บ่ายวันที่ 22 ก.ย.68 สำนักงาน ป.ป.ส.พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ พ.อ.พิเศษ พิรุฬสิระ เอี่ยมมาลา ผู้บังคับหน่วยข่าวกรองทางทหาร กองทัพบก พล.ต.ไพฑูรย์ บูรณศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือ น.อ.เอกวิทย์ โชติเชย รองผู้บังคับการกรมทหารสารวัตรทหารอากาศ สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง
ร่วมแถลงผลความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งพัสดุ สกัดกั้นไอซ์ได้มากถึง 240 กก. พบว่าเตรียมส่งจากชายแดนภาคอีสานไปยังชายแดนภาคใต้
นายปฤณ กล่าวว่า เป็นผลการจับกุม 2 คดี ประกอบด้วย คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 17 ก.ย.เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไอซ์ลักลอบลำเลียงจากจ.นครพนม เพื่อส่งไปยังจ.สงขลา พบเป็นการขนส่งซุกซ่อนอำพรางไอซ์ผ่านขนส่งไปรษณีย์ไทย ที่ผ่านมา ป.ป.ส. ได้ทำข้อตกลงร่วมให้ความรู้กับขนส่ง เพื่อให้มีความชำนาญในการตรวจพัสดุภัณฑ์ ดูแพทเทิร์นการจัดส่งพัสดุ และหากพบความผิดปกติก็ให้แจ้งหน่วยงาน เพื่อทำการสืบสวนติดตาม
เคสนี้ พบเจอที่อ.หาดใหญ่ เมื่อตรวจกล่องพัสดุพบไอซ์ น้ำหนัก 120 กก. ขยายผลจนไปเจอว่ามีความเชื่อมโยงกับบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อไปตรวจค้นที่บ้านพักหลังนี้ก็ทำให้เจอพัสดุอีก 6 กล่อง มีไอซ์น้ำหนัก 120 กก. รวมทั้งหมด 240 กก.
เคสนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะการที่เราได้มีโครงการอบรมเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย เขาจึงได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ช่วยแจ้งเบาะแสต่าง ๆ แก่หน่วยราชการ จนทำงานปราบปรามได้ง่ายขึ้น
นายปฤณ กล่าวอีกว่า คดีที่ 2 มีการลักลอบลำเลียงไอซ์ ด้วยการใช้รถกระบะดัดแปลงตรงด้านหลังเบาะคนขับ เพื่อซุกซ่อนไอซ์ โดยไอซ์เหล่านี้มีที่มาจากภาคเหนือตอนบน เตรียมลำเลียงเข้าพื้นที่ภาคกลางตอนใน เพื่อนำลงภาคใต้ เตรียมส่งออกประเทศปลายทางที่ 3
เคสนี้ได้สืบสวนเรื่อยมา โดยใช้เส้นทางการเดินรถมาวิเคราะห์ พบว่า เดือน ก.ย.67 จนถึงปัจจุบัน ทำแบบนี้มาแล้ว 5 ครั้ง มีเครือข่ายผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้รวม 17 รายจับกุมของกลางยาเสพติดที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้ เฮโรอีน 91.7 กก.ไอซ์ 165 กก.ยาบ้า 600,000 เม็ด และคีตามีน 250 กก. ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 115 ล้านบาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การประสานงานดังกล่าวถือเป็นความร่วมมืออันดีจากผู้ประกอบการขนส่งพัสดุที่มีส่วนในการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์ อันเป็นผลมาจากที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดให้มี การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพิ่มพูนความรู้ให้ผู้ประกอบการ ในด้านการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ
การประชุมดังกล่าวส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความชำนาญในการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ยังคงเป็นวิธีการที่ขบวนการค้ายาเสพติดเลือกใช้ในการกระจายยาเสพติด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ และยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
ที่ผ่านมา พบว่ามีสาขาของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดไม่ปฏิบัติตามการสกัดกั้นยาเสพติด ตนจึงใช้อำนาจของเลขาธิการ ป.ป.ส. สั่งยุติการประกอบกิจการของ บริษัทขนส่งเอกชนสาขาดังกล่าวเป็นเวลา 30
ซึ่งตามหลักการแล้วบริษัทขนส่งเอกชนสามารถยื่นคำร้องคัดค้านผ่านทางศาลปกครองได้ เพื่อชี้แจงว่าไม่ได้มีการละเลยเพิกเฉย แต่บริษัทขนส่งเอกชนแห่งนี้ก็ไม่ได้ยื่นคำร้องคัดค้านแต่อย่างใด
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า สำหรับการบ้านที่จะฝากต่อเลขาธิการท ป.ป.ส. คนใหม่นั้น ทราบว่าท่านเคยเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ส. มาก่อน เชื่อว่าการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็เห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน อย่างไรคนใหม่เข้ามาก็คงต้องดำเนินการต่อ
