ป๋าลอ-ชลอ เกิดเทศ อดีตนายตำรวจ ยศ พล.ต.ท. ตำนานมือปราบพระกาฬ ในวัยเฉียด 80 ปี ถึงวันนี้จะมีปัญหาเรื่องเดินเหินไม่สะดวกอันมาจากการผ่าตัดในหลายปีก่อน ไปไหนก็ต้องนั่งวีลแชร์ แต่อดีตมือปราบใจยังสู้ ไปพบหมอตามนัดทำกายภาพบำบัดให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง ภายใต้การดูแลของ ปลา-กุมาริกา เกิดเทศ ลูกสาวคนเล็ก
ทำให้พ่อมีเรื่องดีๆทุกวัน
“ค่ะ……เราก็ทำให้ภายใน 10 ปีสุดท้ายในชีวิตเขามันมีแต่เรื่องดี ต้องมีแต่เรื่องดีทุกวันๆ เหมือนเราไม่สะสมเงิน ก็ไม่มีเงินฝาก อันนี้ถ้าไม่สะสมบุญ มันก็ไม่มีบุญฝากไปชาติหน้า ทำมานานแล้ว ทำให้ป๋า 6-7 ปีแล้ว ตั้งแต่ออกมา เวลาเร็วนะ ไม่น่าเชื่อ เวลามันเร็ว ดูสิอีกไม่เกิน2 เดือน ก็สิ้นปีอีกแล้วนะ แต่ดูสิ นับจากวันที่ออกมา ป๋า ดูดีขึ้น หน้าใสเลย ไม่ต้องทำอะไรเลย อารมณ์ สมองเขาดี…….”ลูกสาวคนเล็กอดีตนายตำรวจมือปราบเริ่มด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
ตำรวจเป็นอาชีพที่ทำบาป ถ้าตั้งใจก็บาปหนัก
พูดถึงพ่อ สมัยเป็นตำรวจมันธรรมดา อาจจะต้องเคยทำผิด ในชีวิตคนเรามันต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้นกับทุกคน ดูง่ายๆ ดูตำรวจที่เป็นผู้ใหญ่หลายๆ คน บั้นปลายชีวิตนะ ก็ป่วยทุกคน ดูสิ ป่วยหนักทุกคน ไม่ป่วยธรรมดานะ คนดังๆ ทั้งหลาย เสียชีวิตไปบ้างก็มี หลายคนคือป่วย เจ็บหนัก คืออย่างนี้ มันเป็นอาชีพที่มันต้องทำ มันจะเป็นบาปที่มันมีอยู่แล้ว แต่มันอยู่ที่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ถ้าตั้งใจก็บาปหนัก แต่ถ้าไม่ตั้งใจเพราะเขาเป็นโจร เราต้องช่วยเหลือประเทศชาติ เราต้องทำ มันก็ไม่ใช่บาปใหญ่ มันมี มันเหมือนเราสมมติเราไปทำให้ชีวิตเขาต้องเสียไป ไม่ว่าจะ ม้า มด คน มันคือบาปหมด แต่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
นั่งรถเข็นอาจเป็นเพราะเคยตีขาคน
สมมติอย่างพ่อ ถ้าต้องฆ่าโจร ต้องเสียชีวิตโดยเขา แต่เขาทำโดยตามหน้าที่ ตามกฎหมาย ต้องทำ แต่บาปมันมีมั้ย มันมี เช่นเคยตีขาคนไว้ เลยทำให้ต้องขาเจ็บ ต้องนั่งรถเข็น อาจจะหลายคน มันเป็นบาปอยู่แล้ว เพียงแต่มันมากหรือน้อยเท่านั้น
สมอง-ความจำยังดี คือบุญของพ่อ
แต่เขาก็ต้องเป็นคนมีบุญ ที่ทำความดี เขาถึงยังสมองดี ความจำดี แล้วที่สำคัญมีความสุขทุกวัน ไม่เคยมีทุกข์ ดังนั้นนี่คือบุญของเขา อย่างที่เขาบอกกันว่า ร่างกายเป็นอย่างไร ไม่เป็นไร แต่ใจไง ต้องสุข จิตใจเขาแข็งแรง ที่เป็นแบบนี้มันมีหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งเพราะต้องผ่าตัดหลายเรื่อง แล้วก็อายุเยอะ เหมือนว่าคนอายุ 80 มันก็มีโอกาสที่สภาพร่างกายก็เสื่อมไปด้วย ที่ต้องป่วย ต้องผ่าตัดหลายครั้ง
