คำกล่าวที่ว่า “คนจะรวยขายขี้ก็รวย คนดวงซวยหาบทองขายมันก็เจ๊ง..”
ประโยคนี้ใช้ได้กับ สุจินต์ เกษสุวรรณ์ นักธุรกิจผู้กว้างขวาง เจ้าของบริษัท เชียงใหม่ กำจัดสิ่งปฏิกูล จ.เชียงใหม่ และเจ้าของ ปุ๋ยอินทรีย์ตราช้างนั่งไขว้ห้างชูจ๋อง คนเดียวเท่านั้น
สำหรับ สุจินต์ เอ่ยชื่อ หลายคนนึกไม่ออกว่าเป็นใคร แต่ถ้าบอก จ๋อง ตาเดียว นักบู๊ในยุทธจักรสีกากีเมื่อ 20-30 ปีก่อน ร้องอ๋อ
มาฟังกันจากนักบู๊คนจริงสมัยก่อนที่คลุกคลี อยู่ในแวดวงตำรวจ แล้วเดินตามรอยโครงการพระราชดำริในหลวงร.9 จนเติบโตขึ้นมากลายมาเป็นนักธุรกิจร้อยล้านได้อย่างไร
จากเด็กหนุ่มเมืองเพชรสู่ธุรกิจดูดส้วม
อดีตคนสนิท ป๋าลอ-ชลอ เกิดเทศ ฉายามือปราบพระกาฬเล่าให้ฟังว่า “ที่เป็นตัวเป็นตนนี้ ได้มาจากในหลวง ร.9
เริ่มมาจากป๋าลอ ตอนเป็นผู้การเขต8 พิษณุโลก แกบอกให้หางานทำเถอะ เพราะกลัวจะไปพลาด ป๋ามาบอกงานดูดส้วมเทศบาล เอามั้ย เห็นพรรคพวกที่นครสวรรค์ทำแล้วมีรายได้ดี
ก็บอกว่า ตังค์ผมไม่มีเลยนะ แกก็ว่าเดี๋ยวไปเอาเงินมาให้ แล้วแกก็ยกบริษัทคุ้มพระลอ ให้ผมเฉยๆ ไปเอารถที่สุโขทัยมาให้ 2 คัน แต่บอกว่าถ้าขาดผ่อนจะยึดนะ ผมไม่ลงทุนอะไรสักอย่าง ไม่มีเงินดาวน์เลยนะ ……”
ต่อยอดทำบ่อหมักปุ๋ย พระราชดำริ ร.9
จ๋อง ตาเดียวเล่าต่อ “จากนั้นผมก็ไปต่อแท้งก์ดูดส้วม ได้สัมปทานจากเทศบาลพิษณุโลก ก็เริ่มทำกิน แล้วมันเห็นเงินเลยตั้งใจทำเป็นอาชีพ ทำแบบจริงจัง ต่อรถเพิ่มขึ้นๆ พอได้เงินก็ก้มหน้าก้มตา ไม่เที่ยวไหน ได้เงินมาก็ใช้หนี้ เหลือเท่าไหร่เก็บไว้
วันหนึ่งมาเชียงใหม่ บริษัทที่เชียงใหม่ เขาเจ๊ง ก็ขอเทคโอเวอรเลย 2 ล้านกว่าบาท สมัยนั้นนะ เมื่อ 18-19 ปีมาแล้ว ซื้อรถจากที่เขามีอยู่แล้ว 2 คัน เป็น 4 คัน ไม่พอทำงานเลยซื้อเป็น 8 คัน
ช่วงนี้ไปอ่านตำราทำบ่อหมักปุ๋ย ไปเจอโครงการพระราชดำริของในหลวงเลยเอามาทำ เอามารีไซเคิ่ลเป็นปุ๋ยเต็มๆไม่มีผสมดิน ไม่ผสมอะไรเลย
กางตำราในหลวง ทำปุ๋ยอินทรีย์
ทีนี้พออ่านโครงการในหลวง ร.9 ถ้าเราเอาสิ่งปฏิกูลไปทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เมืองสกปรก เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค
เราเอาโครงการพระราชดำริ มาทำตามแปลนของพระองค์ พอเต็มบ่อแล้วหมัก 28 วัน เชื้อโรคตายตามธรรมชาติ จุลินทรีย์ไปกินเชื้อโรค แล้วปล่อยออกมาใส่เครื่องกรอง กากเอาตากให้แห้งแล้วก็เป็นปุ๋ย
เริ่มทำเมื่อปี 2554 เปิดตำราเลย ลงทุนซื้อที่ประมาณ 10 ล้านบาท 27 ไร่ ที่หมู่ 2 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ สร้างอาคารด้วย
ไม่มีสารเคมีเจือปน
ตอนแรกชาวบ้านไม่ค่อยเข้าใจ แอนตี้ไม่ให้ทำ เพราะกลัวมีกลิ่นเหม็นสิ่งแวดล้อมเสีย แต่เรายังทำทุ่มไปเยอะ ตรงไหนมีต้นไม้เอามาปลูกให้เลย ให้เขาเห็นว่า ไม่ได้เข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อม ให้เขามาพิสูจน์ ตรงนี้ไม่มีกลิ่น พิสูจน์ได้ว่า ปุ๋ยนี่ใช้ได้ 100% ดินที่เสื่อมเสียแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิม
ตรงนี้แต่ก่อนปลูกอะไรไม่ขึ้น เพราะเป็นที่ดินลูกรัง พอฉีดน้ำปุ๋ยอินทรีย์กลายเป็นแบบนี้ ใบไม้เขียวเป็นมัน ไม่มีสารเคมีเจือปน ใช้เกษตรอินทรีย์นโยบายของพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่อยากให้ดินเสีย
ผมรอดชีวิตเพราะป๋าลอ ได้ทุนมาต่อยอดด้วยโครงการในหลวง อยู่ที่ไหนผมจะติดรูปในหลวงทำใหญ่เลย ในฐานะที่พระองค์ชี้แนะให้เราเดินทางในสิ่งที่ดี
2 ปีรู้เรื่อง ทำไม่พอขาย
2 ปีนี่รู้เรื่องเลย ไม่พอขาย ปุ๋ยอินทรีย์ตราช้างนั่งไขว้ห้างชูจ๋อง ทางเหนือหมายถึงความเที่ยงตรง ชูขึ้นไปอันเดียวเป็นสัญลักษณ์ ที่ใช้สัญลักษณ์นี้ เพราะชื่อคล้ายๆผม แล้วทางเหนือเขาเปรียบเทียบกันอย่างนี้ ช้างนั่งยิ้ม โลโก้ไม่มีใครเหมือน
ตอนนี้ไม่พอขาย เกษตรกรมาจองถึงนี่เลย เพราะแถวนี้เขาทำเกษตรครบวงจร หอม กระเทียม ข้าวโพด ข้าว ปีเดียวเขาจะปลูกกันวนอย่างนี้ ดินเขาเสีย เขาก็เอาของเราไปทดลองก็ได้ผล อย่างสวนลำไย บ่อสร้าง ป่าซาง สันป่าตอง เขาใช้ได้ผล
สรรพคุณครบ ทรีอินวัน
ตอนนี้มี 36 บ่อ ผลิตได้วันละ 1 ตัน ปุ๋ยแห้ง ส่วนปุ๋ยน้ำได้วันละเกือบ 9,000 ลิตร ตอนนี้ผลิตไม่พอขาย คนจองไว้หมด ที่จริงปุ๋ยของคนอื่นที่เขาทำกระสอบละ 1 พันกว่า ขี้ค้างคาว เขาก็เอามาแค่ 10% ไปผสมดิน 60 ขี้เลื่อย กาบข้าวโพด และอะไรต่ออะไร มันไม่ได้ผลเท่าไหร่
แต่ของเราคุณค่าทางอาหารมันดีกว่าสัตว์ทุกชนิด ยอดผลิตปีหนึ่ง 365 ตัน วันละตัน ถ้าคำนวณก็แล้วแต่ห้องน้ำ บางห้องน้ำเนื้อเยอะ บางห้องน้ำน้ำเยอะ เอามาเข้าเครื่องกรองตรงนี้ กากจะตกอยู่กับทราย น้ำพี่ก็ต่อท่อไหลไปอยู่ที่บ่อเก็บ
นั่นเป็นบ่อเก็บน้ำปุ๋ย ทำเป็นน้ำพุ ให้เกิดอ๊อกซิเจน กลิ่นทุกชนิดไม่มี ใช้น้ำเช็ด แมลงวันไม่มีเกาะ ถ้าซื้อสารเคมีต้องซื้อ 3 ถุง คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปเตสเซี่ยม แต่ของเราในกระสอบเดียวกันมีทั้ง 3 อย่าง
ของในหลวง เกษตรกรใช้ได้หมด
ถามว่าปุ๋ยบางอย่างขายกระสอบละพัน กระสอบละ 800 กระสอบละ 900 ผสมแล้วทั้งนั้น แค่ของเราแบบ 100% เต็ม กระสอบละ 450 บาท ถูกกันครึ่งๆ แล้วเราช่วยเกษตรกร เขาพอใจ ภูมิใจ และดีใจกันหมด เขามาซื้อกับเรา ตอนนี้มีลูกน้องประมาณ 30 กว่าคน นอกจากนี้ ดร.เกษม จันทร์แก้ว เลขาฯ ของ ดร.สุเมธ มาดูงานแล้ว
ตอนนี้อยู่ได้สบาย วันละหมื่นกว่า เฉพาะปุ๋ย ไม่เกี่ยวกับรถวิ่ง ใครจะสู้ต้องลงทุนแบบนี้ วัตถุดิบที่เขามีในมือพอมั้ยที่จะลงทุนอย่างนี้ มีตำราอยู่ มีแปลน ไม่รู้จะขออนุญาตกับใคร
ของในหลวง ใครก็ใช้ได้หมด ไม่มีลิขสิทธ์ิ อะไรที่เกษตรกรทำแล้วดี ก็ทำได้หมด ในหลวงไม่ได้จดลิขสิทธิ
วันนี้ สุจินต์ เกษสุวรรณ์ หรือจ๋อง ตาเดียว ยืนยิ้มภูมิใจ ขณะยืนอยู่ที่บ้านพักสไตล์รีสอร์ตที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง อ.ดอยสะเก็ด ล้อมรอบไปด้วยป่าเขียวชอุ่ม
ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่า ในพื้นที่สีเขียวนี้มีบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูลจากร่างกายมนุษย์รีไซเคิลกลับมาเป็นปุ๋ย อยู่ในรีสอร์ตหรูหลังนี้
ด้วยโครงการพระราชดำริ พลิกฟื้นชีวิตอดีตนักบู๊ในยุทธจักร กลายเป็นนักธุรกิจขั้นเศรษฐีในวันนี้
กากีกลาย29/10/60