อาทิตย์นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งออกมา 2 คำสั่งสำคัญ
คำสั่งแรก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีบันทึกข้อความที่ 0009.33/1496 ลง 1 มิถุนายน 2563
ถึง ผบช.หรือ ผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัดสง.ผบ.ตร. หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
เรื่องนโยบายการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ข้าราชการตำรวจ
ข้อความ โดยสรุประบุว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจและครอบครัว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยต่อข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดัง กล่าวเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระทางด้านการเงินให้แก่ ข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ
ให้สั่งการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการเงิน ตรวจสอบข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มียอดเงินเดือนคงเหลือต่ำกว่า 5,000 บาท โดยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการ ดังนี้
1.กำหนด มาตรการในการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว เช่น
จัดหา อาชีพเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ ปัจจุบันเพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายในครัวเรือน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น จัดโครงการอาหารกลางวันให้กับข้าราชการตำรวจ จัดโครงการตู้ปันสุข เป็นต้น
2.ให้ หน่วยงานระดับ บช. และ บก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. รายงานผลการดำเนินการให้ ตร. (ผ่าน ผบก.สก.) ทราบ ภายใน 30 มิ.ย.2563 เพื่อ ตร. จะได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในภาพรวมต่อไป
เจตนาดี แต่ในทางปฏิบัติเรื่องการจัดหาอาชีพเสริม มันดูแปร่งๆ
ตำรวจผู้น้อยหลายคนบ่น ทุกวันนี้งานนอกหน้าที่มันก็เต็มมืออยู่แล้ว
ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด นอกจากทำงานในหน้างานปกติแล้ว ยังต้องออกไปร่วมตั้งด่านกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือต้องออกไปทำหน้าที่เป็นสายตรวจพุ่มพวง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แล้วจะเอาเวลาไหนไปหาอาชีพเสริม
อีกคำสั่ง เป็นเรื่อง กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาวินัยจราจร ออกโดยพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปรท.ผบ.ตร.
มีข้อความโดยสรุประบุว่า กรณี นายกรัฐมนตรี มีบัญชามอบหมายให้ ตร. พิจารณาตามข้อปรึกษาหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ที่ขอให้ ตร. กวดขันวินัยจราจรแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ที่ไม่รักษาวินัยจราจร อาทิ การฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร การขับรถย้อนศร การจอดรถ ในที่ห้ามจอด
ดังนั้น จึงกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาวินัยจราจร ดังนี้
1. ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดทุกกรณี โดยเฉพาะในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
2. กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดกฎหมายจราจร จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด
3. ให้ผู้บังคับบัญขาทุกระดับชั้น เอาใจใสในการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดให้รักษาวินัยจราจรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อ ตร. เพื่อทราบและถือปฏิบัติ
มีผู้น้อยเรียนถามพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ในโลกโซเชี่ยล
หากมีคนร้าย ก่ออาชญากรรม (เช่นลักวิ่งชิงปลัน อื่นๆ ) ใช้ยานพาหนะ หลบหนี เจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานจราจร พบหรือรับแจ้งจึงได้ขับยานพาหนะไล่ติดตามคนร้าย
ดังนั้น เจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานจราจร จะสามารถใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่
หรือ ระหว่างไล่ติดตามมาถึง สัญญานไฟจราจร สีแดง จำต้องหยุดใช่หรือไม่ หรือ หากคนร้ายขับรถย้อนศร ตำรวจจะสามารถขับรถย้อนศรติดตามได้ หรือไม่ เนื่องจาก ตร.มี ว 0 ตามหนังสือดังกล่าว
1.ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดทุกกรณี โดยเฉพาะใน ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
แบบนี้ต้องยกเลิก พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ลักษณะ 7 รถฉุกเฉิน มาตรา 75 ในขณะที่ผู้ขับขี่ขับรถฉุกเฉินไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้ขับขี่มีสิทธิ ดังนี้
(1) ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไชเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้
(2) หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที่ห้ามจอด
(3) ขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้
(4) ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรใด ๆ ที่ให้รถหยุด แต่ต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควร
ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
หรือข้อ บังคับการจราจรเกี่ยวกับช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี้ยวรถที่กำหนดไว้ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่ กรณีด้วยกฎจราจร
เข้าใจพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ถึงข้อความที่ ส.ส.นักการเมือง อยากให้ตำรวจทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
แต่ก็เข้าใจตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องทำตามหน้าที่ในภาวะที่โลกโซเชี่ยลคอยจ้องจับผิดการปฎิบัติหน้าที่อย่างพลาดไม่ได้
เพราะพลาดก็ถูกผู้บังคับบัญชาให้ออกไว้ก่อน
ตอนนี้ภาพลักษณ์ตำรวจกำลังหล่อ ก็ขอเอาแต่พอดี
ถ้าจะให้ดี ต้องเอาใจลูกน้อง ไม่ต้องเอาใจนักการเมืองเสียทุกเรื่องครับ
กากีกลาย7/6/63