“ชีวิตคู่ระหว่างข้าราชการตำรวจกับสาวบริษัทเอกชน เป็นคนบ้างานทั้งคู่ เป็น 2 ด้านที่แตกต่างกันมากๆ แต่เราก็เติมเต็มให้กันได้”
คุณตูน – คณิศา กลิ่นเกษร ภรรยาสาวสวยคนเก่ง ของ ผกก.ญา –พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เล่าถึงชีวิตคู่ที่ต้องคุยกันและค่อยๆปรับจูนเข้าหากัน จนเกิดความลงตัว
16 ปี ตั้งแต่คบหาดูใจกัน 6 ปี จนตกลงลั่นระฆังวิวาห์ ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน สร้างครอบครัวร่วมกันมาถึงวันนี้ครบ 10 ปีที่แต่งงานกัน มีพยานรักร่วมกัน 2 คน คุณตูนบอกว่า ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาเยอะมาก จากความคิดในแบบวัยรุ่น ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นความเข้าใจซึ่งกันและกัน
จากสาวเกียรตินิยมอันดับ 2 คณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คุณตูน เข้ามาโลดแล่นในวงการโฆษณาทำงานอยู่ในกลุ่มบริษัทดัชมิลล์ เกี่ยวกับงาน Print Ad , VTR รวมถึงทำเวทีดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ล และงานเบื้องหลังงานอีเว้นท์ต่างๆ
ต่อมาคุณตูนเข้าทำงานที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด หรือ SCG เกี่ยวกับEVENT MANAGEMENT ทำตรงนี้นาน 12 ปี
กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เพราะต้องการดูแลครอบครัวและลูกๆอย่างเต็มที่ คุณตูนตัดสินใจโบกมือลางานประจำเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้เธอมีเวลาดูแลครอบครัวและลูกๆมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสเรียนต่อปริญญาโท ด้านการตลาด ด้วย
เมื่อปีที่ผ่านมา คุณตูนเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เปิดร้านไอศกรีมโฮมเมดสไตล์ญี่ปุ่น Kanissu.icecream พิกัดโครงการ One OneFood Avenue ถนนสามัคคี นนทบุรี ที่เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจและประสบการณ์การทำงาน ประกอบกับความรู้ด้านการตลาดที่เรียนมา สร้างให้เป็นร้านไอศกรีมที่เย็นชื่นใจ และ Fulfill your happiness
เรื่องชีวิตคู่ คุณตูน เล่าว่า
พี่ญา เข้ามาในช่วงที่ทำงานโฆษณาใหม่ๆ ยอมรับว่าเป็นผู้ชายในสเป็ก เป็นผู้ชายตัวสูง เพราะเราก็เป็นผู้หญิงตัวสูง ตอนแรกก็ยังไม่ได้ชอบ เพราะเราก็ไม่ค่อยไว้ใจตำรวจ และเราก็เป็นคนที่ผิดหวังเรื่องความรักมาตลอด แต่พอคุยกันไปเรื่อยๆ โดยรวมเขาเป็นคนดี
“พี่ญาเข้ามาในช่วงที่เราผิดหวัง มาซัพพอร์ตจิตใจเรา บางทีเราก็รู้สึกระแวงนิดหนึ่งว่าเขาดีเกินไปหรือเปล่า สุดท้ายก็คบกัน คบกันตั้งแต่เขาเพิ่งเป็นสารวัตร เพิ่งกำลังจะเติบโต เราก็ดีใจที่เรารอดมาถึงทุกวันนี้”
