ย้อนรอยคดีดัง
กระหึ่มสังคมทุกครั้งหากคนในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียงถูกจับในคดียาเสพติด ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะอยู่บนความคาดหวังว่าต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน
ชื่อเสียงย่อมนำมาซึ่งโอกาสทั้งดีและไม่ดี โอกาสในการหารายได้แบบหลั่งไหลไม่ขาดสายกลายเป็นเรื่องปกติ
แต่ในขณะเดียวกัน ชื่อเสียงก็นำพามาซึ่งคนหลากหลายประเภทที่ต้องการจะเอาอกเอาใจเพียงเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับคนดัง
บ่อยครั้งที่เงินมักพาให้บรรดาเซเล็บไปเจอคนในวงการยาเสพติด
เป็นที่รู้กันว่าข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) มีหลักฐานว่า ดารา นักร้อง นางแบบ วีเจ เน็ตไอดอล ไฮโซ ศิลปิน ฯลฯบางคนข้องเกี่ยวยาเสพติด
รอแค่เพียงจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าจับกุมเท่านั้น
ตัวอย่าง “ปุ๊กกี้” ปริศนา พรายแสง คือผลงานการสืบสวนขยายผล หลังจากที่2-3 ปีที่แล้ว พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการ ปส.เคยเตือนผ่านสื่อแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ทุกกรณีต้องถือเป็นเรื่องเล็กไปเลยทันที ถ้าตำรวจต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดเสียเอง
31 ม.ค.2558 ช่วงเช้ามีข่าวกระซิบกันว่า สืบ สน.ประเวศ จับกุม “บิ๊กตำรวจ” ยศพันตำรวจเอกพร้อมยาไอซ์จำนวนมากถึง 17.58 กรัม ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์
หลังจากที่เช็คข่าวกันแล้วก็ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริง
ก่อนที่จะถูกจับกุมพันตำรวจเอกคนนี้ได้ซื้อเวลาหญิงสาววัยรุ่นจากสถานบริการแห่งหนึ่งไปร่วมหลับนอนที่โรงแรมย่านบางนา แล้วชวนให้ผู้หญิงเสพยาไอซ์
โดยนายตำรวจคนนี้ยังบอกอีกว่าไม่ต้องกลัวโดนจับเพราะเป็นตำรวจ เมื่อหญิงสาวทำท่าไม่เชื่อและขอดูบัตร นายตำรวจคนนี้จึงได้นำบัตรประจำตัวออกมาให้ดู
หลังร่วมหลับนอนเสร็จแล้ว หญิงสาวรายนี้ได้นำข้อมูลไปบอกให้่ตำรวจที่รู้จัก มีการประสานไปยัง สน.บางนา เข้าตรวจสอบ
แต่นายตำรวจคนนี้ได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมไปแล้ว ตำรวจจึงวางแผนให้หญิงสาวคนดังกล่าวติดต่อกลับไปยังตำรวจนายนี้อีกครั้ง
กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 30 ม.ค. พันตำรวจเอกคนนี้ได้ชักชวนให้เธอมาร่วมหลับนอนและเสพยาอีก พร้อมบอกด้วยว่ามียาเสพติดเป็นจำนวนมาก ให้มาที่ ห้อง 315 ไรเดอร์รีสอร์ท ซอยศรีนครินทร์ 49
เธอแจ้งข้อมูลนี้แก่ตำรวจที่รู้จักอีกครั้ง พร้อมประสานฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ วางแผนจับกุม
03.20 น. วันที่ 31 ม.ค. ตำรวจเคาะห้องเลขที่ 315 เมื่อชุดจู่โจมเข้าไปก็พบยาไอซ์บรรจุใส่ถุงพลาสติกและอุปกรณ์ในการเสพ วางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง
ตรวจค้นในกระเป๋าสะพายสีดำของชายคนดังกล่าว พบยาไอซ์อยู่ในถุงพลาสติกอีก 4 ถุง น้ำหนักรวมทั้งหมด 17.58 กรัม
บัตรข้าราชการตำรวจ ระบุชื่อ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อายุ 48 ปี ตำแหน่ง รองผู้บังคับการอำนวยการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.)
