คดีแรกจับหนุ่มเมืองผู้ดีหื่น ก่อคดีพรากผู้เยาว์ไปกระทำอนาจารขยายผล รวบผู้สั่งการเครือข่ายขบวนการลักลอบขนบังกลาเทศข้ามแดนผิดกฎหมาย คดีสุดท้ายตะครุบหนุ่มซีเรียสุดแสบลอบอยู่เกินกว่า 6 ปี ขุดประวัติย้อนหลังพบคดีอุกฉกรรจ์เพียบ! ขยายผลจับหญิงชาวอียิปต์ OVERSTAY
วันที่31ม.ค.67ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.
พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. สตม.จับหนุ่มเมืองผู้ดีหื่น ก่อคดีพรากผู้เยาว์ไปกระทำอนาจาร
บก.สส.สตม. จับกุมนายไทเลอร์ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ชาวอังกฤษ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 12 มกราคม 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกิน สิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้ในพื้นที่ ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่
พฤติการณ์จับกุม ระหว่างปี พ.ศ.2557 – 2558 นายไทเลอร์เป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ระหว่างนั้นก่อเหตุพาเด็กนักเรียนหญิงต่างชาติ อายุ 16 ปี ไปกระทำอนาจารที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต 2 ครั้ง
เมื่อผู้ปกครองและทางโรงเรียนทราบเรื่องโรงเรียนได้สอบสวนและยกเลิกสัญญาจ้างการเป็นครูของนายไทเลอร์ ส่วนการแจ้งความดำเนินคดี ผู้ปกครองของเด็กหญิงขอให้บุตรสาวได้เรียนหนังสือในประเทศไทยให้จบก่อน เมื่อบุตรสาวเรียนจบ ผู้ปกครองจึงได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลองดำเนินคดีกับนายไทเลอร์
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับนายไทเลอร์ และจับกุมได้ขณะไปอยู่กับภรรยาซึ่งเป็นหญิงไทยที่บ้านหลังหนึ่งในย่าน ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559
2. สตม.ขยายผล รวบผู้สั่งการเครือข่ายขบวนการลักลอบขนบังกลาเทศข้ามแดนผิดกฎหมาย
กก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกับ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.ห้วยยาง จับกุม นายประยน (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” จับได้ที่หน้าบ้าน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อค่ำวันที่ 8 มกราคม 2567ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สนธิกำลังจับกุม นายสุริน (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” และจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ 30 คน ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต” ยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ต่อเติมหลังคาขนส่งตู้ทึบ 1 คัน ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดี
ต่อ กก.3 บก.สส.สตม.ร่วมกับ ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สืบสวนขยายผลพบว่า นายประยน ทำหน้าที่สั่งการ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ออกหมายจับนายประยน กระทั่งจับกุมได้
สืบสวนขยายผล พบแชตการพูดคุยในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวและเส้นทางการขนคนต่างด้าว โดยนายประยนรับว่า ช่วงแรกเปิดบริษัทขนส่ง มีรถกระบะขนส่ง (ตู้ทึบ)วิ่งส่งของ แต่ภายหลังเห็นว่าถ้ามารับวิ่งงานสีเทาจะได้ค่าจ้างมากกว่าวิ่งส่งของมาก หันมารับงานขนคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ได้ค่าจ้างรายละประมาณ 2,500 บาท ทเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วจะได้รับอยู่ที่ประมาณหัวละ 1,500 บาท
ส่วนคดีที่ถูกจับครั้งนี้ได้ส่งต่องานให้นายสุรินฯ เป็นผู้ขับรถขนส่ง คนต่างด้าว จนถูกจับกุมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ที่ถูกตรวจยึดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้ครอบครองเป็นญาติของตน โดยก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับในความผิดมียาเสพติดอยู่ภายในรถขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 นำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3. สตม. รวบหนุ่มซีเรียสุดแสบลอบอยู่เกินกว่า 6 ปี ขุดประวัติย้อนหลังพบคดีอุกฉกรรจ์เพียบ! ขยายผลจับหญิงชาวอียิปต์ OVERSTAY
กก.สืบสวน.บก.ตม.1 จับกุมนายอัดนัน (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ชาวซีเรีย และน.ส.ซาบีร์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาวอียิปต์ กล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับ โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับข้อมูลจากสายข่าวในพื้นที่ว่าที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ มีคนต่างด้าวคล้ายชาวอาหรับ มักจะเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบุคคลเป้าหมายเข้าพักที่ห้องของโรงแรมดังกล่าว ได้ติดต่อผู้จัดการโรงแรมขอเข้าตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะห้อง นางสาวซาบีร์ (นามสมมติ)เปิดประตูเมื่อพบเจ้าหน้าที่ มีอาการตกใจและพยายามจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง เบื้องต้นไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ดูได้ จากการตรวจสอบกล่องพัสดุภายในห้องจึงทราบชื่อนางสาวซาบีร์ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนางสาวซาบีร์ สิ้นสุดแล้วเป็นเวลา 1,526 วัน
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างโรงแรมสังเกตเห็นชายลักษณะคล้ายชาวอาหรับมายืนสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ มีท่าทีพิรุธ ได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางผลการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวคือนายอัดนัน (นามสมมติ) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว เป็นเวลา 2,451 วัน
นอกจากนี้จากการสืบสวนเชิงลึกยังพบว่านายอัดนันฯ คือบุคคลซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีหญิงสาวชาว Morocco โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ.2560 และยังเป็นบุคคลที่เคยถูกออกหมายจับในคดีร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ในพื้นที่นานาและสุขุมวิท รวมหลายคดี ซึ่งคดีดังกล่าวบางคดีอยู่ในระหว่างรอนัดสืบพยานจากศาล
อย่างไรก็ตามตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่านายอัดนันได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้งสองคนว่าเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบข้อมูลการติดต่อกันระหว่างนายอัดนันกับนางสาวซาบีร์ รวมถึงหญิงชาวไทยอีกรายหนึ่ง เชื่อว่าทั้งหมดมีความเชื่อมโยง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลต่อไปว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นความผิดในฐานอื่น ๆ อีกหรือไม่