“บิ๊กต่อ” แถลงตำรวจทางหลวง บุกทลาย โจรกรรมรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน 2 เครือข่ายใหญ่ เผยนายทุนคนเดียวกัน เตรียมขยายผลไล่ล่าตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ต.ค.68 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล. พ.ต.อ.ธัช โพธิ์สุวรรณ ผกก.1 บก.ทล. พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล. พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. พ.ต.ต.วิศวนนท์ ศรีงาม สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน 2 เครือข่าย หลังจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 ราย พร้อมตรวจยึดรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม ได้ 2 คัน
พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.กล่าวว่า เครือข่ายแรก ตำรวจ กก.3 บก.ทล. เปิดยุทธการพิฆาตเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์สวมป้ายรถเถื่อน ส่งขายข้ามแดน จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวได้ 11 ราย พร้อมของกลางรถยนต์ 1 คัน
จุดเริ่มต้นของการจับกุม เนื่องจากมีผู้เสียหาย ติดต่อขอความช่วยเหลือตำรวจทางหลวงชลบุรี หลังนำรถยนต์ยี่ห้อ FORD รุ่น RANGER ไปจำนำผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ลักกี้ ออโต้คาร์ จำนำฝากจอดรถ” เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยส่งมอบรถบริเวณลานจอดร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แต่เมื่อผู้เสียหายส่งมอบรถไปแล้วนั้น กลับพบว่ารถของตนเองได้ถูกส่งไปขายยังประเทศเมียนมา ผ่านชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี พยายามติดต่อเพจดังกล่าวเพื่อขอไถ่รถคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับตำรวจทางหลวงดังกล่าว
พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า มีการทำกันเป็นขบวนการ มิจฉาชีพกลุ่มนี้ใช้สื่อออนไลน์ในการหารถ ที่มีสเปกตามความต้องการของนายทุนประเทศเมียนมา โดยจะนำมาดัดแปลงและส่งขายข้ามพรมแดนต่อไป
พบว่าสเปคความต้องการรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นประเภทรถกระบะและรถยนต์ suv เนื่องจากนำไปใช้ในเครือข่ายสแกมเมอร์ที่อยู่ในฝั่งประเทศเมียนมาซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและเหมาะกับการใช้รถเหล่านี้
พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มคนร้ายมีการทำงานในลักษณะเครือข่ายใหญ่ มีการแบ่งหน้าที่ออกเป็นหลายหน้าที่ด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มเปิดเพจหรือนายทุน 2.กลุ่มรับจ้างหารถหรือรับรถตามจุดต่างๆ 3.กลุ่มรับจ้างขับรถ 4.กลุ่มนายทุนที่รับรถมาส่งยังชายแดน หลังปรากฎหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัดเจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ 12 ราย ก่อนจับกุมได้ 11 ราย ดังกล่าว
พ.ต.ต.วิศวนนท์ ศรีงาม สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.กล่าวว่า ส่วนคดีที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ทล. จับกุมแก๊งตระเวนเช่ารถแล้วเชิด ส่งขายรถต่างประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมของกลางรถยนต์ 1 คัน
พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ จะเริ่มจากส่งคนไปตระเวนเช่ารถตามเต๊นท์รถเช่าต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่เมื่อได้รถแล้วจะรีบขับออกจากพื้นที่มุ่งตรงไปยัง จ.กาญจนบุรี เตรียมส่งมอบให้นายทุนนำไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำกำลังดักสกัดจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมของกลางดังกล่าว
สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับงานมาจากนายทุนคนไทยให้บินมาที่จ.เลย ไปเช่ารถต่อและขับไปยังจ.กาญจนบุรี แต่เมื่อถามต่อว่านำไปให้ใครที่ไหน ผู้ต้องหาบอกว่า ทราบมาแต่ว่าให้นำรถไปยังจุดนัดหมาย จะมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าต้องไปไหนหรือทำยังไงต่อ ก่อนจะนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่ง อ.สังขละบุรี
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนายทุนเป็นคนออกให้ และยังบอกอีกว่า ทำให้นายทุนคนนี้มาประมาณ 1 ปี ก่อเหตุมาแล้ว 50 คัน
จากการขยายผลทราบว่า ยังมีพ่อค้าคนกลาง 2 คน ที่จะคอยหารถในตลาดมืด หรือ รถตามเต็นท์เช่ารถ ว่าตรงตามออเดอร์ที่นายทุนต่างชาติต้องการ
เบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 5 หมาย จับได้แล้วคือ 2 ราย และยังติดตามตัวอีก 3 ราย คือพ่อค้าคนกลาง และนายทุนต่างชาติ ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปหรือรับของโจร
พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล.กล่าวว่า สำหรับทั้ง 2 เครือข่าย จากแนวทางสืบสวน ทราบว่ามีเชื่อมโยงถึงกัน แม้ว่าพื้นที่ก่อเหตุจะอยู่ต่างพื้นที่ และ พฤติกรรมการก่อเหตุจะเป็นคนละรูปแบบ แต่ทั้ง 2 เครือข่ายนั้นมีกลุ่มนายทุนเดียวกัน
มีเป้าหมายคือนำรถส่งให้กับลูกค้าฝั่งพม่าเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้อยู่เบื้องหลังของทั้ง 2 เครือข่ายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายตีอไป