บิ๊กก้อง แถลงฟันตำรวจงานเลี้ยงบ้านกำนันนก 15 นาย ยัน ผกก.เบิ้ม ช่วยคนตายคนเจ็บ แจงชัดสอบสวนกลางไม่มีเอี่ยวค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ก.ย.66 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท./โฆษก บช.ก., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป.
ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี นายธนัญชัย หมั่นมาก อายุ 45 ปี หรือ “หน่อง ท่าผา” ลูกน้องคนสนิท นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สว.ศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า กรณีการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นั้น ที่ผ่านมามีการประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้ง เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ รวมถึงข้อกฎหมายอย่างละเอียด ควบคู่กับพยานหลักฐาน กล่องวงจรปิด ข้อมูลการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ
ตำรวจในงานเลี้ยง29นายแบ่งเป็น4กลุ่ม
จนทำให้ทราบแน่ขัดว่า ในวันเกิดเหตุมีตำรวจอยู่ร่วมในงานเลี้ยงทั้งหมด 29 คน แบ่งออกเป็น4กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนตาย คนเจ็บ กลุ่มสองเป็นตำรวจที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และซุกซ่อนทำลายพยานหลักฐาน 6 นายที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
ส่วนกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มตำรวจที่ให้การช่วยเหลือคนตายและคนเจ็บ จำนวน 6 คน และ กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 15 นาย ภายในสัปดาห์นี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ ส่วนข้อหาให้การเท็จยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม
ตกผลึกมี6ตำรวจช่วยคนเจ็บคนตาย
“เพราะหลังจากที่มีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายมาตรา 157 จนตกผลึกแน่ชัดแล้วว่า หากคุณเป็นตำรวจเมื่อเกิดเหตุขึ้นจะต้องทำหน้าที่จับกุมตัวคนร้าย ยกเว้นว่าจะมีเหตุจำเป็น เช่น ไปช่วยคนเจ็บ แต่จากข้อเท็จจริงพบว่ามีตำรวจแค่ 6 นายที่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตกับคนเจ็บ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลืออีก 15 นายนี้จึงจะต้องถูกดำเนินคดี”
พล.ต.ท.จิรภพ อธิบายรายละเอียดประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า กรณี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม. จากพยานหลักฐาน รวมถึงคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างยืนยันว่าได้ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บจริง
หลังเกิดเรื่อง ผกก.เบิ้ม ได้วิ่งไปที่รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูของสารวัตรศิว ผู้ตาย เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือก่อนจะวิ่งลงจากรถเพื่อไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะในงานเลี้ยง ระหว่างวิ่งกลับมาที่รถเจอ พ.ต.ท.วศิน ผู้บาดเจ็บอีกคนกำลังหมดสติ ช่วยนำร่างขึ้นรถกระบะนิสสัน นาวาร่า พาไปส่งที่โรงพยาบาลแทน ดังนั้น พ.ต.อ.วชิรา จัดอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ทั้ง 6 คนที่ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
แจงรายละเอียดวงจรปิด
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องต่อมาเป็นกรณีกล้องวงจรปิด ทราบว่ามีด้วยกันทั้งหมด 15 ตัว มีตัวที่เสีย 2 ตัว ใช้การได้ 13 ตัว และใน 13 ตัว มีตัวที่มีไฟล์ 12 ตัว ไม่มีไฟล์บันทึก 1 ตัว ใน 12 ตัวที่มีไฟล์ สามารถดูได้ปกติ 12 ตัว และมี 1 ตัว ที่บันทึกถึง 10.16 น. 1 ตัวเป็นกล้องวงจรปิดเบอร์ 6 ที่ตำรวจสอบสวนกลาง ยังพยายามกู้ข้อมูล
ในกล้องวงจรปิดจุดสำคัญที่บันทึกภาพบริเวณลานจัดงาน แต่ถูกดึงปลั๊กหรือถอดสายแลนด์ออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 10.16 น. ก่อนเริ่มงาน โดยหลังจากส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบแต่ไม่สามารถกู้ภาพได้แล้ว จะส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศช่วยตรวจสอบต่อไป
คาดว่าหากสามารถกู้ข้อมูลมาได้จะสามารถเห็นภาพสำคัญช่วงเกิดเหตุ ภาษากายกำนันนกขณะสั่งการแต่ยืนยันว่าถึงไม่ได้ข้อมูลนี้มาก็สามารถเอาผิดกำนันนกได้แน่นอน จากนั้นจะนำมาตรวจสอบว่าตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากทางชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่
ประสานดีเอสไอฟันฮั้วประมูล
ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสอบการฮั้วประมูลของบริษัทเครือข่ายกำนันนกนั้น จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธหลายประเด็น พบว่า บริษัทเครือข่ายกำนันนกเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 ได้ร่วมประมูล 1,527 โครงการ ชนะประมูล 1,314 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งบริษัทของกำนันนกยังมีสถิติชนะประมูลโครงการเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประมูลเป็นรูปแบบที่เป็น e-bidding ในปี 2558 โดยชนะในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นบาท อีกทั้งบริษัทที่ร่วมประมูลก็ยังเสนอราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบในประเด็นนี้ต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าว ถามถึงเรื่องการโอนคดีกำนันนกมาให้ตำรวจสอบสวนกลางทำต่อ เนื่องจากพบความผิดปกติ อะไรในการทำคดีหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า เนื่องจากคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินการปราบปรามในส่วนนี้อยู่แล้ว รวมถึงแนวทางการทำคดีจากชุดตำรวจภูธรภาค 7 ก็มีแนวทางการสอบสวนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สามารถนำมาดำเนินการต่อได้ และสามารถทำงานร่วมกับชุดทำงานได้ตามปกติ
ไม่เห็นด้วยตำรวจใกล้ชิดผู้มีอิทธิพล
“เรื่องที่ตำรวจไปงานเลี้ยงหรือใกล้ชิดนักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล นั้นต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเราเป็นตำรวจไม่ควรไปใกล้ชิดกับคนทำผิด หากจะใกล้ชิดควรมีกรอบ ไม่ควรก้มหัวให้ผู้มีอิทธิพล แต่เพราะวัฒนธรรมไทยมีมานาน ต้องค่อยๆกวาดล้างกันไป อนาคตจะโฟกัสเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงตำรวจที่ไปอยู่ในเครือข่ายผู้มีอิทธิพล”
เมื่อถูกถามถึงกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เมื่อเช้าวานที่ผ่านมานั้น พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวในส่วนนี้ว่า ยืนยันว่าตำรวจสอบสวนกลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการดำเนินการของหน่วยงานอื่น
ส่วนกรณีที่มีกำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด ร่วมปฏิบัติการด้วยนั้น ขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า คอมมานโดเป็นหน่วยงานในสังกัดของ บช.ก. ก็จริง แต่หน้างานส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการสั่งการโดยตรงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เกี่ยวกับ บช.ก. แต่อย่างใด
สำหรับรายชื่อกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่ในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก มีด้วยกันทั้งหมด 29 นาย แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มแรก ผู้เสียชีวิต กับ ผู้บาดเจ็บ มีด้วย 2 นาย
1. พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สว.ศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. (เสียชีวิต)
2. พ.ต.ท.วศิน รอง ผกก.2 บก.ทล. (บาดเจ็บ)
กลุ่มที่สอง ตำรวจที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซุกซ่อนทำลายพยานหลักฐาน และ ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ มีด้วยกัน 6 นาย ประกอบด้วย
1. พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน
2. ร.ต.ท.ประสาร รอดผล รอง
สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
3. ร.ต.ต.นิมิตร สลิดกุล ตำแหน่ง รอง
สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม
4. ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
5. ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร รอง
สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
6. ร.ต.ต.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
กลุ่มที่สาม ตำรวจที่ให้การช่วยเหลือคนตายและคนเจ็บ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย
1. พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม.
2. พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สารวัตรอำนวยการ กก.2 บก.ทล.
3. ด.ต.ชนาณัฐ วุฑฒยากร ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
4. ด.ต.สราวุธ วุฑฒยากร ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. (คนขับรถ ผกก.เบิ้ม)
5. จ.ส.ต.ทศพล แซ่อึ้ง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
6. จ.ส.ต.เมทิศกร พันธ์สีจันทร์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
กลุ่มที่สี่ กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีจำนวน 15 นาย ประกอบด้วย
1. พ.ต.อ. กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท
2. พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม
3. พ.ต.ท.ภทร วรญาวิสุทธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.สระยายโสม
4. ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย รอง สว.(ป.) กก.5 บก.ปทส.
5. ร.ต.อ.ศิริชัย รูปสวย รอง สว.(ป.) กก.5 บก.ป.
6. ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขดี รอง สว.จร.สภ.กำแพงแสน
7. ร.ต.อ.จตุรวิทย์ ชวาลเกียรติธนา รอง สว.(ป.) สภ.เมืองนครปฐม
8. ร.ต.ท.สมโชค บัวไชย รอง สว.(สส.) บก.สส.ภ.7
9. ร.ต.ท.มนัต จันทร์มีทรัพย์ รอง สว.(ป.) สภ.นครชัยศรี
10. ด.ต.ถนอมศักดิ์ มีศรี ผบ.หมู่(ป.) สภ.สามความเผือก
11. จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
12. จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.
13. ส.ต.ต.สุทธิกานต์ แซ่ฮ้อ ผบ.หมู่ คฝ.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม
14. ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล ผบ.หมู่ คฝ.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม
15. ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น ผบ.หมู่ คฝ.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม