จากใจ “มูลนิธิกระจกเงา” ในมุมตำรวจกับ “คนหาย” โดย…ธนก บังผล
เรื่องราวดีๆของตำรวจก็มีไม่น้อยในสังคมนี้ หาได้มีแต่แง่ลบ อยากจะเล่า และอยากจะชื่นชม เพื่อให้กำลังใจตำรวจที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจจริง แต่นานๆจะมีให้ชื่นใจสักที (ฮา)
บังเอิญว่าเป็นเพื่อนกับ “เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข” หัวหมู่ทะลวงฟันของมูลนิธิกระจกเงา ที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ดูดายในความเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อใครสักคนในครอบครัว “หายตัวไป”
ในอดีตการจะแจ้งความคนหายได้ต้องให้เวลาผ่านไปก่อน 24 ชั่วโมง ผมเชื่อว่าการทำงานของ “เอกลักษณ์” ขับเคลี่อนให้สังคมเห็นได้ชัดเจนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมาที่ สามารถทำให้แจ้งความได้เลย แต่ละวินาทีที่ลูกหายไปจากสายตา สำหรับพ่อแม่แล้วเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ เพราะฉะนั้นการแจ้งความได้ทันที อย่างน้อยก็สร้างความอุ่นใจให้พ่อแม่ได้ประการหนึ่ง และเร่งให้ตำรวจทำงานเป็นที่พึ่งให้ประชาชนอีกประการหนึ่ง
“เอกลักษณ์” โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเล่าให้เพื่อนได้รับรู้ว่าเมื่อการทำงานตามหาเด็กหายต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับตำรวจ ทำไมเขาถึงเลือกกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่เคยรู้ ทั้งๆที่มีตำรวจหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในมุมมองของเอกลักษณ์ น่าสนใจมาก
“ทำไมผมถึงเลือก ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส) ไปทำคดีเคสเด็กหาย ถูกลักพาตัวไป 2 ปี 9 เดือน ที่เพิ่งพบตัวล่าสุด”
1.เวลาผมทำงานกับทีมนี้ ผมรู้สึกได้เลยว่า พวกเขาอยากตามหาให้พบตัวเด็กหายจริงๆ ไม่ใช่ทำตามคำสั่ง หรือตามหน้าที่ ดังนั้น ถ้าตั้งหลักด้วยใจแบบนี้ พวกเขาจะทำทุกวิธีในการหาเด็กหาย ไม่เจอไม่เลิกหา
2.ทีม กก.ดส. ส่วนใหญ่ เป็นตำรวจที่ทำงานด้านเด็กมานาน มีประสบการณ์ ลูกล่อ ลูกชน ลูกฮึด ลูกโหด ลูกปลอบ มีครบเครื่องเมื่อต้องปรับตามสถานการณ์
3.เราแชร์ข้อมูลกันได้ทุกเรื่อง เพราะทำงานจนไว้ใจกัน ในทีมงานคุ้นหน้ากันหมด เวลาทำงานแบบนี้สบายใจ เพราะมีประเด็นไหนก็ช่วยกันคิด หารือ บอกกัน ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างทำ
4.ทีม กก.ดส มักมาทำงานแบบเทกำลัง ส่งกำลังมาตามหาเด็กหายขั้นต่ำไม่เคยน้อยกว่า 5 คน เคสล่าสุด ส่งมาร่วมลงพื้นที่นับสิบคน
5.ทีมนี้มีอารมณ์ขัน เวลาทำงานเรื่องเครียดๆ อารมณ์ขันสำคัญมาก มันทลายกำแพงหลายเรื่อง และทำให้เวลาเราหารือกัน มันง่ายขึ้นเยอะ. ถือเป็นการถอดบทเรียนการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอ็นจีโอ นะครับ ที่
ผมยกเอาโพสต์ของ “เอกลักษณ์” ขึ้นมานี้ ไม่ได้หมายความว่าตำรวจหน่วยงานอื่นไม่มีใจทำงาน แต่เมื่อเอ็นจีโอที่มุ่งมั่นจะทำงานช่วยเหลือความเดือดร้อนซึ่งไม่ได้เป็นของตัวเอง ออกมาชื่นชม กก.ดส. ผมเห็นว่าน่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาโดยเฉพาะคดีเด็กหาย มักหายแล้วหายเลย บางคนหายไปหลายปี ถ้าเห็นว่าธุระไม่ใช่ ลำพังพ่อแม่ที่ต้องหาเช้ากินค่ำอยู่แล้วจะเอาเวลาและปัญญาที่ไหนไปติดตาม
อีกทั้ง “พฤติกรรมศาสตร์” ของคนร้ายบางคนมีการพัฒนา มีการล่อหลอก การเข้าหา การลักพา และการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายทารุณทางเพศ กว่าจะหลับตาลงได้ คนเป็นพ่อแม่จะปวดร้าวมากเพียงใดในแต่ละคืน คดีคนหายเป็นคดีที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากตำรวจหลายส่วน หลายกอ
ง ที่เกี่ยวข้อง ต้องอาศัย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
ผมชื่นชมการทำงานของ “เอกลักษณ์” มาอย่างเงียบๆ คอยส่องเฟซบุ๊คเขาบ้าง เพราะเขาทำงานจริง มีเรื่องราวและมุมมองการทำงานเชิงบวก ในขณะที่ผมไม่เองแทบไม่รู้จักใครเลยใน กก.ดส.
“เอกลักษณ์” เป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมนำข้อมูลของมูลนิธิกระจกเงา ขึ้นจอคอลัมน์ “ประกาศตามหาคนหาย” ทางสถานีโทรทัศน์ TNN24 ทุกวัน และยังคงดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทางสถานีเห็นความสำคัญ สละเวลาบนหน้าจอตามหาเด็กหายมาถึงปัจจุบัน
ในอนาคต ผมหวังว่า “เอกลักษณ์” จะก้าวไปเป็นบุคคลทรงคุณค่าในสายงานของเขา พร้อมจะสร้างผู้สืบทอดขึ้นมาทำงานช่วยเหลือสังคมไทยต่อไป ขอบคุณตำรวจ กก.ดส. ที่ทำให้ความหวังของหลายครอบครัวเป็นจริง