง ใครคุมเราไม่ได้
เล่นกอล์ฟเพราะชอบเดิน
ตอนนี้เกษียณมา 5 ปี ที่เล่นกอล์ฟจริงๆ คือตอนไปอยู่อเมริกา ไปใช้ชีวิตอยู่โน่น ตีกอล์ฟเกือบทุกอาทิตย์ เพราะสนามกอล์ฟอยู่ใกล้บ้าน แล้วไปเกือบทุกวัน แฮนดี้แคปพี่ไม่เคยวัดนะ แต่สกอร์จะอยู่ที่ 45 บวกลบ
ออกกำลังกายกลางแดดยิ่งดี
อีกอย่าง เรามาจากเด็กบ้านนอก อยู่กับแดด ฉะนั้นไม่แคร์เรื่องแดด บางทีออกกำลัง พี่ออกตอนเที่ยงเลย บ่าย 3 เขาไม่ได้สอนเลยว่าคุณต้องออกตอนเช้า ตอนเย็น ไม่ใช่ เราเรียนนักเรียนนายร้อยมาวิ่งกันชุ่มเลย แล้วยิ่งออกกำลังยิ่งแดดจัดๆ ยิ่งดี ไม่ต้องแคร์มาก เอาร่างกายแข็งแรง
IMG_2615
พี่มีทานยา เพราะพวกคอเลสเตอร์รอล ไตรกลีเซอไรด์ เพราะเกี่ยวกับเลือด ไม่ให้เลือดมันเกินสโต๊ก ก็หาหมอด้วย 3 เดือนเช็คครั้งหนึ่ง คือเป็นโรคเขาเรียกโรคนักสืบ หลังกินเหล้า สูบบุหรี่มานาน
นี่คือชีวิตสบายๆหลังเกษียณฯของบิ๊กอู๊ด-พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อีก1นักสืบผู้ยิ่งใหญ่แห่งสืบสวนเหนือครับ