แค่เห็นชื่อของ เหลียงเฉาเว่ย และ หลิวเต๋อหัว สองหนุ่มใน “5 พยัคฆ์ทีวีบี” ตำนานนักแสดงของฮ่องกงยุคทศวรรษที่ 1990 ก็เหมือนเจอ “แม่เหล็กพลังแรง” ที่คอหนังจีนไม่ยอมพลาดเด็ด ๆ กับงานปะทะแบบ “ช้างชนช้าง” ในเรื่อง “โคตรพยัคฆ์ชน คนมือทอง The Goldfinger” หนังฟอร์มยักษ์แห่งปีจากฮ่องกง
เป็นการหวนมาเจอกันบนจอเงินอีกครั้งในรอบ 20 ปีของทั้งคู่ หลังสร้างความลือลั่นจาก “Infernal Affairs” หรือ “สองคน สองคม” ภาคแรก ที่โกยทั้งเงิน ทั้งกล่อง ทั้งเสียงชื่นชมทั่วทุกสารทิศ
แถมถูกนำไปรีเมกเป็นฉบับฮอลลีวูดชื่อ “The Departed” ฝีมือของผู้กำกับระดับปรมาจารย์มาร์ติน สกอร์เซซี ได้ดาราระดับเอ–ลิสต์ฮอลลีวูดมาประชันกันคือ ลีโอนาร์โดดิคาปริโอ และ แมตต์ เดมอน ขนาดฉบับมะกันรีเมก ก็ยังคว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับเยี่ยม บทดัดแปลงยอดเยี่ยม ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ ปี 2550
แต่ถึงยังไง “Infernal Affairs” ที่มีภาพจำของ เหลียงเฉาเว่ย และ หลิวเต๋อหัว ก็คือฉบับที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจผู้ชมมายาวนาน เป็นหนังขึ้นหิ้ง“ตำรวจจับผู้ร้าย” ที่วางพล็อตซับซ้อนหักเหลี่ยมเฉือนคมอย่างสนุก
“โคตรพยัคฆ์ชน คนมือทอง The Goldfinger” ก็ยังเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง “ตำรวจกับผู้ร้าย” เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับโดย เฟลิกซ์ ชอง ผู้เขียนบท “Infernal Affairs” ทั้ง 3 ภาค
แต่เนื้อหนังและการเดินเรื่องไม่ได้ออกแนว “มาเฟียใหญ่” เดินไปไหนก็ถูกห้อมล้อมด้วยลูกสมุนอาวุธเต็มมือ พร้อมฟาดฟันกันทุกที่แบบในภาพยนตร์ฮ่องกงที่เคยคุ้นกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีอื้อฉาวทางการเงินของกลุ่มบริษัทคาร์เรียน กรุ๊ป ที่ล่มสลายจากการฉ้อโกง และพัวพันถึงคดีฆาตกรรมนักการบัญชีของธนาคารบางแห่ง ในปี 2526 นับเป็นคดีล้มละลายระดับประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงก็ว่าได้
“โคตรพยัคฆ์ชน คนมือทอง The Goldfinger” เปิดฉากเรื่องราวในฮ่องกงยุคทศวรรษที่ 1980 คาบเกี่ยวกับช่วงที่อังกฤษกำลังจะคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน ภาพยนตร์โฟกัสไปที่แวดวงธุรกิจการเงินและตลาดหุ้น เผยตั้งแต่ความเฟื่องฟูรุ่งเรืองจนถึงจุดตกต่ำ
ย้อนอดีตให้ผู้ชมได้เห็นว่าฮ่องกงเมื่อ 40กว่าปีที่แล้วเปรียบเสมือนสวรรค์ของนักแสวงหาโอกาสที่จะก่อร่างสร้างตัวให้มั่งคั่งร่ำรวยได้อย่างไร ผ่านการต่อสู้เพื่อให้ได้มาทุกสิ่งของ ชิง ยัด ยิน รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย
จากคนธรรมดาที่เล่นแร่แปรธาตุในการทำธุรกิจมากมาย จนไต่เต้าขึ้นมาเป็นประธานบริษัทคาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์ ที่ใคร ๆ ต่างต้องซูฮก และอยากร่วมธุรกิจด้วย
แต่เส้นทาง “สู้แล้วรวย” ของ ชิง ยัด ยิน ใช่ว่าจะโปร่งใสไร้ราคี เพราะตลอด 15 ปีที่ดูเหมือนคาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์ จะดูมั่นคงจนยากจะเชื่อว่าจะมี “วันยักษ์ล้ม”
https://youtu.be/XGXfTZEKgqs?si=Kc1XZpfLAq1ySAOo
ทว่าเมื่อ “การเปลี่ยนผ่านฮ่องกงกลับสู่มือของจีน” เกิดความผันผวนตกต่ำของตลาดหุ้น จุดนี้เองทำให้ปลดเปลื้องภาพลวงตาที่ ชิง ยัด ยิน สร้างคาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์ ขึ้นมา เหลือเพียง “เปลือก” และภายใต้เปลือกเหล่านั้นก็ยุ่บยั่บไปด้วย “การฉ้อฉลหลอกหลวง”
ทว่าในช่วงที่คนส่วนใหญ่แห่แหนกับความยิ่งใหญ่จอมปลอมของ คาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์ ยังมีกลุ่ม “ตำรวจตงฉิน” เฝ้าจับตาความไม่ชอบมาพากลของคาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์ และ
เมื่อ ชิง ยัด ยิน เริ่มเพลี่ยงพล้ำ หลิว ไค หยวน ที่สวมบทโดย หลิวเต๋อหัว ผู้อำนวยการสืบสวนสอบสวนอาวุโสของหน่วยไอซีเอซี หรือคณะกรรมการอิสระต่อต้านการคอรัปชั่นของฮ่องกงก็สบโอกาสจับกุมเจ้าพ่อคาร์เมน เอนเตอร์ไพรส์มาสอบสวนเพื่อเอาผิดและรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม
แม้ว่าการจะ “จับให้มั่นคั้นให้ตาย”จะทำให้ หลิว ไค หยวน ต้องใช้เวลายาวนานมากกว่า 10 ปีก็ตาม แต่เหล่า“ตำรวจน้ำดี” กลุ่มนี้ก็ไม่เคยท้อ!
ถ้ามองที่ตัวบทและทิศทางการเดินเรื่องดูเหมือนคนทำหนังจะเล่น “ท่ายาก” เพราะการวางกรอบเรื่องราวที่อิงจากเรื่องจริงในอดีตเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจอย่างครอบคลุม นับว่าสร้างความท้าทายต่อการที่ผู้ชมจะตามเรื่องราวให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
แต่การเชือดเฉือนบทระหว่าง 2 ดารานำอย่าง เหลียงเฉาเว่ย และ หลิวเต๋อหัว บอกได้เลยว่ารับประกันความเล่นกันแบบสมราคาสบายมือ!
Blue Bird17/2/67