วันที่ 1 ม.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่องเครื่องแบบตำรวจสายตรวจของสถานีตำรวจและหน่วยงานตำรวจที่เกี่ยวข้องพบว่าปัจจุบันเสื้อสะท้อนแสงที่ตำรวจสวมใส่ทับเครื่องแบบตำรวจของแต่ละสถานีนั้นไม่เหมือนกัน บางแห่งใช้แถบสีเทา บางแห่งสีแดง บางแห่งใช้สีเหลือง
หรือแม้แต่ตำรวจที่สังกัดสถานีเดียวกันก็ยังใช้สีเสื้อสะท้อนแสงของตำรวจสายตรวจแตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและอาจจะทำให้ชาวบ้านสับสนในขณะออกตรวจพื้นที่
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวทำให้มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนให้เสื้อสะท้อนแสงของตำรวจสายตรวจเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกันเหมือนกันหมดทั่วประเทศภายในปี 2566 นี้
ได้ให้ทีมงานวิเคราะห์ปัญหาและสภาพความเป็นไปได้ โดยอ้างอิงจากผลวิจัยทั้งในและต่างประเทศ จนได้ข้อสรุปว่า เสื้อสะท้อนแสงที่สวมทับเครื่องแบบตำรวจขณะออกตรวจนั้นควรใช้แถบสีเขียวอมเหลืองคาดทับบนแจ็ตเก็ตสั้นแขนกุดสีดำ จะใช้โมเดลของตำรวจสายตรวจประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
เนื่องจากผลการวิจัยพบว่าสีเขียวอมเหลืองสะท้อนแสงสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 500 เมตรในทัศนวิสัยปกติ และมองเห็นได้ 300 เมตรขณะฝนตกหรือมีหมอก ขณะเดียวกันสีดังกล่าวยังเป็นสีที่เป็นมิตรต่อประชาชน เมื่อชาวบ้านมองแล้วจะทำให้ตำรวจไม่รู้สึกเป็นศัตรูหรือฝั่งตรงข้าม
รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังสำรวจจำนวนตำรวจที่ต้องสวมใส่เพื่อจัดทำภายในปีงบประมาณนี้ จะใช้ผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทยซึ่งมีอากาศร้อน
อย่างไรก็ตามจะคำนึงถึงงบประมาณเป็นหลักโดยจะทยอยจัดทำและจัดทำต้นแบบก่อนที่จะแจกจ่ายไปยังสถานีตำรวจทั้วประเทศ กำลังพิจารณาว่าอาจจะต้องมีพื้นที่เป้าหมายเป็นสถานีตำรวจเพื่อทดลองสวมใส่ และะออกตรวจตราทำงานจริง จากนั้นจะผลิตออกแจกจ่ายต่อไป
พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า พลตำรวจเอก ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้สั่งการให้ ตนสำรวจความเป็นไปได้ที่จะให้ตำรวจสายตรวจมีปืนไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง ซึ่งอาจจะไม่ได้มีทุกคน แต่มีเฉพาะตำรวจที่กำลังออกปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะของปืนที่เป็นส่วนกลางประจำสถานีตำรวจ เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งตัวตำรวจเองและชาวบ้านหรือเหยื่อในขณะเข้าจับกุมหรือสกัดจับคนร้าย เช่น กรณีคนร้ายเสพยาเสพติดจนคลุ้มคลั่งและอาละวาด ซึ่งพบได้บ่อยทั้งในชุมชนเมืองหรือในชนบท เป็นต้น
ขณะนี้กำลังศึกษาประเภทและการใช้งานให้เหมาะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองไทยมากที่สุด โดยคาดว่าจะแจกจ่ายให้ประจำสถานีตำรวจทั่วประเทศสถานีละ 2 กระบอกในเบื้องต้น โดยจะพิจารณาถึงความจำเป็นของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก.