“ผบ.ตร.แสดงความเสียใจกับครอบครัว “วิว พลเมืองดี”พร้อมสั่ง น.1 หาช่องทางช่วยเหลือด่วน
วันที่ 20 พ.ค.2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. ได้เปิดเผยว่า จากกรณีนายปาน กรวิวัฒน์ อายุ39 ปี คลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกาย นายนพดล พิมดี หรือ วิว อายุ39ปี พนักงานรับรถ ร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ บนถนนพระราม 3 ปากซอย 60
จากนั้นวิ่งหลบหนีไปชิงทรัพย์ รถแท็กซี่สาธารณะ ซึ่งคนขับแวะปัสสาวะข้างทางแล้วติดเครื่องไว้ ก่อนจะขับไปจอดกลางสะพานพระราม 3 ขอให้เจ้าหน้าที่ซื้อน้ำโค้กให้ดื่ม และกระโดดจากสะพานลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 18 พ.ค. แต่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยไว้ได้ทันอาการสาหัส
แต่ภายหลังกลับพบว่า นายนพดล หรือ วิว เด็กรับรถ ที่ได้เกาะท้ายรถแท็กซี่ที่หนุ่มคลั่งจี้ชิงแล้วไปจอดบนสะพานพระราม 3 ได้เสียชีวิตภายในแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนสาเหตุเสียชีวิตน่าจะมาจากหนุ่มคลั่งขับรถกระแทกกับขอบปูนบนสะพาน ก่อนร่างวิว จะร่วงหล่นไปในแม่น้ำ
กรณีดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ขอแสดงความเสียใจกับ ครอบครัว นายนพดล หรือ วิว พลเมืองดีที่เสียชีวิต พร้อมสั่งการให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้ลงไปกำกับดูแลเรื่องการดำเนินคดีกับก่อเหตุทั้งกรณีนี้และคดีอื่นๆในลักษณะแบบนี้
รวมถึงการช่วยเหลือเกี่ยวกับงานศพ ผู้เสียชีวิต ที่เป็นพลเมืองดี ว่าสามารถให้การช่วยเหลือกับครอบครัวในส่วนต่างๆได้อย่างไรบ้าง และ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอชื่นชมในสปิริตที่ทำหน้าที่พลเมืองดี รายดังกล่าวนี้”โฆษก ตร.กล่าว”
ด้าน พล.ต.ต.บุณยรัสน์ พุกกะเวส นายแพทย์ (สบ 7) โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ระบุถึงอาการของ นายปาน ปี ผู้ต้องหาซึ่งยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ว่า ล่าสุดย้ายเข้าไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยในแล้ว อาการทราบว่าโดยรวมร่างกายไม่ได้รับสาหัสจนถึงขั้นน่าเป็นห่วง แต่ มีอาการหลอนจากสารเสพติด ที่เสพเกินขนาดไปมากจนทำให้ค่าเลือดผิดปกติ แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด ส่วนจะสามารถให้พนักงานสอบสวนเข้ามาสอบปากคำได้หรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของแพทย์เจ้าของไข้
ขณะที่ พ.ต.อ.ชาญฤทธิ์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สน.บางโพงพาง เผยว่า สั่งการให้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีติดต่อแพทย์เจ้าของไข้สอบถามว่าสามารถให้เข้าไปสอบปากคำได้หรือไม่ หากแพทย์มีความเห็นว่ายังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และสามารถเข้าสอบปากคำได้ จะส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำและเข้าสู่ขั้นตอนฝากขังออนไลน์ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากที่โรงพยาบาล พร้อมขออายัดตัวไว้เพื่อรักษาที่รพ.ตร.พร้อมกัน
แต่หากแพทย์เจ้าของไข้มีเห็นว่าพนักงานสอบสวนสามารถรับตัวผู้ต้องหาออกมาดำเนินการตามขั้นตอนปกติได้ จะมีคุมตัวออกมาสอบปากคำและส่งตัวฝากขังต่อศาลทันที ตามข้อหาเกี่ยวกับการลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการเมาแล้วขับหรือสารเสพย์ติดต้องรอผลการตรวจเลือดจากทางโรงพยาบาลตำรวจ สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้