ระหว่างทางเราก็เจออะไรเยอะ ชีวิตพี่ญาทำหน้าที่ตามนายตั้งแต่เราทำงานอยู่ SCG ตอนนั้นเราต้องฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆมาเยอะ
นอกจากการที่เราต้องเข้าใจเขา เราก็คาดหวังกับงานของตัวเองเยอะ เราทำงานอยู่ในส่วน EVENT MANAGEMENT ไม่เคยอยู่บ้านเลย ต้องดูแลลูกค้า ตอนนั้นเรารู้สึกว่าพื้นฐานคือการดูแลทุกคนบนโลกใบนี้ ฉันต้องประสบความสำเร็จ รับโปรเจกต์เยอะมาก เรียกว่างานเยอะทั้งคู่
“หลังจากรู้จักคบหากันมา 6 ปี ตกลงใช้ชีวิตร่วมกันแต่งงานกันปัจจุบันแต่งงานมา 10 ปีแล้ว หลังแต่งงานชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยน ไม่ได้หวือหวา เราไม่ได้ทำตัวเป็นคุณนาย เราทำงานเหมือนเดิม นอกจากต้องเข้าใจตัวเขา เข้าใจงานของเขา และมาโฟกัสสามีกับลูกมากขึ้น”
ปัจจุบันมีลูก 2 คน น้องฟร้อง – ด.ช. ธนกฤต กลิ่นเกษร อายุ 9 ขวบ เรียนชั้น ป.4โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ น้องเฟรช – ด.ญ.ศมนันท์ กลิ่นเกษร อายุ 7 ขวบ เรียนชั้น ป.2 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”
คุณตูนเผยและบอกต่อว่า
กว่าจะมาเป็นชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจในวันนี้ เคยงี่เง่ามาก่อนเหมือนกัน เคยคาดหวังในชีวิตคู่ เมื่อไหร่พี่ญาจะพาไปกินข้าว เมื่อไหร่จะพาไปห้าง เคยนั่งกินข้าวคนเดียวแล้วรู้สึกว่าแปลก เหมือนไม่มีคนคบ แต่ก่อนเรามีความเป็นวัยรุ่น ติดเพื่อน เพียงแต่เราไม่ได้เป็นแม่ที่แย่ เราจะอยู่กับลูกตลอด
“แต่วันหนึ่งเราโตขึ้น เวลาทำให้เรากลั่นกรองว่า ถ้าเราทั้งคู่มาเปิดใจกัน คุยกัน เขามีงาน ถ้าว่างต้องมีเวลาให้เรา มันคือต้อง 50/50 มันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่าใครคนใดคนหนึ่งเข้าใจคนนั้น 100% อันนี้คือกลั่นกรองมาจากความงี่เง่าที่ผ่านมาแล้ว หลายเรื่องพอเราเย็นลง ทำให้มีสติ และหาทางออกได้ แต่ก่อนจะผ่านตรงนั้นเราก็ต้องคุยกันเยอะ
“เราเริ่มคิดว่าถ้าเราเชื่อเขาในบางเรื่อง เขาก็จะเชื่อเราบ้าง จากเมื่อก่อนเขามองเราเป็นเด็ก อารมณ์เสียง่าย เขาก็จะติดภาพนั้น ตอนนี้เราฝึกยิ้ม ยิ้มแย้ม อะไรที่เขาชอบถ้าเราทำให้ได้ เราก็จะทำ ทำตลอด เขาก็จะเห็นในอีกมุมของเรา มันกล่อมเกลาว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น
