บิ๊กตุ้ม-พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
เปิดตัวสวยหรูด้วยการตามจับ โกลัก ผู้ต้องหาตัวเอ้ค้ามนุษย์ ในคดี นาตาเลีย ให้บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.แถลงข่าวในวันแรกที่รับตำแหน่ง
เส้นทางชีวิตของนายพลนักสืบคนนี้ จากเด็กหนุ่มกำแพงเพชร ลูกคนที่ 3 จาก 4 คนของข้าราชการกรมพัฒนาที่ดิน จบ รร.กำแพงเพชรพิทยาคม สอบเทียบติด เภสัช ม.เชียงใหม่ แต่มาเรียนวิทยาลัยครู ตามโครงการคุรุทายาทของวิทยาลัยครู จ.กำแพงเพชร เพราะเชื่อพ่อ จบมามีอาชีพรองรับ
แต่ชีวิตพลิก ด้วยความที่เรียนเร็ว1ปี ขณะเรียนวิทยาลัยครู เลยไปสอบเตรียมทหาร รุ่น 29 ผลสอบติด เปลี่ยนทิศเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 45
พ้นสามพรานปี 2535 มาฝึกงานที่ สน.บางเขน เรียนรู้งานสืบสวนจากบิ๊กยาว -พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตผบก.สส.ภ.8 สมัยเป็นสารวัตร จากนั้นเป็นรอง สว.สอบสวน ที่เมืองสระบุรี 2 ปี เกิดคดีจัดฉากฆ่าสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ ที่แก่งคอย เลยมีชื่อ ร.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ ในคณะทำงานสืบสวนสอบสวน ของกรมตำรวจอยู่ด้วย
ทำคดีจนเบื่อ เพราะฤทธิ์เขี้ยวตันจากรุ่นพี่ ลาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ MBA2ปี ได้ประสบการณ์ชีวิตเยอะ
กลับจากอังกฤษ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ กำลังจะขึ้นผบ.ตร. เอาไปเป็นนายตำรวจติดตาม เพราะเห็นว่าจบจากต่างประเทศ กระทั่งใกล้เกษียณ ให้ลงไปทำงานเป็น สว. อยู่สันติบาล จากนั้นย้ายมาเป็น สว.ทางหลวง หินกอง ช่วงเป็นสารวัตรหินกอง หลวงพ่อคูณ จะใช้นำขบวนมาตลอด
โชคดีที่สุดในชีวิต เมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ทำหน้าที่ขับรถให้ท่าน ที่สำคัญ สมเด็จพระเทพฯ ทรงประดับยศให้เมื่อครั้งเสด็จฯ สอนที่โรงเรียนนครนายก ผู้การตุ้มเลยมีความผูกพันกับสถาบันมาตลอด
ขึ้นป็น รอง ผกก.3 บก.ป. ดูแลภาคอีสาน ยุคพล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง เป็น ผกก. อยู่ปีเดียว สไลด์เป็น รอง ผกก.1บก.ป. มีพี่อาร์ต-พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ เป็น ผกก.
ต่อมามีเหตุการทางการเมือง กองปราบถูกย้ายทั้งเซ็ต เจ้าตัวไม่รอด เด้งไปเป็น รอง ผกก.10 ปดส. หรือ ปคม.ในปัจจุบัน
อยู่ได้ปีเดียว กลับมาเป็น รอง ผกก.1 บก.ป. มีส่วนร่วมอีกหลายต่อหลายคดี ขึ้นเป็น ผกก.6 บก.รน. ผกก.1 บก.สส.สตม. ผกก.191 ผกก.ดส. ขึ้น รอง ผบก.น.5
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง ถูกย้ายลงใต้ เป็น รองผบก.ตชด.ภาค 4 ที่สงขลา รวมแล้ว เป็นรองผู้การ 9 ปี บิ๊กตุ้มเก็บตัวนิ่ง คิดว่ายังไงเสียอีกปี 2ปี ก็ได้นายพลเพราะอาวุโส 33%
แต่ฟ้าเปิด พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบช.ก.เมื่อครั้งเป็น ผบช.ก.เสียดายของดึงขึ้นมาเป็นผบก.อก.บช.ก. และเป็น ผบก.ปคม.ในคำสั่งปี 64
ถูกดองในตำแหน่ง รองผบก. 9 ปี บิ๊กตุ้มเล่าชีวิตช่วงนั้นให้่ฟังว่า
รองผู้การ9ปีเรียนรู้หลายเรื่อง
ได้เรียนรู้คือ 1.เรื่องการคิดตามยุทธศาสตร์ชาติของระบบทหาร เรียนในเรื่องฝ่ายเสนาธิการ เรียนในเรื่องกระบวนการคิด การอ่าน การรู้เขารู้เรา ผลประโยชน์ของชาติ อยู่กับทหารเยอะ ได้ตรงนั้นด้วย
