ความสำเร็จของ The Beekeeper ภาพยนตร์ที่กำกับโดย “เดวิด เอเยอร์” ว่าด้วยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เย้ยหยันว่านี่เป็นงานที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำไม่ได้
แต่คนที่ทำได้คือ “เจสัน สเตแธม” รับบท “อดัม เคลย์”อดีตเจ้าหน้าที่มือฉมังของโปรแกรม Beekeeper ที่ยึดอาชีพ “คนเลี้ยงผึ้ง”
เหตุที่ทำให้ “อดัม เคลย์” ต้องสวมบท “ศาลเตี้ย” ออกจัดการเหล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนกระทั่งสาวไปถึงตัวการตัวใหญ่ระดับประเทศ
ก็เพราะหนึ่งในเหยื่อของขบวนการนี้ เป็นสตรีสูงวัยที่เขาเคารพรัก ทว่าเธอหัวใจสลายเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงจนสูญเงินไปทั้งหมด เลยเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง
“อดัม เคลย์” จัดการล้างแค้นอย่างดุเดือดเลือดพล่าน สนุกสุดมันสะใจ จนภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ความสำเร็จระดับนี้ ก็ไม่แปลกที่จะมีการสานต่อสร้างงานที่แสดงให้เห็นการทำภารกิจพิทักษ์คุณธรรม ช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากร แม้ว่าวิธี “ศาลเตี้ย” จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบทลงโทษที่วายร้ายเหล่านี้ได้รับ ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก
ทั้งยังได้ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดหวังหรือไม่ได้ดังใจกับกฎหมายหรือระบบต่าง ๆ ในโลกความเป็นจริง ที่มิจฉาชีพเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดการอย่างเด็ดขาด
ในปีนี้ ผู้ชมได้เห็นการผนึกกำลังของ “เจสัน สเตแธม” และ “เดวิด เอเยอร์” อีกครั้งใน A Working Man ในชื่อไทยว่า “นรกหยุดนรก”
ไม่เพียงแค่นั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคูณความมันด้วย “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน”นักแสดงสายบู๊ระดับตำนานที่มานั่งแท่นร่วมเขียนบทและควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์
https://www.youtube.com/watch?v=itZFDv4Sbd4
“เจสัน สเตแธม” รับบท “เลวอน เคด” อดีตนาวิกโยธินของอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นคนงานก่อสร้าง เจ้าตัวมีปัญหาสุขภาพจิต มักแสดงความโกรธเกรี้ยวรุนแรง
เขาพยายามทำงานหาเงินเพื่อที่จะขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวที่มีคุณตาเป็นผู้ปกครองอยู่ และชายต่างวัยทั้งคู่ก็มีปมไม่ลงรอยกัน
แต่เหตุสำคัญที่ “เลวอน เคด” ต้องหยิบปืนผาหน้าไม้ออกมาอีกครั้ง ก็เพราะ “เจนนี่” (อารีอานา ริวา) ลูกสาววัยรุ่นของ “โจ” (ไมเคิล เปนญ่า)เจ้านายของเขา ถูกแก๊งค้ามนุษย์ที่พัวพันกับแก๊งค้ายามาเฟียรัสเซียจับตัวไปขายให้กับเศรษฐีที่มีรสนิยมวิปริต
ขณะ “เจนนี่” และเพื่อน ๆ ออกเที่ยวย่ำราตรีอย่างสนุกสุดเหวี่ยง แต่หารู้ไม่ว่าความสวยของเธอกลายเป็นภัย ที่ถึงแม้หญิงสาวจะอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ ทว่าก็ไม่อาจรอดเงื้อมมือจากแก๊งค้ามนุษย์ที่สุดแสนจะเหี้ยมโหดได้
ความสนุกของ A Working Man เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “เลวอน เคด” ตัดสินใจช่วยเด็กสาวที่เขาเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวตนเอง และเดินหน้าแบบข้ามาคนเดียวตามแบบฉบับที่ผู้ชมหรือแฟนานุแฟนของ “เจสัน สเตแธม” คุ้นเคย
โดยหนุ่มใหญ่จะเริ่มสืบเสาะแกะรอยไปทีละเปลาะๆ สาวไปถึงแก๊งค้ายาและลึกไปต้นตอว่าใครทำธุรกิจค้ามนุษย์
ระหว่างภารกิจที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนี้ “เลวอน เคด” ก็ทยอยเด็ดชีพบรรดาสมุนของแก๊งค้ายาไปเรื่อย ๆ และไม่ละเว้นชีวิตระดับบิ๊กขององค์กรร้าย
ฉากการต่อสู้ฟาดฟันก็ยังคงรสชาติในแบบที่ผู้ชมเห็นกันประจำในงานของ “เจสัน สเตแธม” ที่มีภาพลักษณ์อันแข็งแกร่ง พร้อมชนพร้อมเชือดเหล่าร้ายแบบไม่ยั้งมือ มีพละกำลังและฝีมือที่ว่ากันตามตรงแทบจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อยู่รอมร่อ
แม้ว่าจะมีบทให้เพลี่ยงพล้ำได้บาดแผลมาบ้าง พอให้รู้ว่าตัวละครนี้เป็นปุถุชนคนธรรมดา ที่เจ็บได้ และหากพลาดพลั้ง ก็ถึงแก่มรณาได้เช่นกัน
ขณะเดียวกันคาแร็คเตอร์ในลักษณะนี้ ถือเป็นความแข็งแรงของ “เจสัน สเตแธม” ไปโดยปริยาย ทำให้ผู้ชมรู้สึกฝากความหวังและเกิดความอุ่นใจทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวในแต่ละฉาก
อย่างที่ผู้ชมมีภาพจำจากภาพยนตร์ที่ผ่าน ๆ มาของเขา โดยเฉพาะในแฟรนไชส์ Transporter และ Fast and Furious
A Working Man ไม่ได้มีบทที่ซับซ้อน แต่ส่งสารถึงผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตยุคปัจจุบัน เตือนให้ฉุกคิดว่าอันตรายอยู่ใกล้ตัวเราอย่างคาดไม่ถึง ต้องไม่ประมาทสักวินาที
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คงยากที่พานพานพบคนที่มี “คาแร็คเตอร์ฮีโร่” ในแบบที่ “เจสัน สเตแธม” สวมบทบาท!
Blue Bird29/3/68