ถ้าพ่อขยัน น่าจะกลับมาเดินได้
พ่อเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผ่าตัดหัวไหล่ เส้นเลือด มันก็ไม่ค่อยโฟล ทำให้เลือดไหลไปไม่ค่อยถึงตำแหน่งเท้า มันก็ไม่มีกำลังเดิน ผ่าตัดเส้นเลือดมันก็ไม่ค่อยถึง กล้ามเนื้อก็ไม่ลีบ ทีนี้ถ้าเรามีโอกาสกายภาพ ฟื้นฟูใหม่ ก็น่าจะกลับมาเดินได้ แต่ต้องขยัน อันนี้บทเดียวเลยที่จะเดินได้ คือต้องขยัน กำลังใจมีเยอะ แต่ขี้เกียจแค่นั้นเอง เท่านั้นเอง
พาป๋าไปสังเวชนียสถาน
“ถึงอย่างนี้นะ พ่อยังไปบวชมาแล้ว ไป 4 สังเวชนียสถาน ก็ไปมาแล้ว ที่อินเดีย เนปาล ไปกราบสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ฟังเทศนา ไปกับแม่(พี่ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์) อานิด น้องสาวพ่อ ร้อยโท หญิง ขนิษฐา เกิดเทศ หนูพาไปหมดเลย พ่อ แม่ ไปครบ แล้วคิดดูสิ ลงแม่น้ำคงคา บันไดตั้ง 30 ขั้น อย่างนี้ จะลงได้ไง คนที่วัดก็ต้องช่วยกันยกลงเรือ ลอยไป ไม่ต้องเข็นเลย ไปเขาคิชกูฎ ที่อินเดีย เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าท่านไปนั่งเพื่อจะได้ค้นพบ เหมือนจุดที่ท่านไว้พัก เวลาไปปฏิบัติธรรม ที่หมู่บ้านนั้น…….”ปลา-กุมาริกาเล่าด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ มีป๋าลอนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ
ย้อนวัยเด็ก แขกพ่อเต็มบ้าน
เมื่อถามถึงชีวิตในวัยเด็ก ลูกสาวคนสวยอดีตนายตำรวจมือปราบบอกว่า “พ่อเขาก็มีกิจกรรมเยอะ ก็ต้องบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไรเยอะ แต่รู้ว่าเขาก็มีกิจกรรมเยอะ มีแขกเยอะเต็มบ้านตลอดเวลา มีลูกน้องเยอะ ส่วนใหญ่ตอนเด็กๆ อยู่บ้านปัฐวิกรณ์ ก็มีตอนโต ที่เรามาอยู่ตรงบ้านลาดพร้าว ที่อยู่ตรงซอยลาดพร้าว 21 ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เป็นบ้านอีกหลัง ไม่ได้อยู่ 35 นะ มีทั้ง 35 และ เจอพ่อบ่อยตอนเล็กๆ แต่พอเริ่มโต ก็เจอไม่บ่อย พ่อไม่ค่อยอยู่ ไปไหนเรื่อย……”
ไม่ไปเรียนนอกเพราะพ่อมีเรื่อง
จนกระทั่งมีเรื่องปี 37 คือวันที่พ่อเข้าไปมอบตัว ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเข้าไปยาว แม้กระทั่งตัวพ่อเอง ก็ไม่คิดคิดว่าไปแป็บหนึ่งแล้วก็ได้ประกันตัว ช่วงนั้นอายุประมาณ 21 ปี เราก็ไม่มีใครคิด คิดว่าแป็บเดียวก็จะออกมา ตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย จะจบแล้ว ใกล้จะจบแล้ว กำลังเตรียมจะไปเมืองนอก เตรียมจะไปเรียนต่อที่อเมริกา จะไปเรียนต่อปริญญาโท เพราะตอนนั้นกำลังจะจบปริญญาตรี สมัยก่อน ย้อนไป 20 ปีที่แล้ว ทุกคนก็ต้องไปเรียนต่ออเมริกากัน ก็นี่แหละ เตรียมไป แต่สุดท้ายทุกคนก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปเลย พ่อมีเรื่อง เกิดเรื่อง สุดท้าย ไม่ได้ไป ก็เรียนต่อที่ไทย เรียนจบโทที่ธรรมศาสตร์ จริงๆ ก็คิด ต้องคิดเป็นธรรมดา เป็นพ่อ ก็คิดไม่ถึง จริงๆ ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องหรอกถูกมั้ย กับโดนข้อหาหนัก แล้วก็ข้อหาใหญ่ด้วย
19ปี ผ่านมาได้ทั้งพ่อลูก
ก็ใจเสียเหมือนกัน แต่โชคดีที่เพื่อนรอบข้างที่เราสนิท ก็เข้าใจ คือคนอื่นจะคิดยังไง ถึงเขาจะพูดไม่ดี เราก็คิดว่าเราพอทำใจได้ แต่อย่างน้อยเพื่อนๆ ใกล้ตัว ก็เป็นเพื่อนที่ดี ไม่ได้คิดเยอะ ก็ผ่านมาได้ในนั้น 19 ปี ก็เป็น 18 ปีที่อยู่ข้างใน อีก 1 ปีเต็มๆอยู่ รพ.ตำรวจ ปีสุดท้ายก่อนออก ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบาปกรรม ไม่ได้เรียกบาปกรรมหรอก แต่เรียกว่าทำเหตุไว้ มันก็ต้องมีส่วนที่เราต้องได้รับ คือส่วนที่เขาทำไม่ถูก เขาก็ได้รับไปแล้ว ส่วนที่มีบุญบารมีที่เคยสร้างไว้ ก็ได้ออกมาเสวยบุญตรงนี้ ก็จะมีแต่ความสุขแล้ว ไม่มีทุกข์อะไร ไม่มีให้ร้ายใคร ไม่มีคิดไม่ดีกับใคร ไม่เคยโทษใคร นี่คือข้อดีของพ่อ ไม่เคยโทษว่าใครผิดเลย มันเป็นไปตามเหตุที่ต้องเป็นไปอย่างนั้น
ธรรมมะทำให้เข้าใจความจริง
ก็ไปปฏิบัติธรรมเยอะ ปฏิบัติมา 10 ปีแล้ว เป็นการช่วยทำให้เราเข้าใจความจริงมากขึ้น เรียกว่าต้องเข้าใจธรรมะ เข้าใจแล้วเราจะรู้ว่า สมมติว่า ที่เราอยู่ดีมีความสุขเราเจอกัน ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่เรามาคุยกัน เราก็เคยเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน จึงได้มาเจอกัน แล้วเหตุที่ทำให้พ่อทุกข์ ลูกต้องทุกข์ด้วย เขาเรียกว่ามันมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เขาก็เรียกว่า ทุกข์มันก็ตกถึงลูกด้วย แสดงว่าเราก็ต้องเคยทำอะไรร่วมกันไว้กับพ่อ เราถึงต้องมาทุกข์ร่วมกัน แต่พอวันนี้เรามาสุข เราทำทุกอย่างให้เป็นความสุข เราก็สร้างบุญบารมีร่วมกันอย่างนี้ ก็ไปด้วยกัน
มิตรแท้พาพบหลวงพ่อกัณหา
คือเขาอาจจะเป็นคนโชคดีที่เขาไม่ฝังความหลัง ไม่มีความโกรธไว้เลย ทุกวันเลยมีแต่ความสุข เวลาไปไหนกับเขา มันก็ง่าย เพราะเขาไม่มีจิตใจผูกใจเจ็บแค้นกับใคร ไปไหนทุกที่ก็มีความสุขหมด ไปปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว เป็นโอกาสที่ดีที่มีเพื่อนพาไปกราบหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เกิดจากเพื่อนพาไปก่อน แล้วพอปฏิบัติไปเรื่อยเข้าใจขึ้น ทำให้เราเข้าใจว่าปัญหาที่มันเกิดกับครอบครัวเรา เกิดจากอะไร แล้วก็รับรู้ว่า บุญบารมีที่เขาสร้างไว้ ก็ทำให้เขาออกมา สุดท้ายแล้วก็ได้ออกมาใช้ชีวิตที่ดี มีความสุข เป็น 10 ปี ก่อนป๋าออก ช่วงนั้นก่อนพ่อจะออกมาสัก 5 ปี ก็มาอยู่กับพ่อ แล้วก็มาอยู่กับพ่ออีก 5 ปี ก็ได้ไปทำบุญใหญ่ ทุกวันเราไปกฐินทุกที่ คือเราไปสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม หนักไปทางทำบุญอย่างเดียวเลย 3 ปีสุดท้ายนี่ เราไปแต่วัด แล้วเขาก็อยู่วัดได้ดี ไปปฏิบัติธรรม ไปสวดมนต์
รับเสด็จพระเทพฯที่อินเดีย
คิดดูว่าคนอายุ 80 ตัดสินใจบวชได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ จนตัดสินใจบวชแล้วปฏิบัติได้ตามหลักสายวัดป่าด้วย เพราะพระวินัยของทางพระจะเคร่งครัดด้วย แล้วที่นี่ ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ฉันมังสาวิรัติ แล้วฉันมื้อเดียวด้วย เขาก็ปฏิบัติได้ แสดงว่าเขาก็มาถึงจุดที่พร้อมที่จะรับได้ แล้วก็ดี พอไปอินเดีย ก็ไม่รู้สึกว่าลำบากอะไร ก็มีความสุข ทั้งๆ ที่ หลายคนไปอินเดีย จะไม่ชอบ แล้วอย่างล่าสุดที่เราได้ไปก็ดีมากๆ คือมีโอกาสไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ถึงที่เนปาล ได้ตัดลูกนิมิต เขาเรียกวัดไทยที่ลุมพินี เป็นวัดที่สร้างในสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า แล้วโบสถ์นี่ใช้เวลาสร้างมาตั้ง 16 ปีแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ท่านเป็นองค์ประธานในการตัดลูกเอก เราก็มีโอกาสไปตัดลูกรองๆ
วางแผนปฎิบัติธรรม ทำให้พ่อมีความสุข
เขานี่อายุ 79 ก็เลือกตัดลูกที่ 79 แล้วมันมีความหมายมากนะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านเกิด ท่านก้าว 7 ก้าว ท่านก้าวจริงๆ ก็เลยได้ให้มันแมตช์กัน สวย แล้วเวลาเขาไป คนทั่วไป ก็บอกว่า นี่ท่านชลอ เหรอ นาทีนี้ สิ่งที่เราทำให้เขา ชื่อเสียงเขาก็จะมาแต่ด้านดีทั้งนั้น มีแต่ด้านบวก เรื่องธรรมะ ทุกคนจะบอกว่าท่านชลอ สมัยผมอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ผมทำฟุตบอลให้ท่านจำได้มั้ย คือตอนนี้ก้าวไปทุกที่ ก็จะมีคนที่นับถือคุณชลอ ในด้านดี ที่ท่านมาปฏิบัติธรรม เราก็เป็นคนจัดตาราง เราก็จะวางแผนชีวิตให้เขา ว่าเขาควรจะทำอะไรบ้าง ให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขา นี่เขาก็จะมีความสุข
กากีกลาย 8/11/60