รองหมี-พ.ต.ท.ณรายุทธ ไตรยสุทธิ์ รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองศรีสะเกษ
ถึงจะมีตำแหน่งงานสอบสวน แต่ความเป็นจริง จัดเป็นนายตำรวจมือปราบยาเสพติดแม่น้ำโขงอีสานตอนบน โดยเฉพาะนครพนม-บึงกาฬอีกคน ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มาเป็นอาจารย์พิเศษสอนบรรยายนักเรียนนายร้อยตำรวจเรื่องเทคนิคการสืบสวนยาเสพติดตั้งแต่ปี 64 ถึงปัจจุบัน วันนี้จะพารู้จักนักสืบที่นายลืมกันครับ
บ้านใกล้ตชด.เลยอยากเป็นตำรวจ
จากเด็กหนุ่มอุบลราชธานี ลูกชายคนโตของครอบครัวที่พ่อที่เป็นลูกจ้างกรมทางหลวง แม่มีอาชีพค้าขาย มีแรงบันดาลใจอยากเป็นตำรวจเพราะบ้านอยู่ฝั่งตรงข้าหน่วยตชด. แต่สอบนักเรียนนายร้อย ไม่ติด เลยผันไปสอบโรงเรียนพลตำรวจภูธร 2 ที่ชลบุรี เขาน้อย รุ่น 27 ปี 2532
ชั้นประทวน15ปีถึงได้ติดดาว
“เป็นชั้นประทวนอยู่ 15 ปี อยู่สันติบาลประมาณ 2 ปีครึ่ง ที่เหลือทางหลวงอีกเกือบ13ปี แรกๆไปอยู่ ทางหลวงโคกโพธิ์ ปัตตานี ก่อนที่จะอยู่หน้าห้องเจ้านาย ท่านพิทักษ์ จารุสมบัติ ก็ได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่พอสมควร
จนกระทั่งจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย เซนต์จอห์น สอบติดยศร.ต.ต.บรรจุครั้งแรกเมื่อปี 2546 เป็น รอง สว.สอบสวนอยู่ที่สน. สุทธิสาร ทำงานสอบสวนแค่ 3 ปี ท่านเสรี เตมียเวส ผบ.ตร.เปิดตำแหน่ง สว.สป.แล้วตำแหน่ง รอง สว.ขาด เขาเลยดึงไปอยู่งาน ป.ก่อน…”
รองหมีย้อนอดีตเล่า
สอบเองจับเองเข้าตานาย
พี่ออม-พ.ต.อ.อุดรชัย ขุนพินิจ นั่นแหละดึงไป ตอนนั้นเป็น สวป. พี่ออม เห็นว่าผมอยากทำงานด้านนี้ คือแต่ก่อนทำงานสอบแล้วผมจับด้วย สอบสวน ออกหมายจับ แล้วก็ไปจับเองเลย พี่ออม เขาเลยส่งเสริมเป็น รอง สว.อยู่กับพี่ออม ไม่ถึงปีก็มาอยู่สืบ เพราะพอมี สว.สป.เขาไม่มีตำแหน่งสืบ ทั้งโรงพักไม่มีรอง สว.สืบ เขาเลยเอาผมจากพนักงานสอบสวน มาทำงาน
ขณะทำงานเป็น รอง สว.สส. สน.สุทธิสาร ผ่านคดีสำคัญ ๆ หลายคดี ทั้งคดีระเบิดสถานบริการโพไซดอน คดีวางระเบิดหวังฆ่าล้างหนี้ คดีจับกุมหัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่หลบหนีหมายจับของทางการญี่ปุ่น ผ่านเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่สำคัญคือการบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NTB
“วันนั้นเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากบุกเข้าไปจนถึงห้องส่งสัญญาณ ขณะนั้นมีตำรวจเหลืออยู่เพียงนายเดียว เคราะห์ดีที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพูดว่าเขาให้เรามายึดสถานที่ ห้ามทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงรอดตายมาได้แบบหวุดหวิด”
จากสุทธิสารไปสืบบก.น.2
จากสุทธิสาร ไปอยู่สืบบก.น. 2 อยู่กับลูกพี่เม่น-พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ(สบ8) ปฏิบัติราชการสอบสวนกลาง สมัยเป็น ผกก.สืบ2 แล้วก็ลูกพี่ พล.ต.ต.ภิรมย์ สวนทอง ผบก.ภ.จว.ยโสธร สมัย เป็น รอง ผกก.ผมก็ไปเป็นลูกชุดพี่ภิรมย์ แล้วก็ลูกพี่เผือก-พล.ต.ท.พีระพงศ์ วงษ์สมาน อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษตร. สมัยเป็นรองผู้การ ก็ได้วิชาดีๆ ได้คอนเน็คชั่น
ขึ้นสารวัตรวังยางนครพนม
ต่อมาปี 2554 ภาค 4 เปิดตำแหน่ง สว.อำนวยการ แล้วคนของเขาไม่พอ ลูกพี่เม่น เลยให้ไปอยู่ไปทำงานที่โน่น เลยไปอยู่ยาว ลุยงานยาเสพติด ช่วงที่ผมไปเป็น สว.อำนวยการ อยู่ที่โรงพักเล็กๆที่นครพนม โรงพักวังยาง ก็ไม่มีงาน เป็นโรงพักที่เป็น สภ.ขึ้นใหม่ สมัยนั้นยังไม่มีถนนเข้าไป ยังเป็นทางลูกรังอยู่ จากนาแกเข้าไปวังยาง ต้องมีเวลาอย่างต่ำๆ 2 ชั่วโมง ระยะทางแค่ 8 กิโลเมตร ลำบากมาก
จับแหลกจากบ๊วยจนได้ที่2ของภาค
พอไม่มีงานทำ เขาให้ผมไปจับตามหมาย ผกก.โรงพัก พี่สุชาติ พยัคฆ์มะเริง รุ่น 35 ให้ไปจับตามหมายจังหวะเขาเห็นฝีมือ ก็เริ่มจากทำงานจับให้กับภูธร จ.นครพนม จากที่บ๊วยสุด ขึ้นมาเป็นที่ 2 ของภาค 4 จากทั้งหมด 12 จังหวัด นครพนมขึ้นมาเป็นที่ 2
ปิดคดีฆ่า4ศพขึ้นสืบจังหวัด
พอจับเยอะเลย ก็เขาหาทีมให้เราเป็นหัวหน้าชุด เริ่มจากที่ ภ.จว.ก่อน เริ่มจับยาเสพติดตั้งแต่ตอนนั้น ก็จับตามหมายก่อน แล้วทีนี้มีคดีฆ่า 4 ศพ ที่ท่าอุเทนเกี่ยวพันกับยาเสพติด ลูกเขยยิงพ่อตา ยิงเมีย คดีตั้งแต่ปี 2554 ผมตามจับได้ภายใน 22 ชั่วโมง ไม่ถึงวัน ก็จับได้ ทำเองเลย ลงหน้างานเองตามเอง เลยได้เป็น สว.สืบจังหวัดนครพนม ในปีนั้น
ปะทะแก๊งยาริมโขงลูกน้องเจ็บ2
พอมาปี 2555 ก็มีลูกน้องบาดเจ็บ 2 ผู้บังคับบัญชาเขาอยากจะขยายผลยาเสพติด แล้วมันจะข้ามมาทางเรือ มันจะมากลางคืนตลอด ทีนี้ปัญหาคือเราก็เฝ้าจุดก็ใช้กล้องไนท์วิชั่น ก็เห็นมันนั่นแหละ ก็ตามมันออกมา แต่ก็ไม่ทันมันนะ พูดง่ายๆ มันมืด สุดท้ายเลยวางแผนซุ่ม ทีนี้ผู้บังคับบัญชา บอกว่าอยากจะจับเป็นไม่อยากจะวิสามัญ
เอาตรงๆ นะ เขาให้เอาลูกซองกับกระสุนยาง เอ็ม 16 มีไปกระบอกเดียว พอถูกทรายมันก็ยิงไม่ออก ไอ้ลูกน้องมันขึ้นมาตามจุดที่เราวางกำลังไว้เป๊ะ ลูกน้องพอเห็น มันก็ฉายไฟ เรียกให้หยุด บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันไม่หยุดก็มีเสียงปืนเลย
นายสั่งให้จับเป็นกะขยายผล
มันยิงใส่ก่อนเลย ก็ปะทะกันตรงนั้น จากตลิ่งจนไปถึงริมน้ำ คือกดดันมันลงไปที่ริมน้ำ มันก็สู้ไม่ได้ เพราะเราอยู่บนเนิน มันก็บอกยอมๆ เลยบอกลูกน้องเอาตัวมันขึ้นมา ลูกพี่สั่งจะขยาย พอลูกน้องลงไปเสร็จปุ๊บ มันโยนขึ้นมาเลย เจ็บ 2 มันหนีไปได้ แต่ตามจับได้ 1 เมื่อประมาณสัก 2-3 ปีก่อนนี้ มันมาทำงานอยู่ที่จันทบุรี ทำสวนมังคุด คนลาว แต่ไอ้ตัวที่บงการจริงๆ ก็ถูกทางการลาวจับ
แต่มันก็มีปัญหาตามมา คืออัยการทางลาว ก็ถูกขบวนการทางนั้นตามเก็บ เป็นเรื่องที่ถามว่าเจ็บปวดไหม เจ็บปวดแหละ ถ้าใครไม่ได้มาทำงานตรงนี้ จะไม่รู้หรอก
ลุยงานยายาว10กว่าปี
หลังจากเป็น สว.สืบจังหวัด ก็ทำงานยาเสพติด มาตลอด 10 กว่าปี ที่นครพนม อยู่ยาวตรงนั้นจนถึงปี 2560 จับยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด ขยายผลจับผู้ต้องหาได้ 2 คน
นอกจากทำงานคดียาเสพติดแล้วยังสร้างผลงานคลี่คลายคดีสำคัญๆ ในพื้นที่อีกมากมายหลายคดี อาทิเช่น คดีอุ้มรีดนักธุรกิจค้าไม้ คดีข่มขืนฆ่าอำพรางเด็กถ่วงน้ำ คดียักยอกเงินธนาคารกรุงไทย คดีรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างผลงานจนผู้บังคับบัญชาไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดในแนวชายแดนจังหวัดนครพนม ผลงานที่โดดเด่น คือจับกุม ยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด , ไอซ์299 กิโลกรัม
ขยับทำงานให้ภาค4
พอจับยาเสร็จ คำสั่งออก จาก สว.สืบจังหวัด ก็ไปอยู่ สว.สืบ หนองบ่อ โรงพักเล็กๆทางขึ้นเขาภูพาน ถึงจะกลับเข้ามาเป็นชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดอีกเหมือนเดิม เป็นของจังหวัดด้วย เป็นชุดเฉพาะกิจของภาค ของ ปปส.ด้วย เรียกง่ายๆเป็นชุดปราบปรามยาเสพติด ชุดสืบสวนขยายผล และชุดสกัดกั้น
คือทำงานที่เดิม เพียงแต่ เปลี่ยนจากขึ้นจาก ภ.จว. ไปขึ้นกับภาค ของพี่ยง-พล.ต.ท. ยรรยง เวชโอสถ อดีตผบช.ภ.4สมัยเป็นผู้การสืบภาค4
หน้างานยาเสพติด-คดีอุกฉกรรจ์
จากนั้นปี 2562 ก็ไปอยู่สืบภาค 4 เป็น สว.สืบ อยู่ กก.2 พี่ยงส่งไปอยู่ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด แต่ให้ไปขึ้นยุทธการกับทหาร เขาเรียกว่า บก.ควบคุม ริมน้ำโขงก็จับยาครั้งสุดท้ายได้ 5 ล้านเม็ด แล้วพี่ยง ก็เอาไปอยู่สืบภาค ไปทำคดียาเสพติด และคดีอาญาทั่วไป
ร่วมปิดคดีปล้นทองบึงกาฬ
เคสที่ดังๆ ก็เคสนิกกี้ -พ.ต.ท.ประวีณ วงศ์ปัญญา โดนยิงเจ็บ คดีปล้นทอง ตามมาจากบึงกาฬ เคสนี่ผมอยู่ด้วยแล้วตอนที่เฝ้าจุด มันออกมาจากห้องพัก ขี่มอเตอร์ไซค์ ชุดของนิกกี้แหละ ขี่มอเตอร์ไซค์ ส่วนชุดผมแยกเข้าชาร์จห้อง เจอกระสุนมันอยู่ในห้อง 200 นัด มันกะสู้เต็มที่ ถ้ามันไม่ออกมาไปเจอชุดนิกกี้ ก็อาจจะเป็นผม
แล้วก็เคสคนลาวสั่งฆ่า ที่หนองหิน ที่ว่ามันสาดอาก้าถล่มรถตำรวจ ที่ขอนแก่น เคสนั้นผมก็ไปทำ รถตำรวจท้องที่ ที่ว่ามันจะแหกด่านออกเพชรบูรณ์ นั่นแหละ ผมก็ไปด้วย ก็ขึ้นไปตามจับ ขึ้นไปบนเขา ตามจับลงมาได้ทั้งหมด 6 คน
ข้ามห้วยไปปราบยาอีสานใต้
พออยู่จากสืบภาค แล้วก็ทำงานถึงจุดอิ่มตัวในพื้นที่ ก็ขอกลับบ้านที่อุบลฯ แต่ไม่ได้ พี่หลวงเลยให้อยู่ที่ยโสธร 3 ปี เป็น สว.กองสืบ จังหวัดยโสธร 3 ปี ก่อนเขาเห็นฝีมือ เขาเลยดึงไปทำงานชุดยาเสพติดภาค 3 ของท่าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.คนปัจจุบัน เป็นชุดเฉพาะกิจของท่าน ตอนนั้นท่านเป็น รอง ผบช.ภ.3 ดูงานยาเสพติดก่อนขึ้น ผบช.ปส.