อันที่ 2 ตอนไปเรียนวิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่น 52 ทำให้เรียนรู้การทำงานกับทหาร อยู่กับ ฉก.สงขลา ระบบ ตชด.ทำให้เรียนรู้ระบบการส่งกำลังบำรุง เรื่องการบริหารจัดการ กระบวนการคิด และการทำงานคู่กับทหาร หลายๆ อย่าง
ที่สำคัญ จากที่ไม่เคยรู้จักปักษ์ใต้ 14 จังหวัด ทำให้เราได้รู้ตั้งแต่ชุมพร ยันนราธิวาส เรียนรู้ในเรื่องด่าน เรื่องช่องทางธรรมชาติ 14 จังหวัด จากที่เราไม่เคยไป ตชด. ทำให้เราเรียนรู้หลายๆ อย่าง
ชีวิตต้องปรับเปลี่ยนตลอด
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือให้รู้จักตัวเอง เรียนรู้เลยว่า สิ่งที่เราอยู่สูงสุด และต่ำที่สุด ทำให้คิดเรื่องการปล่อยวาง รู้จักความพอเพียง ทำให้เรียนรู้ว่า บางเรื่องอยู่นิ่งๆ ดีกว่า เราอยู่ก็อย่างที่ ผบ.ตร.พูดตลอด ว่าการรับราชการที่ดีที่สุด คือการปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลา
อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
ได้คำพูดมา 2-3 คำพูด คือ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ของเรา อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น รู้เลยว่าพอเราเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างทำงานพอเห็น หันหลัง มองข้างหลัง เห็นคนที่ลำบากกว่าเราก็ปล่อยวาง ผมว่าบางคนปล่อยวางไม่ได้ อันนี้ที่เราพูดได้ เพราะว่าเราผ่านมาแล้ว เป็นนายพลแล้วด้วย
ยกบิ๊กต่อเป็นผู้มีพระคุณ
คือหลักเกณฑ์การขึ้นนายพล ตอนนั้นต้อง 10 ปีขึ้น เราได้ 33% ได้แน่ ชีวิตราชการก็ยังเหลือ แต่ถือว่าได้ขึ้นก่อน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ต่อ(พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล) ถือเป็นผู้มีพระคุณเลย เพราะแกเห็นความรู้ ความสามารถ เห็นว่าเราโดนรังแก ทั้งๆที่ผมตั้งใจทำงาน ชีวิตเหมือนหนังเรื่องเดอะชู้ตเตอร์
จงรักภักดีรับใช้สถาบัน
ถ้ามีคนมองตอนนี้ว่ายังอยู่กับการเมือง ผมเชื่อว่าผมรู้ตัว คือผมรู้จักทั้งเสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงิน เสื้อแดง จากการที่ผมมีพรรคพวกเยอะ กลายเป็นสิ่งเดียวคือไม่ว่าสีไหน ผมทำงานรับใช้ชาติ ทำงานรับใช้สถาบัน เนื่องด้วยผมนี่เป็นราชองครักษ์ด้วยกับในหลวง รัชกาลที่ 9 มาก่อน ผมยืนยันได้เลย ว่าผมมีความจงรักภักดี ก่อนที่จะมาอยู่ตรงนี้ ต้องถูกตรวจสอบประวัติ ตร.ยังคัดเลือกมาเป็นนักเรียนจิตอาสา รุ่น 2 เป็นรุ่นต้นๆ
เร่งแก้เทียร์2 วอชต์ลิสต์
เมื่อได้ขึ้นมา พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ให้คำชี้แนะหลายอย่าง ได้มีโอกาสมาขึ้น ผบก.ปคม.การปฏิบัติก็จะต้องปฏิบัติการเชิงรุก ตอนนี้ประเทศไทยถูกลดระดับเทียร์ 2 ลงมาเป็นเทียร์วอตช์ ลิสต์ เฝ้าระวัง ถ้าลงระดับ 3 เมื่อไหร่ ทำให้เราขาดเงินช่วยเหลือเอ็นจีโอ เวิลด์แบงก์ ถูกตัดสิทธิทางการค้า
ดังนั้นในช่วงที่ผมมาเป็นผู้การ 1 เดือน เลยต้องเร่งรัด ปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อยกระดับเทียร์ ตามนโยบายรัฐบาล และของท่าน สร.2 คุมหน้างานการปราบปรามการค้ามนุษย์
ต้องทำให้เห็นจริงใจแก้ปัญหา
