การประชุม ก.ต.ช.มี 2 เรื่อง ได้แก่ การเห็นชอบการตัดโอนตำแหน่งอาจารย์ระดับ สบ 6 ปรับโอนมาประจำ รร.นรต. 5 ตำแหน่ง ตามกฏหมายระบุว่าหากตำแหน่งเกินกว่าระดับ รองผบก.ต้องขอความเห็นชอบจาก ก.ต.ช. วันนี้ได้ดำเนินการครบถ้วนตามข้อกฏหมาย
เรื่องที่ 2 ตัดโอนตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ที่ปรึกษาด้านการปราบปราม เทียบเท่า ผบช.โยกมาเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ประสานงานรัฐสภา จะประสานงานวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร
อีก 2 ตำแหน่งตัดโอนตำแหน่ง รอง ผบช.ประจำ มาเป็น รองผบช.ทท. และรองผบช.ศ. ทั้ง 3 ตำแหน่งปัจจุบันมีคนครองตำแหน่งอยู่แล้ว ตามขั้นตอนจะมีการแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ ส่วนจะเป็นบุคคลเดิมหรือไม่เป็นอีกกรณี
ตำแหน่งนี้จะมีผลบังคับเมื่อมีการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่เกิดขึ้น คิดว่าจะมีการแต่งตั้งรวมกับตำแหน่งอื่นที่ว่างอยู่แล้ว ขั้นตอนนี้อยู่ในช่วงผ่านการกระมุติของ ก.ตร.ต้องเสนอเรื่องขอความเห็นชอบอนุมัติ ก.ต.ช.ตามอำนาจกฏหมาย . ส่วนตำแหน่งที่เปิดใหม่ไม่มีผลจนกว่าจะมีการพิจารณาแต่งตั้งออกมา
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวต่อว่า การประชุม ก.ตร.มีเรื่องสำคัญที่ประเห็นเห็นชองกำหนดตำแหน่ง กองบังคับการกฏหมายและคดีประจำ ตำรวจภูธรภาค 1-9 มีสำนักงานกฏหมายและคดี ดูแลคดีปกครอง คดีอาญาและคดีแพ่ง รวมทั้งการตรวจสอบสวนคดีต่างๆ
จะมีตำแหน่ง ผบก.เกิดขึ้นในแต่ละภาคอีก 1 ตำแหน่ง จะเป็นการโอนจาก ผบก.ประจำในภาคต่างๆ ที่มีอยู่แล้วมาเป็น ผบก.กองคดี กำลังพลแต่ละภาคไม่เกิน 100 นาย
ส่วนการเห็นชอบกฏก.ตร.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการสรรหาบุคคลให้วุฒิสภา เลือกมาเป็นคณะกรรมการ ก.ต.ร. ตามประกาศกำหนดให้ประธาน ก.ต.ช. มีทั้งหมด 11 ท่าน แต่ทุกวันนี้มีอยู่ 9 ท่าน
โฆษก ตร. กล่าวว่า เรื่องการแต่งตั้ง อนุก.ตร. มีทั้งหมด 8 คณะ ส่วนใหญ่ให้ รองผบ.ตร.และจตช.เป็นหัวหน้า หลังวันที่ 30 ก.ย.62 มีรอง ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการ ต้องให้ รองผบ.ตร.ที่ขึ้นใหม่ไปดำรงตำแหน่งแทน
แต่ขณะนี้มีข้อถกเถียงในเรื่องอำนาจหน้าที่ที่ไม่ชัดเจน ให้ ผบ.ตร.กลับไปดูในเรื่องอำนาจหน้าที่ สรุป เรื่องการแต่งตั้งอนุ ก.ตร.คณะต่างๆจะนำเข้าที่ประชุม ก.ตร.ครั้งหน้า และนายกฯได้ขอบคุณผลการทำงานของตร. ที่ผบ.ตร.รายงานผลการปฏิบัติงานทุกเรื่อง