เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ต.ค.66 ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงศ์ ผกก.2 บก.ป.
ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายจุฬาธิปก อายุ 29 ปี ข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ทุจริตหรือหลอกลวงโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง นาฬิกา 1 เรือน กระเป๋าสตางค์ บัตรเครดิต อีกหลายรายการ จับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า นายจุฬาธิปก มีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง แคปลายเซ็นราชเลขา เอามาใช้กับเอกสารต่างๆ ที่ปลอมขึ้นมา รวมทั้งตั้งกลุ่มไลน์ สำนักพราชวัง กรมกิจการพิเศษ 904 และมหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยนำรูปทหารมาใส่ซึ่งไม่ตรงกับชื่อทหารตามรูป จากนั้นจะนำไปหลอกพระภิกษุ อ้างจะให้ไปเทศน์ในสำนักพระราชวัง หรือจะให้สมณะศักดิ์ หรือพัดยศ แต่ทั้งนี้ต้องมีค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมามีพระภิกษุบางรูปถูกหลอกหลักแสน บางรูปถูกหลอกไปหลายแสนบาท
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า นอกจากพระแล้ว ยังมีร้านผ้าไหม ที่คนร้ายอ้างว่าท่านจะมาซื้อ เมื่อติดต่อพูดคุยกันจนสนิทแล้ว จะใช้รูปแบบเดิม อ้างต้องมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งร้านอาหาร ท่านจะเสด็จมาเสวยที่ร้าน อยากให้ร้านเตรียมตัว ถ้าท่านมาจะมีของพระราชทานที่ระลึกให้ เช่น ค่าฉายพระรูป, ค่าเข็มที่ระลึก ฯลฯ แต่ทั้งนี้ต้องมีค่าดำเนินการตั้งแต่หลักหมื่นหลักแสนต่อราย โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีม้าที่เตรียมไว้ อยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก จากนั้นถึงจะโอนเข้าบัญชีคนร้ายอีกที
ที่ผ่านมาเฉพาะช่วงระหว่างปี 2564-2566 มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 15 ราย สูญเงินรวมเกือบ 1 ล้านบาท แต่คาดว่าน่าจะมีร้านค้าหรือพระภิกษุ ที่ถูกหลอกอีกเยอะ ถ้าผู้เสียหายรายใดที่เคยถูกคนร้ายหลอก สามารถมาแจ้งความได้ที่ตำรวจสอบสวนกลาง
ผบช.ก.ยังกล่าวอีกว่า ช่วงแรกคนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองหลอกเหยื่อ แต่พอโดนแจ้งความจึงเริ่มหันมาใช้ซิมผี ก่อนจะพัฒนาไปใช้ระบบ VOIP มาหลอกเหยื่อ ถึงแม้คนร้ายจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่ตำรวจมีวิธีที่จะสืบสวนไปถึงตัวได้แน่นอน หลังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัด จึงขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส
ก่อนทราบว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ประเทศเมียนมา จึงประสานขอความร่วมมือไปยังทางการประเทศเมียนมา จนมีการแจ้งเบาะแสกลับมาว่า นายจุฬาธิปก กำลังจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย จึงนำกำลังดักจับกุมตัวได้ที่สนามบินดังกล่าว
จากการสอบสวน นายจุฬาธิปก ให้การภาคเสธ รับเพียงว่ามีการแอบอ้างจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย ตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันติดตัวอีก 3 หมายจับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับนายจุฬาธิปก เดิมทีชื่อนายอนาวิล ลัดพลี ครั้งเมื่อบวชเป็นสามเณร ได้รู้จักกับเจ้าของนามสกุลที่ใช้ปัจจุบัน(เสียชีวิตแล้ว) เกิดรู้สึกเอ็นดูสามเณรเป็นอย่างมาก จึงให้ใช้นามสกุล โดยจดรับรองอย่างถูกต้องเมื่อปี 2557