นอกจากนี้ ได้รับนโยบายจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับว่าให้เร่งรัดการยกระดับ เรามีเวลาแค่ 2 เดือนกว่า ในการรีพอร์ตต้องทำให้เห็นว่า ที่เขาคอมเมนต์มาครั้งที่แล้ว เรื่องความไม่จริงใจในการปราบปรามการค้ามนุษย์
เน้นการมีส่วนร่วม
ตอนนี้ต้องการที่จะทำให้เห็นและให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นในเรื่องของพาร์ทเนอร์ชิป การมีส่วนร่วม เอาเอ็นจีโอ มาเขียนทริปรีพอร์ท มาดูงานเลย หรือร่วมจับกุมกับเราเลย ว่าเรามีความจริงใจแค่ไหน ทำให้เห็นเลย เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเราทำ
เชื่อทุกหน่วยรัฐช่วยกันหมด
ตอนนี้เชื่อว่า แม้ระดับ ตร.เอง ก็ปรับ ไม่ว่า พม.ไม่ว่าดีเอสไอ ไม่ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ร่วมด้วยช่วยกันหมด อะไรที่เกี่ยวกับค้ามนุษย์ หมายจับที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ที่ค้างอยู่ เอาออกมาไล่จับเลย
คดีแรก ก็จับโกลัก เลย วันแรกเลย รับตำแหน่งวันนั้น บ่ายก็จับเลย ให้เห็นว่าเรามีความจริงใจในการปราบปรามการค้ามนุษย์
ขอสื่อร่วมด้วยช่วยกัน
ผมเชื่อว่าศักยภาพของลูกน้อง มี แต่ว่าเราเป็นเหมือนแม่ทัพ ต้องทำให้เขาเห็น ว่าต้องทำอย่างไร พอเราเน้นเรื่องพาร์ทเนอร์ชิป การปฏิบัติการเชิงรุก เราเคยอยู่หลายๆที่มา ก็มาปรับ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่รู้จักเราอยู่แล้ว ที่เชื่อมือกัน ก็มาร่วมด้วยช่วยกัน
ประสบการณ์มองทะลุ ก-ฮ
ตอนนี้เห็นหลายหน่วยงานเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีโอ โอยูอาร์ ของอเมริกา ออสเตรเลีย แม้กระทั่งมูลนิธิกระจกเงา ก็มา หลายๆ คน มาเพื่อจะขอทำงานร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ชิป เพื่อที่จะปฏิบัติการเชิงรุก ลูกน้องก็รู้สึกว่าทำงานกันสนุกมากขึ้น เอางานแต่ละงานมาดูกัน เพราะเราก็ค่อนข้างจะทำงานที่เคยนั่งหัวโต๊ะมาแล้ว มองเห็นภาพ เห็น ก ถึง ฮ เลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคคลสูญหาย ก็พยายามจะทำ ไม่ว่าการบังคับแรงงานประมง แรงงานที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ผมเชื่อว่า สามารถที่จะขับเคลื่อนหน่วยไปได้ดีขึ้น ก็ด้วยอาจจะสถานภาพสังคมด้วย
ห่วงเด็กเหยื่อออนไลน์
ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้เป็นเรื่องของสังคมออนไลน์ ที่ห่วงที่สุดคือเรื่องอวตาร บางทีเรามีเฟซบุ๊กอยู่ เด็กช่วงนี้ ช่วงโควิดปิดสถานบริการ การค้ามนุษย์มันหายไป ทุกอย่างอยู่กับบ้าน พ่อแม่ไม่ให้ความสนใจ แล้วไม่ได้เรียนหนังสือ เล่นแต่โซเชียล ออนไลน์ ก็มาดูเว็บโป๊ การพนัน เว็บที่ล่อลวง
ลูกผู้ใหญ่ยังโดนหลอก
บางทีเฟซบุ๊ก จริงๆเป็นผู้ชายแต่ปลอมตัวเป็นผู้หญิง ลูกผู้ใหญ่โดนหลายคน มีชื่อเสียง แล้วไม่กล้าแจ้งความเพราะอาย พอฟอร์มว่าเป็นผู้หญิง แล้วก็แท็กเป็นเพื่อนกัน เพิ่มเพื่อนเฟซบุ๊ก ผู้หญิงปลอมหลอกล่อ บอกให้โชว์ของลับมาให้ ผลัดส่งกันไปส่งกันมา เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ คิดว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน นึกว่าเป็นนักเรียนด้วยกัน ผู้หญิงด้วยกัน
เหยื่ออายุน้อยลงเรื่อยๆ