มีรายงานด้วยว่า หลังถูกจับกุม พ.ต.อ.จักรกฤช ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่มีตำรวจติดต่อขอความช่วยเหลือในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา
แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องที่ถูกจับกุมยาเสพติด ได้บอกไปว่าเป็นเรื่องใครก็ช่วยไม่ได้ เป็นนโยบายของรัฐบาลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน
ในส่วนของ บช.น.ตนก็ไม่ได้รับผิดชอบ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
อีกคดีที่ตำรวจเข้าไปพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด เมื่อนายตำรวจที่ได้ชื่อว่า มือทองแห่งภาคเหนือ “พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร” อดีตรองผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรไชยปราการ จ.เชียงใหม่
ถูกจับกุมพร้อมยาบ้า 8แสนเม็ด และไอซ์ น้ำหนัก 1กิโลกรัม มูลค่ารวม 250 ล้านบาท
อดีตตำรวจมือทองรายนี้ ถูกล่อซื้อบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาแม่สาย ทางไปยังหมู่บ้านป่ายาง ต.แม่สาย ติดชายแดนไทย-พม่า
ทั้งๆที่ เป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงด้านการปราบปรามยาเสพติดเริ่มตั้งแต่สมัยประจำอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรสบปราบ จ.ลำปาง
เจ้าตัวก็ทำผลงานเด่น และถูกโยกไปอยู่สถานีตำรวจภูธรไชยปราการด้วยความหวังสกัดกั้นยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากชายแดน ผ่านด่านผาหงส์ที่ภายในปีหนึ่งมีการไหลทะลักของยาบ้าเข้ามาหลายร้อยล้านเม็ด
รองชำนาญ เป็นมือปราบยาเสพติดลำดับต้นๆของภาคเหนือ ถึงขั้นมีโล่รางวัลดีเด่นหลายสมัยและได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา
รวมถึงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้เป็นวิทยากร อบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงวิธีการตั้งด่านและสกัดจับยาเสพติดด้วย
ทั้งนี้ ก่อนจะโดนจับกุม บ้านของ พ.ต.ท.ชำนาญ ที่ จ.ลำปาง เคยถูกขโมยเข้าไปงัดมาแล้ว 2 ครั้ง จนตกเป็นข่าวดังว่ามิจฉาชีพกล้าล้วงคองูเห่า
ชุดสืบสวนยังพบความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาผ่าน “เหมย ศรีนทีทันดร” เชื้อสายพม่า แฟนใหม่ของ”พ.ต.ท.ชำนาญ”
เนื่องจากพบว่ามีการปลอมแปลงบัตรประชาชนและเอกสารทางราชการที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
สวมรอยเป็นหญิงชาวเหนือ ซึ่งตัวจริงอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มานานกว่า 10 ปีและไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย
เชื่อว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ”พ.ท.ยี่เซ” เจ้าพ่อยาเสพติดมูเซอดำ
ชุดปราบยาปรามยาเสพติดเชื่อว่าการลักลอบค้ายาของ “พ.ต.ท.ชำนาญ” ไม่น่าจะเป็นครั้งแรก
แต่น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการขนยาเสพติดมานานหลายปีแล้ว และทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาเสมือน “เกลือเป็นหนอน” ให้กับขบวนการค้ายาด้วย
แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยที่ตำรวจจะหลงผิดเข้ามาเกี่ยวพันกับยาเสพติด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยอาชีพที่ต้องใกล้ชิดกับสิ่งผิดกฎหมายโดยเฉพาะบรรดามือปราบ
อาจทำให้บางคนหลงใหลไขว้เขวจนใช้หน้าที่แสวงหาประโยชน์จากขบวนการค้ายา
โดยลืมไปว่าตัวเองเป็นผู้รักษากฎหมาย