นั่งเก้าอี้รองผกก.สอบสวน
คือพูดง่ายๆว่า เปลี่ยนแนวแม่น้ำโขง จากโขงตอนบน มาอยู่โขงตอนล่าง หน้างานก็เหมือนเดิม ทีม ราก็มีข้อมูลยาเสพติดเยอะ ตลอด 3 ปี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เช่นการจับกุมยึดทรัพย์ผู้นำเข้ายาเสพติดในพื้นที่อำเภอเขมราฐ ยึดทรัพย์ได้กว่า 90 ล้านบาท
ก่อนจะถูกโยกย้ายให้กลับไปดำรงตำแหน่ง สารวัตรสอบสวน ที่ สภ.เมืองยโสธร วาระการแต่งตั้งปีถัดมาจึงได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองศรีสะเกษตำแหน่งปัจจุบัน
ส่วนเรื่องผลงาน ได้โล่ ปปส.ปี 2557 เป็นโล่ปราบปรามยาเสพติดดีเด่น จาก ปปส.ที่เป็นใบประกาศอีกเยอะแยะ นับไม่ถ้วน หลังจากนั้นเขาให้ไปบรรยายงานสืบ ประกอบกับช่วงที่ไปเรียน ป.โท ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็นำเคสพวกนี้ไปนำเสนอ ว่าการรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องทำอะไร ยังไง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ไปสอนเด็กในโรงเรียนนายร้อย
ท่านบรรดล ตำแหน่งตอนนั้นท่านเป็นอาจารย์ สบ 5 เป็น รองผู้การ ท่านเป็นคนดึงเข้าไป ตอนนี้ก็ยังสอนอยู่ สอนมาตั้งแต่ปี 2564 สอนมา 3 รุ่น เรื่องยาเสพติดนี่แหละ เจาะลึกเรื่องเทคนิคการสืบสวนยาเสพติด ให้กับนักเรียนนายร้อย
เจ้าตัวบอกอีกว่า
”สำหรับปัจจัยที่สำคัญในการทำงานยาเสพติดให้บรรลุผลสำเร็จ คือ ต้องมีทีมงานที่ดี โดยเฉพาะทีมงานด้านการข่าว ทั้งการข่าวในประเทศ รวมถึงการข่าวนอกประเทศด้วย
ปัจจัยที่สำคัญมากๆ อีกประการหนึ่งคือ ต้องมีผู้บังคับบัญชาสนับสนุน เนื่องจากงานยาเสพติดต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว พลิกแพลงตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ต้องมีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา หากพลาดพลั้งอาจตกเป็นผู้ต้องหาเสียเอง“
ครับ…ทั้งหมดนี้คือเสี้ยวหนึ่งของ“รองหมี”นักสืบไม่มีเส้น มีแต่ชีวิตและงานแลกแทนลิ้นและน้ำลาย ตลอดเวลาที่ทำงานชายแดนกว่า 10 ปีไม่เคยถูกต้องหาคดีอาญา ไม่เคยถูกร้องทางวินัยแม้แต่ครั้งเดียว
ชีวิตราชการไม่ถึงไหน หนำซ้ำยังจับมานั่งโต๊ะสอบสวน บั่นทอนจิตใจคนทำงานเข้าไปนะครับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เฮียเก๋2/3/67