“ชีวิตเราเป็นคนชอบเติมความรัก ถ้ามีโอกาสก็จะไปเที่ยวกัน พี่ญาก็พยายามให้เรา แม้จะมีภารกิจมาก คนที่อยู่บ้านต้องเข้าใจ อย่างตอนที่พี่ญารับราชการที่หัวหิน เราก็ขับรถไปหาเขาทุกสัปดาห์ เรารู้สึกว่าช่วงไหนที่เรามีเวลาให้กันมันจะน่ารัก จะแฮปปี้ เราก็คิดว่ามันต้องมีคนหนึ่งที่เสียสละ และเราอยากมีเวลาให้ลูกมากขึ้น เป็นเหตุผลที่เราออกจากงานประจำ ถอดหัวโขนตรงนั้นออกมา ตอนนั้นเราใช้เวลาตัดสินใจอยู่ 3 ปี”
ด้านการซัพพอร์ตเรื่องงาน คุณตูน เล่าว่า
เราทั้งคู่เป็นคน 2 ด้านที่ต่างกันมากๆ แต่กลับซัพพอร์ตซึ่งกันและกันได้ดี การที่เขาเป็นข้าราชการ เราเป็นสาวเอกชน สามารถซัพพอร์ตเรื่องงานกันได้ เวลามีงานอีเว้นต์เราจะให้คำปรึกษาเขาในสิ่งที่เราถนัดได้ อย่างงานเกษียณ พรีเซนเทชั่น Mood and Tone ควรเป็นแบบไหน หรือบางเรื่องเราต้องประสานหน่วยงานราชการที่เป็นเอกสารเราก็จะปรึกษาเขา มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เติมเต็มให้กันทั้งคู่
เรื่องการดูแลครอบครัว คุณตูน เล่าว่า
พี่ญาจะวางแผนว่าให้ลูกเรียนที่ไหน ส่วนเราจะเป็นคนซัพพอร์ตและดูแลลูกทุกอย่าง ตรงนี้คือหน้าที่หลักของเรา ของใช้ในบ้าน อาหารการกิน การดูแลคนงาน ลูกจะสอบ พาลูกไปเที่ยว เราทุกอย่าง ถามว่าหนักไหม ก็หนักมากแต่เราดูแลตรงนี้ได้
“ส่วนพี่ญาถ้ามีเวลาว่างหรือวัดหยุดจะพาลูกเข้าวัด ปล่อยปลา บางครั้งลูกก็ถามพ่อแบบติดตลกว่า ไม่พาไปที่อื่นบ้างหรือ เราก็ชวนกันเปลี่ยนกิจกรรมอื่นบ้าง หรือแต่ก่อนเคยพาไปกันช้อปปิ้งตามห้าง พอเดินนานๆลูกก็จะเบื่อ เราก็ต้องเปลี่ยนบ้าง หลังๆเรารู้ว่าพี่ญาทำงานเยอะ ในวันหยุดก็อยากให้อยู่บ้าน เล่นเกมกับลูกๆ กินข้าวอยู่บ้าน
“เราจะเลี้ยงลูกแบบไม่พะเน้าพะนอ จะสอนให้เขารู้ว่าตอนนี้พ่อไม่อยู่บ้าน ไปทำงาน ส่วนแม่ทำงานหลายอย่าง แต่เราก็ไม่เคยละเลยการดูแลลูก อย่างเวลาประชุมผู้ปกครองหรืองานโรงเรียน เราจะเป็นคนไป
แต่ถ้าเป็นเรื่องของลูกชายที่ผู้ชายควรจะต้องจัดการ ก็จะให้พี่ญาคุยกับลูก ทั้งเรื่องเพศศึกษา เรื่องยาเสพติด เรื่องเล่นเกม ส่วนเราก็จะคุยกับลูกสาว ช่วยกันจัดการคนละด้าน และช่วยกันวางแผนอนาคตให้ลูก เราเป็นคนวางแผนเรื่องเงินให้ลูกๆด้วย”
คุณตูนเล่า
ส่วนกิจกรรมครอบครัว คุณตูน บอกว่า
ถ้าว่างตรงกันนอกจากพากันไปช้อปปิ้ง เข้าวัดทำบุญทำทานแล้ว จะพากันไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวทะเล ลูกชอบว่ายน้ำ ก็จะให้คุณพ่อพาลูกว่ายน้ำ ตอนนี้นอกจากลูกติดคุณพ่อแล้ว คุณพ่อยังติดลูกด้วย
เป็นความน่ารัก สไตล์ครอบครัว “กลิ่นเกษร” ที่ใช้การพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจ และเติมเต็มความรักความอบอุ่นให้แก่กัน
ปร์วีร์1/1/66