“ตำรวจทางหลวงชลบุรี กวาดล้างจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับ เปิดบัญชีม้า 12 ราย และผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอื่นๆ รวม 49 ราย หมายจับจำนวน 56 หมาย ที่มาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.ชลบุรี”
วันที่22มิ.ย.68 มีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ทล. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดชผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผบก.ป.ปรก.บก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล.
พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง, พ.ต.ท.สมบูรณ์ เอื้อสมานไมตรี รอง ผกก.3 บก.ทล, พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., พ.ต.ต.บดี ดวนพล สว.ส.ทล.2กก.3 บก.ทล.
สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร.ต.อ.ภิเชศ นาเมืองรักษ์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ด.ต.ธีรวัฒน์ นาเมืองรักษ์, จ.ส.ต.เกียรติศักดิ์ ไก่แก้ว, จ.ส.ต.ปัญญา กุลธรรม, ส.ต.อ.พีระพล นิลเนตร ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางออนไลน์ จำนวน 12 ราย รวม 16 หมายจับ ดังนี้
1.นางสาวณัฐธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี 2.นายเอกพจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี 3.นางสาวจิตรานุช (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี 4.นางสาววรัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี 5.นางสาวกมลทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี 6.นางสาวสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี
7.นางสาวนาตยา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี 8.นางสาววนิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี9.นายวสัน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี 10.นายนัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี 11.นายชฎายุทธ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี 12.นางสาววรลัญช์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
สืบเนื่องจากห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนและบุคคลตามหมายจับ ในระหว่างวันที่ 14-20 มิถุนายน 2568
ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล ในข้อหา 1.ฉ้อโกงประชาชน 2.นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ และ 3.เปิดบัญชีม้าฯ ตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย รวม 16 หมายจับ
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีพฤติการณ์รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศกัมพูชาและถูกนำบัญชีเหล่านี้ไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนทั่วทั้งประเทศ พบว่ามีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามพื้นที่ต่างๆ
กลุ่มผู้ต้องหานั้น ได้หลบหนีจากภูมิลำเนาเดิม จากการข่าว มักจะมาหลบซ่อนและประกอบอาชีพรับจ้างในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนหาข่าว และเข้าทำการจับกุม ในช่วงระดมฯที่ผ่านมา
ทั้งหมดรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์จริง บางรายได้ข้ามไปทำงานที่ฝั่งประเทศกัมพูชากับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ แต่เมื่อบัญชีถูกอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ข้ามกลับมายังฝั่งประเทศไทยและมีพฤติการณ์หลบหนีคดีตามที่ได้แจ้งมาข้างต้น และยังมีหมายจับตามคดีอื่นๆอีก รวมทั้งหมด 56 หมาย ผู้ต้องหา 49 ราย
ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยข้อกล่าวหาข้างต้นมีโทษตามกฎหมายดังนี้ 1.ป.อาญา มาตรา 343 วรรค2 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชนโดยทุกจริตแสดงตนเป็นคนอื่นฯ โทษ จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท ยอมความไม่ได้
2.พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีืปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3.พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มาตรา 9 ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง
หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 300,000 บาท