Enjoy The Hit By นาย ต.
ก๊อกๆๆ ผ่างๆๆ พบกันอีกครั้งเช่นเคยเป็นประจำทุกๆสัปดาห์
ช่วงนี้สังคมคนไทยและทั่วโลกอยู่ในช่วงอ่อนไหวเหลือเกิน จากการเสพข่าว Covid-19 ในโซเซชี่ยล ทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม ทั้งเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
นาย ต. ขอร้องกับผู้ที่สร้างข่าวลวง ช่วยมีจิตสำนึกถึงคนไทยด้วยกัน เพราะญาติพี่น้อง ของคุณเองนั่นแหล่ะที่จะกลับมาเสพข่าวที่คุณสร้างลวงมันขึ้นมา
บาปกรรมนะครับอย่าทำเลย ตอนนี้เราควรจะมาช่วยกันป้องกัน ปกป้องไม่ให้เกิดสงครามเชื้อโรคร่วมกัน…
ภาครัฐก็ควรใส่ใจมากกว่านี้นะครับ..อย่าให้ประชาชนเขาสาปแช่งเลยมันไม่ดีหรอก…ลงจากหลังเสือเมื่อไหร่ ท่านจะเดือดร้อนนะครับ..เจ้านายยย.…
อ่อๆ นาย ต.มีข่าวให้นักกอล์ฟไทยได้ภูมิใจกัน…
โปรแจ๊ส เจนวัฒนานนท์ โปรหนุ่มรูปหล่อ ขึ้นนำสถิติไดร์ฟเฉลี่ยไกลที่สุดของ PGA TOUR หลังจบศึก ฮอนด้า คลาสสิก
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขยับจากอันดับ 4 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 1 ด้วยสถิติไดร์ฟเฉลี่ย 326.4 หลาจากการลงเล่นไปทั้งสิ้น 16 รอบในฤดูกาล 2020 …สุดยอดครับ
ในสัปดาห์นี้ นาย ต.จะพาทุกท่านมารู้จักกับสาวน้อยน้องใหม่วงการสวิงจิ๋ว ที่มีความสามารถล้นเหลือในหลายๆด้าน โดยเฉพาะด้านดนตรี และด้านศิลปะวัฒนะธรรม
น้องอิน-ด.ญ.รินรดา น้ำใจเที่ยงธรรม อายุ 11 ปี
เรียนอยู่ชั้นป.5โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นลูกของคุณพ่อกฤษณพงศ์ น้ำใจเที่ยงธรรม และคุณแม่สุดาทิพย์ มากเฟื่องฟู ….
น้องอินเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมตั้งแต่เด็ก โดยน้องอินจะเป็นคนเลือกทำเองทั้งหมด พ่อกับแม่จะมีหน้าที่เป็นคนหาข้อมูลมาให้…
แต่กิจกรรมแรก คุณพ่อเป็นคนในวงการกอล์ฟ พยายามนำเสนอให้น้องอินเล่นกอล์ฟตั้งแต่อนุบาล แต่น้องอินไม่สนใจ ถ้าจะเล่นก็เล่นๆ ไปตามประสาเด็กๆ ทางครอบครัวได้แต่รอ….
วันหนึ่งพากันไปเดินห้าง แล้วเห็นร้านออกบูทขายเครื่องดนตรี น้องอินก็กระโดดขึ้นเปียโนไปกดเล่นเหมือนกับเด็กที่เคยเล่นเปียโนมาก่อน
ทำให้เราเห็นว่าน้องอินสนใจเลยส่งไปเรียนเปียโนก่อนเป็นกิจกรรมแรกๆ ความสามารถในการเล่นเปียโนเป็นแบบก้าวกระโดด สามารถอ่านตัวโน้ตยากๆแบบเด็กโต
สามารถบังคับกล้ามเนื้อและแยกประสาทได้เป็นอย่างดี รวมทั้งดนตรีไทยด้วยก็สามารถที่จะฝึกฝนได้รวดเร็วเช่นกัน อาทิ ขิม ซอด้วง ฯลฯ..
ต่อมาอีกไม่นานน้องอินเห็นการแสดงหุ่นละครเล็ก เธอชอบมากจึงขอเรียนการเชิดหุ่นฯ
ตอนนั้นไม่มีที่ไหนสอนการเชิดหุ่นฯเลย จนไปพบคุณครูที่มีคณะหุ่นละครเล็กของตัวเอง เราจึงไปขอให้ครูสอนน้องอิน
คุณครูท่านนั้นเลยทดสอบกำลังใจน้องอินว่าชอบจริงไหม และไหวไหมถ้าจะเรียน เพราะหุ่นที่ใช้เชิดนั้นมีน้ำหนักโดยประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม และต้องแบกและชูหุ่นขึ้นด้วยแขนข้างเดียวเป็นเวลานานให้ไหว
ครูเลยทดสอบกำลังใจโดยการให้ยกและชูหุ่นขึ้นด้วยแขนข้างเดียว และให้นับ 1 – 300 ถ้าไหวจะรับเป็นลูกศิษย์
น้องอินยกหุ่นทั้งน้ำตา และเธอก็สามารถทำได้ ครูจึงยอมรับว่าใจน้องอินเป็นเด็กที่ใช้ได้ ไม่เคยเห็นเด็กแบบนี้มานานแล้ว
หลังจากนั้นเธอได้รับการฝึกสอนเรื่องการรำโขน การแสดงรำต่างๆ ไปในตัว พร้อมกับการเรียนเชิดหุ่นฯ จนได้เข้าไปอยู่ในทีมประกวดหุ่นโลก สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศหุ่นโลกที่ประเทศโปแลนด์ เป็นครั้งแรก
ต่อมาก็ได้ไปแข่งหุ่นโลกที่ประเทศรัสเซีย และเธอก็ชนะกลับมาอีก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้านศิลปวัฒนธรรมได้อย่างยอดเยี่ยม (สุดยอดจริงๆลูกอิน)
หลังจากนั้นครูที่สอนรำ เห็นความสามารถของเธอ ชักชวนให้เธอมาเรียนรำ และน้องอินก็ได้รับคัดเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง..
ช่วงนั้นเป็นเวลาที่น้องอินอยู่กับศิลปวัฒนธรรม และดนตรีอยู่มากจนไม่มีเวลาสำหรับกอล์ฟ
ทำให้พ่อกับแม่ทำใจเรื่องกอล์ฟไปแล้วว่าถ้าเธอไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะไม่บังคับลูกโดยเด็ดขาด…
อยู่ๆ มาไม่นานเจอโปรที่มีความสามารถในการชักชวน ทำให้น้องอินมาเล่นกอล์ฟจนได้ ถึงขั้นวิ่งมาบอกพ่อว่า
“อินจะขอเล่นกอล์ฟได้ไหม?”
ตอนนั้นเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเริ่มเรียนกอล์ฟ คุณพ่อดีใจมาก ป็นคนดูรายละเอียดวางแผน หาโปรผู้ฝึกสอนที่เหมาะสม
โปรคนแรกที่เป็นคนชักชวนเธอได้สอนก่อนประมาณเดือนสองเดือน แล้วเปลี่ยนเป็นโปรที่จะสอนเรื่องสวิงอย่างจริงจัง
มีโปรสอนลูกสั้นพร้อมดูแลการฝึกซ้อมอีกคน รวมถึงโค้ชนักกีฬาดูแลด้านสุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย
โปรและโค้ชทุกคนบอกว่าน้องอินเป็นเด็กที่มีวินัย ร่างกายแข็งแรง สอนง่าย สามารถทำได้เลยโดยใช้เวลาไม่นาน
มีทักษะระบบประสาทการสั่งการกล้ามเนื้อได้ดีมาก มีสมาธินาน สามารถอยู่กับสิ่งที่ทำได้เป็นเวลานานกว่าเด็กทั่วไป
น้องอินเรียนกอล์ฟได้ไม่กี่เดือน โปรลองพาน้องอินออกรอบดูปรากฏว่าเธอทำได้ดี น้องอินเรียนกอล์ฟได้ประมาณ 4 – 5 เดือนโปรบอกให้ลองพาไปแข่งดู
ครั้งแรกน้องอินเข้าร่วมแข่งในคลาส D สกอร์เป็น100ได้ที่สุดท้าย (บ๊วย)…
น้องอินถามพ่อต๋องว่า “บ๊วย คืออะไร” พอคุณพ่ออธิบายให้ฟัง น้องอินก็บอกพ่อกับแม่ว่า “ต่อไปเราจะหนีบ๊วยกัน”
คุณแม่เล่าให้นาย ต. ฟังต่อว่า น้องอินบอกว่า “บ๊วยนี่แหล่ะคือความภาคภูมิใจ”(คิดดีจังลูกอิน พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนได้) และเหตุนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้น้องอินซ้อมหนัก
ภายใน 8 เดือน เธอสามารถทำอันดับในการแข่งขันได้ดีขึ้นถึงอันดับที่ 2น้องอินเป็นเด็กที่ตีได้ไกล
ทางครอบครัววางแผนว่าปีนี้เราจะไม่สนใจสกอร์ จะออกมาเท่าไรก็ช่าง
ปีนี้เราวางแผนจะฝึกเรื่องจิตใจ การควบคุมอารมณ์ สมาธิ สติ ความคิดในแง่บวกให้ได้ภายในปี 2 ปีนี้ เราจะให้น้องอินรู้สึกเสียใจผิดหวังสุดๆ
สาเหตุเพราะ น้องอินทำอะไรแล้วสำเร็จไปแทบทั้งหมด แต่พ่อเค้ากับโปรบอกว่ากับกอล์ฟจะไม่เป็นอย่างนั้น น้องอินจะต้องเรียนรู้ความผิดพลาด ความผิดหวังให้ได้
แต่ก็มีคติเตือนใจเสมอคือ
“จะทำสิ่งใดก็ตามให้ใช้ใจทำ และรักที่จะทำในสิ่งๆ นั้นให้ดีที่สุด และข้อสำคัญที่สุดการทำอะไรก็ตามการฝึกซ้อมสำคัญที่สุด จงอย่าเชื่อในพรสวรรค์”
ปัจจุบันน้องอินเป็น 1 ใน 4คนที่ได้รับเลือก เข้าไปอยู่ในสังกัดของโปรประหยัด มากแสง ซึ่งเป็นโครงการเริ่มต้น อีกด้วย
พ่อกับแม่บอกว่า
“ไม่ทราบเป้าหมายของน้องอิน แต่เรารู้ว่า เราจะสนับสนุนเธอไปให้สุด เท่าที่เธออยากจะไป เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่น้องอินจะต้องกำหนดตัวเค้าเอง”
สุดท้าย คุณแม่ฝากถึงวงการสวิงจิ๋วว่า
“อยากให้เด็กๆ เล่นกอล์ฟด้วยความรักและสนุกที่จะเล่น เพราะเส้นทางกอล์ฟยังอีกไกล อย่าคาดหวังและกดดันเด็กมากจนเกินไป
กำลังใจของลูกเป็นเรื่องสำคัญสุด ปล่อยให้เค้าเดินในเส้นทางที่เค้าเลือกเอง พ่อแม่มีหน้าที่เปิดทางให้และสนับสนุนเค้าเดิน คอยดูแลประคับประคอง และเป็นกำลังใจให้ลูกเท่านั้น”
ความพยายามของเด็ก และแรงสนับสนุนของครอบครัวนั้นสำคัญ
วิธีคิดของน้องอินสามารถเป็นตัวอย่างให้รุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง และผู้ใหญ่หลายๆคนได้ดีมากเลยที่เดียวครับ รวมถึงนาย ต.ด้วย ขอบใจนะครับ คุณครูน้องอิน…
*** ติดต่อลงบทความ 096-5282656 063-3514654 นาย ต.