ตำรวจกองปราบปรามเดินหน้าเชื่อมสัมพันธ์ตำรวจอาเซียน เปิดฉากจับมือตำรวจสิงคโปร์ไล่ล่าอาชญากรรมไซเบอร์
ลุยจับมือ facebook แก้อาชญากรรมในโลก Social Media และการแกะรอยติดตามตัวอาชญากรโดยใช้เทคโนโลยี โดยกองปราบฯเตรียมเปิดรับแจ้งความหรือเบาะแสจากชาวบ้านเป็นตัวกลางสื่อสารเชื่อมกับ FB เพื่อจับคนร้ายได้ง่ายขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม มอบหมายให้ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ สารวัตรกองกำกับการสนับสนุน กองปราบปราม
พร้อมด้วยทีมกองกำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม ที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการด้านข่าวสารและแกะรอยทางเทคโนโลยีเดินทางไปยัง สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ประเทศสิงคโปร์ (Criminal Investigation Department : CID)
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดที่นำไปสู่การพัฒนาเขี้ยวเล็บของตำรวจทั้งสองประเทศ มี สจ๊วต ไล ผู้กำกับการหัวหน้าฝ่ายประสานงานและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ประเทศสิงคโปร์ (Stewart Lai : Superintendent of Police Head Liaison and Training)
และ รอย ลิม ผู้กำกับการหัวหน้าฝ่ายคดีระเบิด แผนกคดีอาชญากรรมหลัก (Roy Lim : Head BOme and Explosives Branch) ร่วมกับให้ข้อมูล โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 6-9 ตุลาคม62
พ.ต.อ.เนติ กล่าวหลังการพบกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางของสิงคโปร์รู้สึกดีใจมากที่ตำรวจกองปราบปรามเมืองไทยเดินทางมาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล
หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีนักเรียนจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจเข้ามาเยี่ยมชมกิจการบางส่วน โดยตำรวจสอบสวนกลางเขาทำงานคล้ายกับเรา
สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ประเทศสิงคโปร์ วางรากฐานการทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ “ป้องกัน ขัดขวาง ปราบปรามอาชญากรรมผ่านงานสืบสวนที่มีประสิทธิภาพ”
มีหน้าที่หลักในการสืบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรงและละเอียดอ่อน เป็นคดีพิเศษเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรม คดีฉ้อโกง ละเมิดลิขสิทธิ์
บ่อนการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย คดีเกี่ยวกับเพศ คดีระเบิด คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กำลังพุ่งสูงขึ้นตามโลกอินเตอร์เน็ต
รวมไปถึงงานข่าวกรองที่มีหน้าที่รับผิดชอบคล้ายกับกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเมืองไทย
“อาชญากรรมของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากไทย คือ อาชญากรรมบนถนนหรือต่อบุคคลลดลง แต่คดีโกงกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตนั้นกำลังเพิ่มสูงขึ้น
เช่น การฉ้อโกงออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมแก้ปัญหาหานี้ร่วมกัน”
พ.ต.อ.เนติ กล่าว และบอกว่า ตำรวจสิงคโปร์จะช่วยเชื่อมกับ facebook ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ในการแลกเปลี่ยนและการเข้าถึงข้อมูลด้วย จะทำให้การแก้ปัญหาอาชญากรรมทั้งสองประเทศนั้นเป็นไปได้ด้วยดี
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลางประเทศสิงคโปร์มีความสนใจอย่างยิ่งที่ตำรวจไทยสามารถคลี่คลายคดีระเบิดหลายจุดใจกลางกรุงเทพฯได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อ พวกเขาสนใจและติดตามข่าวมาตลอดถึงทึ่งในศักยภาพของตำรวจไทยที่คลายปมคดีวินาศกรรมเมืองหลวงได้อย่างไร้ข้อกังขา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2562
ตำรวจกองปราบปรามและคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถแกะรอยหลังจากพบผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงตามจับกุมผู้ต้องหาขณะหลบหนีลงใต้ไปจนมุมที่จังหวัดชุมพร
การสอบสวนขยายผลทำให้ทราบถึงขบวนการป่วนกรุงด้วยการลอบวางบึมหลายจุดในวันรุ่งขึ้น
โยงใยถึงเบื้องหลังการวางแผนที่ประเทศเพื่อนบ้านกระจัดกระจายผู้ก่อเหตุมาทำงานในเมืองหลวงนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน
พ.ต.อ.เนติ ยังกล่าวด้วยว่า ตำรวจสิงคโปร์ได้ให้ไทยช่วยสืบสวนจับกุมอาชญากรอย่างน้อย 3 คนที่เชื่อว่า หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยหลังจากก่อเหตุฆาตกรรม รวมทั้งหมดสามคดี
คนร้ายในสองคดีแรกเป็นชาวจีน และคนสุดท้ายเป็นชาวอินโดนีเซีย ทั้งสามคดีกองปราบฯรับปากว่าจะช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวให้ ซึ่งตำรวจสิงคโปร์จะส่งรายละเอียดมาให้อีกครั้ง
ขณะเดียวกันเรากำลังตรวจสอบว่าสิงคโปร์จะช่วยเราอย่างไรได้บ้างในการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ จะมีการหารือกันต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เนติ ยังได้นำคณะ ไปยังสำนักงานใหญ่เฟซบุ๊ก ประเทศสิงคโปร์ เข้าพบกับ Mr.Rob Abrams ผู้จัดการฝ่ายความมั่นคงและรักษาความปลอดภัยของเฟซบุ๊กต้อนรับ
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า รายละเอียดของการเข้าพบกันนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้มากเพราะส่วนใหญ่เป็นข้อมูลลับ
แต่ facebook พร้อมให้ความร่วมมือในการประสานงานการทำงานเกี่ยวกับการใช้กฎหมายของตำรวจไทยเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ทำหน้าที่เหมือน “ทูตตำรวจของเฟซบุ๊ก” ท่ามกลางสถานการณ์ของอาชญากรรมในโลกออนไลน์ไร้พรมแดน
พ.ต.อ.เนติ บอกว่า ตัวเลขประชากรของไทยมีประมาณ 75 ล้านคน แต่มีสถิติคนสร้างบัญชีใช้เฟซบุ๊กมากถึง 53 ล้านคน และเป็นคนวัยทำงานมากที่สุดในโลก
ในจำนวนทั้งหมดนี้เชื่อว่ามีทั้งคนดีคนเลวใช้แพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก ส่วนหนึ่งก็ใช้ในการก่ออาชญากรรม ต้องเดินทางมาประสานงานโดยตรง เพื่อลดอาชญากรรมบนแพลตฟอร์มนี้
เบื้องต้น facebook สื่อสารชัดเจนถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวว่าคืออะไร และยินดีจะให้ความช่วยเหลือผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องปกป้องนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วย
ทั้งน้ีที่ผ่านมา ทีมงานของเฟซบุ๊กได้มีส่วนเข้าไปช่วยลดภัยคุกคามต่างๆ คอยแลกเปลี่ยนข่าวกรองของแต่ละประเทศ พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกเรื่อง
แต่ด้วยข้อจำกัดของพนักงานที่มีน้อยจำเป็นต้องเรียงลำดับความสำคัญของแต่ละคดี
“facebook ยืนยันว่าคอยเป็นหูเป็นตาช่วยเหลืองานความมั่นคงของแต่ละประเทศ มีตั้งแต่การป้องกันการก่อการร้าย ติดตามคดีเด็กถูกลักพาตัวหรือล่วงละเมิด และคดีค้ามนุษย์
ร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายหลายประเทศทั่วโลก เป็นสามคดีหลักที่เขาจะให้ความช่วยเหลือตำรวจทุกประเทศ
แต่หากเป็นคดีการเมืองภายในประเทศ เขาไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว
แต่อย่างไรก็ตาม เขาจะคุยกับองค์กรรักษากฎหมายของแต่ละประเทศเท่านั้น ไม่ได้รับแจ้งจากคนทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เราได้มาประสานงานในครั้งนี้” พ.ต.อ.เนติ กล่าว
เขากล่าวต่อว่า คดีเด็กถูกลักพาตัวที่ต่างประเทศ facebook ให้ความสำคัญมาก
เมื่อเฟซบุ๊กได้รับการแจ้งข้อมูล จะกระจายรายละเอียดอย่างรวดเร็วเพื่อหาเบาะแสติดตาม เน้นยิงข้อมูลไปในพื้นที่ต้องสงสัย ไม่ได้กระจายถึงกลุ่มคนทั่วโลกเป็นการทำงานเชิงรุกแบบเรียลไทม์
อีกหลายคดีที่เฟซบุ๊กมีส่วนช่วยปิดแฟ้มให้เจ้าหน้าที่ มีทั้ง กลุ่มมิจฉาชีพแฮกบัญชีเหยื่อ คดีฉ้อโกงทรัพย์ คดีประทุษร้ายทางเพศ การฆ่าตัวตาย
รวมไปถึงความปลอดภัยของชาติจำพวก ภัยก่อการร้าย กลุ่มซ้ายจัด-ขวาจัด ผ่านเจ้าหน้าที่และระบบสมการของเฟซบุ๊ก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ facebook กังวล คือ หน่วยงานราชการของประเทศไทยที่บังคับใช้กฎหมายหลายหน่วยที่มีเพจของเฟซบุ๊ก ยังไม่ได้รับการการันตีอย่างเป็นทางการของเฟซบุ๊กว่า “เป็นหน่วยงานของรัฐ” หรือ “บลูติก-Blue Tik” ทำให้ยากต่อการประสานข้อมูลออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว
พ.ต.อ.เนติ กล่าวด้วยว่า จากการประสานงานกับ facebook ครั้งนี้ กองปราบฯจะเดินหน้าเป็นหน่วยงาน “นำร่องหน่วยแรก” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เพื่อเป็นช่องทางให้ชาวบ้านมาให้ข้อมูลกับกองปราบฯ ในการป้องกันการก่อการร้าย ติดตามคดีเด็กถูกลักพาตัวหรือล่วงละเมิดทางเพศ และคดีสำคัญอย่างการค้ามนุษย์
เพราะคดีเหล่านี้ facebook ให้ความสำคัญในการร่วมมือแก้ไข กองปราบฯจะรับเป็นหน่วยรัฐในการรักษากฎหมายเพื่อประสานงานแทนชาวบ้านในการลดปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะเสนอต่อ พล.ต.ต.จิรภพ เพื่อผลักดันในเป็นรูปธรรมต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า กำลังให้ความสำคัญกับอาชญากรรมในโลกออนไลน์เพราะเป็นอาชญากรรมที่กำลังเติบโตในทุกประเทศทั่วโลก
จะขยายความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆเริ่มจากอาเซียนและหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์เพื่อสร้างความร่วมมือ
ทั้งนี้เริ่มจากสิงคโปร์เพราะมีระบบการป้องกันอาชญากรรมที่ดีและมีสำนักงานใหญ่ของ facebook คาดว่าจะสามารถเดินหน้าลดอาชญากรรมได้อย่างรวดเร็ว
จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
โดย วัสยศ งามขำ ฉบับวันจันทร์ที่ 14ต.ค2562