ยิ่งนับวัน เราสงสัย บางเคสทำไมเด็กลงเรื่อยๆ จากต่ำกว่า 18 กลายเป็นเหลือ 8-9 ขวบถ้าไม่ปราบปราม ไม่เข้าไปดูแล หรือไม่ให้ความรู้กับครูบาอาจารย์ หรือให้ความรู้กับผู้ปกครอง บางทีเด็กบางคนเราตรวจสอบมา ว่า ออกไปนั่งกับเพื่อน แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก ออกไปค้าประเวณี
เห็นเพื่อนมีรายได้ดี ก็ฟุ้งเฟ้อพ่อแม่ไม่รู้เรื่อง บางทีเด็กตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ผมว่าปัญหาสังคมตรงนี้ ทำให้เกิดอาชญากรรมได้
ปคม.หน่วยเดียวรับมือไม่อยู่
บางทีอย่างเป็นผู้ชายปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลอกล่อเอาไป นัดเจอกัน หรือว่าใช้โปรไฟล์เป็นผู้ชายรูปหล่อ แต่จริงๆ เป็นโจร ออกไปนัดเจอกัน บางทีก็หายไปเลยกลายเป็นศพ มีหลายคดี อย่างไอซ์หีบเหล็ก ก็มี มันเป็นปัญหาสังคม มองว่ามันมีอะไรอีกเยอะที่ ปคม.ต้องทำ
ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันกับหลายหน่วยงาน เราทำคนเดียวไม่ได้ เป็นพระเอกคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้เรื่องของพาร์ทเนอร์ชิป มาช่วยกันทำงาน
ค้ามนุษย์ไม่มีหมดอายุความ
อาชญากรรมตรงนี้ อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องหลอกลวงหรือค้ามนุษย์อย่างเดียว หรือในกฎหมายค้ามนุษย์เขียนว่าอายุต่ำกว่า 18 ลงมา ถ้าแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบก็เป็นค้ามนุษย์ คล้ายๆค้ายาเสพติด สมคบกันค้ามนุษย์ มีโทษ 5-10 ปี ถือว่าโทษแรง แม้ว่าหมายออกไปแล้ว ไม่ได้นับหมดอายุความ คือไม่มีการนับอายุความ เป็นกฎหมายที่รุนแรงอยู่แล้ว
แต่ว่าเรื่องการค้ามนุษย์ ประกอบด้วยหลายๆอย่าง ไม่ว่าเรื่องสถานบริการ แรงงาน การปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องร่วมมือร่วมใจกัน
สอนเด็กเห็นภัยโซเชี่ยล
ผมได้เสนอไปว่า เรื่องโซเชียล มีเดีย หรือว่าเรื่องออนไลน์ ต้องบรรจุอยู่ใน สพฐ.ด้วย เพราะเด็กตอนนี้ต้องเติบโต ไปเป็นอนาคตของชาติ ต้องสอนเขาเลยว่า วิธีการ หรือว่าโลกที่มีปัญหาทางไซเบอร์ ที่เด็กต้องเรียนรู้ในยุค 5 จี 6 จี หรือ 7 จี ต้องรู้เลยว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จะเห็นว่าตอนนี้ ในเรื่องของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เกิดขึ้น 100% เลย เร็วมาก ตำรวจแทบจะรับมือไม่ทัน เพราะ 1. เด็กตกเป็นเหยื่อเยอะ พอแก้ปัญหาไม่ถูกทำไง ฆ่าตัวตาย แขวนคอตาย ปัญหาสังคมตามมาเยอะ
คดีออนไลน์เยอะเหยื่อแยะ
บางทีโดนหลอกทางออนไลน์ เด็ก สตรี ก็เยอะแยะ ที่โดนหลอก ไม่ว่าจะเป็นทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน เกิดปัญหามากมาย ตรงนี้แหละ ที่เราเห็นความสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินมหาศาล ในการรักษาเยียวยา ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และด้านสังคม สังเกตว่าคนไทยรายได้น้อยลง ราคาสินค้าแพงขึ้น น้ำมันยังแพงเลย แต่รายได้น้อยลง คนตกงานมากขึ้น
สอนป้องกันไม่ใช่แก้ปัญหา
อาชญากรรมที่เกิดทางออนไลน์ เยอะมาก หลอกซื้อทอง หลอกลงทุนแชร์ บิตคอยน์ คริปโตเคอเรนซี่ มีปัญหาหมด ถ้าหน่วยงานทุกภาคส่วนช่วยกัน มันก็จะน้อยลง แต่สิ่งสำคัญที่สุด อยากให้ปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ให้วิชานี้บรรจุไปเลยต้องป้องกัน ไม่ใช่ไปแก้ปัญหา
แนะป้องกันค้ากามข้ามชาติ
ผมว่าค้ามนุษ หญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่โอมาน ที่เกาหลี ที่บาห์เรน ถ้าเรามีมีมาตรการตั้งแต่ต้นทางว่าคนที่จะไป เที่ยวบ้านเขา ต้องมีเงินสำหรับใช้ชีวิตหรือใช้สอย ต้องมีเงินฝากในบัญชีเท่าไหร่ ถ้าทำอย่างนี้ เชื่อเถอะ จะสกัดกั้นได้ตั้งแต่ไปเลย ไปไม่ได้อยู่แล้ว สถานทูตไม่ให้ไป ไม่ออกวีซ่าให้ ปัญหามันก็ไม่เกิด
แก้ปัญหาปลายทางตลอด
อันนี้เราไปแก้ปลายทาง ไม่ได้แก้ต้นทาง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ปัญหาจะน้อยลงๆ เหมือนต่างประเทศที่เขาสกัดเรา เราต้องสกัดคนของเราด้วย แต่เราไปทำปลายทาง พอร้องขอมา กต.เฟซไทม์มา มีคนโดนล่อลวงกว่าจะช่วย กว่าจะคัดแยกเหยื่อ กว่าจะทำสเตทควอรันทีน กว่าจะออกหมายจับ ยาว
แต่ถ้าเราใช้มาตรการป้องกัน และให้ความรู้เขา ที่สำคัญใครที่จะทำงานต่างประเทศ ทุกงานต้องผ่านกรมการจัดหางานเท่านั้น ต้องมีการประทับตราตรงนี้
โควิดทำรูปแบบค้ามนุษย์เปลี่ยน
อาชญากรรมเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ที่กังวล ต้องยอมรับว่า ช่วงโควิด การค้ามนุษย์เปลี่ยนแปลงไป เหตุที่เปลี่ยนเพราะ 1.แรงงานต่างด้าวกลับไป แล้วก็โควิด การอยู่รวมกลุ่มกัน การทำงานในโรงงาน ไม่ได้ มันเปลี่ยน กลายเป็นในเรื่องของสังคมออนไลน์ เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมากกว่า
หลอกลวงเด็กรุนแรงขึ้น
อันที่ 2 คือประชาชน โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ตกเป็นเหยื่อ กฎหมายค้ามนุษย์ ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ถ้าใครแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่ามีคลิปโป๊ อนาจาร มีการซื้อขาย หรือมีการหลอกลวงเด็ก เป็นเรื่องการค้ามนุษย์ทั้งหมด ตรงนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
เป็นห่วงสังคมก้มหน้า
ห่วงจริงๆคือเด็กต่ำกว่า 18 ปี โดยเฉพาะยิ่งนานวัน อายุยิ่งน้อยลงๆ อย่างที่บอก เจอเคส 8-9 ขวบ ตรงนี้ห่วงมากถ้าผู้ปกครอง ไม่เอาใจใส่ไม่ให้ความสนใจ เพราะโลกมันเปลี่ยนไป เป็นสังคมก้มหน้า พ่อแม่นึกว่าเรียนออนไลน์ แต่จริงๆ ไม่ใช่ 1.เล่นเกม เล่นการพนัน ถูกล่อลวง ถูกนำเอาบัตรเครดิตไปใช้ บางทีเอาของพ่อไปใช้
โจรแห่ใช้ออนไลน์ล่าเหยื่อ
คือมีการล่อลวงหมดทุกวิธีของมิจฉาชีพเข้ามาทางออนไลน์ หมด เด็กขาดวุฒิภาวะ ขาดอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เด็ก บางทีคิดมาก ฆ่าตัวตาย เป็นโรคซึมเศร้า เศรษฐกิจพัง ครอบครัวมีปัญหา เป็นปัญหาสังคมตามมาเยอะแยะ ไม่ออกจากบ้านก็โดน
นี่คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิต และวิสัยทัศน์ รวมทั้งความเป็นห่วงเป็นใยและกังวลต่อความเป็นไปของปัญหาค้ามนุษย์ และภัยโซเชี่ยลที่มีต่อเด็ก ของ บิ๊กตุ้ม พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้การปราบปรามการคัามนุษย์ หน่วยงานหลักอีกหน่วยของ ตร.ในการพยายามลดูระดับเทียร์2 วอชต์ลิสต์
นอกจากความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญทุกหน่วยต้องร่วมด้วยช่วยกันครับ
กากีกลาย4/12/64