บ่ายวันที่ 5 เม.ย.65 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 บกป.พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ร่วมแถลงผลจับกุม นายศุภกร อายุ 44 ปี ข้อหาร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จ, ร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันโฆษณาเครื่องสำอางโดยใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยใช้ข้อความที่เป็นเท็จ, ร่วมกันหลอกลวง บิดเบือน นำเข้าข้อมูลเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์”
พร้อมของกลาง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 23 รายการ มูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท จับได้ที่ คอนโดฯ ย่านถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า ตำรวจ กก.4บก.ปคบ. รับเรื่องร้องเรียนว่ามีกลุ่มเครือข่ายหาผลประโยชน์ สร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาบรรยายสรรพคุณเกินจริงโฆษณาขายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ เช่นกินแล้วหน้าเด็ก หายหูตึง สายตาดีขึ้น ลดน้ำหนักได้เยอะ เป็นต้น
มีประชาชนหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพจำนวนมาก แต่เมื่อได้ใช้แล้วก็ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา เจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า บริษัท อีเฟิร์ส เอเชีย (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้โฆษณาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพดังกล่าว
รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ นายศุภกร กรรมการบริษัทฯ เอาไว้ได้ พร้อมตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด4 แห่ง ยึด คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการกระทําความผิด 3 เครื่อง และเอกสารท่ีเกี่ยวข้องจํานวนมาก
ผบก.ปคบ.กล่าวอีกว่าตรวจสอบ พบว่าบริษัทดังกล่าวเปิดเว็บไซต์เพื่อโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่มีบทความเนื้อหาที่เป็นเท็จและบรรยายสรรพคุณเกินจริง ถึง 20 เว็บไซต์ พบในปี 2564 บริษัทดังกล่าวมีรายได้ประมาณ 250 ล้านบาท
นอกจากนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ได้เคยประกาศผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บางรายการของบริษัทดังกล่าว แสดงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเท็จ ไม่สามารถรักษาโรคกล่าวอ้างได้ผู้บริโภคอาจเสียโอกาสในการรักษาตัวเอง
สอบสวนให้การปฏิเสธ แต่ให้การเพิ่มเติมว่า บริษัท อีเฟิร์ส กรุ๊ป ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ ว่าจ้างให้ตนเป็นกรรมการสาขาประเทศไทย ได้รับเงินเดือน เดือนละ 350,000 บาท ทำหน้าที่ควบคุมดูแลบริษัทซึ่งรับผิดชอบในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงเชื้อเชิญ ดูแลลูกค้า
ส่วนการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหาเกินจริงนั้น ได้ว่าจ้างบริษัทในประเทศรัสเซียดำเนินการ ไม่ทราบรายละเอียดและวิธีในการดำเนินการ นำตัวนายศุภกร พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีต่อไป
