Saturday, April 27, 2024
More
    HomeConner Relaxedผู้การแพะ-นายพลลูกหนัง

    ผู้การแพะ-นายพลลูกหนัง

    ผู้การแพะ-พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม.

    เป็น นบ.รบ.16  รุ่นเดียวกับพล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.สยศ.ตร.  พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.จว.จันทบุรี

    เป็นอีก 1 นายพลตำรวจที่ว่างเมื่อไหร่ เป็นออกกำลังกาย ทั้งวิ่ง ทั้งปั่นจักรยาน โดยเฉพาะการเตะฟุตบอลที่เจ้าตัวชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ  ถึงกับบอกว่าฟุตบอลให้ชีวิต ให้อนาคต ให้เพื่อนฝูง ให้ทุกอย่าง

    วันนี้มาฟังจุดกำเนิดที่มาที่ไปของนายพลลูกหนังพวกเยอะคนนี้กันครับ

    เด็กวัดอยากเป็นนักฟุตบอล
    ชอบฟุตบอลมาแต่ไหนแต่ไร เล่นบอลมาตั้งแต่เด็ก เล่นฟุตบอลนักเรียน ฟุตบอลถ้วย กีฬาเขต ที่โรงเรียนวัดสุทธิฯ เล่นบอลถ้วย บอลเขต เล่นโปรวิเชียล ยามาฮ่าไทยแลนด์คัพ  กระทั่งมาเป็นตำรวจ มันฝังใจ

    คือผมอยู่วัด ผมเด็กวัด แล้วทีนี้มีพี่คนหนึ่ง บ้านอยู่ตึกแถวหน้าวัด เขามาเดาะบอลที่ลานบอลหน้าวัด

    ผมเห็นแล้ว โคตรเก่งเลย เดาะได้ทีเป็น 100  ผมก็เดินไปกับเพื่อนผม มานพ นวลสุวรรณ บอกว่าพี่ผมอยากเป็นอย่างพี่

    กำพล รัตนมหาวงศ์ ครูบอลคนแรก
    เขาติดทีมชาตินะ ชื่อพี่ลพ- กำพล รัตนมหาวงศ์ พอพี่เขาเดาะบอลเสร็จ เขาก็ไปซ้อมบอล  ตอนนั้นผม ม.1 หรือ ม.2 แค่ 10 กว่าขวบ แกพาผมกับเพื่อน 2 คน นั่งสองแถวไปซ้อมบอลที่สนามกีฬาบางมด บ้านผมอยู่ราษฎร์บูรณะ ไปบางมด ก็  5 กิโลเมตร

    ไปถึงก็ยังไม่ได้สอนบอลนะ วิ่งเก็บบอลก่อน แกยิงบอลเปิดบอล ผมกับเพื่อน2 คนวิ่งไล่เก็บ

    ชอบตำแหน่งฮาล์ฟมันสมองทีม               
    พี่ลพเป็นนักบอลกีฬาเขต 10   ตอนหลังก็ติดทีมชาติ สอนผมทุกวัน เวลาแกไปเดินสาย จะเอาผมสองคนไปด้วย เหมือนอายุไม่ห่างกันมาก เขาก็ 20 กว่า เรา 10 กว่า แกก็เริ่มให้ผมเล่น

    ผมก็ติดบอลโรงเรียนวัดสุทธิฯ ตำแหน่งฮาล์ฟ ไม่เคยเล่นตำแหน่งอื่น ที่ชอบตำแหน่งนี้เพราะคิดว่ามันเป็นมันสมองของทีมไง

    เล่นกองกลางเป็นเพลย์เมคเกอร์               
    การได้ประตูหรือการเสียประตู มันน่าจะอยู่ที่ตัวเรา สมัยเด็กๆ นะที่คิดอย่างนั้น ไม่ได้คิดถึงเรื่องวิธีการอะไร คิดแต่ว่า เราเหมือนเพลย์เมคเกอร์ เพราะเล่นกองกลาง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นกองหน้า กองหลัง แล้วถึงจะดัง  คิดแต่อยากจะเล่น พอได้เล่นแล้วมันก็สนุก มันก็เริ่มรัก เริ่มเล่นบอลนักเรียน

    ซ้อมมวยเจ็บเพราะตัวเล็กกว่า
    ก่อนเตะบอล เมื่อก่อนก็ซ้อมมวย  ชอบกีฬาตั้งแต่เด็ก แต่ผมตัวเล็ก  เวลาลงนวมมันเจ็บไง เด็กๆเวลารัด ปล้ำ โอ้โห ไม่ได้ จะเขย่งก็ไม่ได้ กอดเอวก็แล้ว อะไรก็แล้ว ไม่ไหว โดนอีกฝ่ายเตะอย่างเดียว เขาขายาวกว่า  เข้าไม่ถึง ก็เลยเล่นบอลดีกว่า ไม่เจ็บตัว สนุกด้วย
                   
    เข้าซุ้มพี่ก๊อก-พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ  
    พอช่วง ม.5-6 อายุ 16-17 ก็เล่นเยาวชนประเทศไทย เล่นมาเรื่อย ไปเล่นให้ที่พาณิชย์ราชดำเนิน เวลานั้นคือมีการซื้อตัว บอลเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย มันไม่ต้องเป็นของโรงเรียนไง

    ไปเล่นในนามพาณิชย์ราชดำเนิน สมัยนั้นก็เจอพวก อดุลย์ มะลิพันธ์ เขาเล่นให้ราชประชา  พอสัก ม.6 และ ปี 1 พี่ลพก็เอาผมมาฝากพี่ก๊อก-พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ พี่ชายพี่กบ น้องนาย

    ตอนนั้นพี่เขาอยู่องค์การโทรศัพท์  ให้ผมเล่นถ้วย ง. ขนส่งทหารบก แกทำถ้วย ก ถ้วย ข ทำหลายถ้วย ผมก็ไปเล่นที่ขนส่งทหารบกอยู่ปีหนึ่ง หลังจากนั้นไปเล่นถ้วย ข. องค์การโทรศัพท์
                   
    จบรามปุ๊ปทำแบงก์ไทยทนุปั๊ป
    เล่นอยู่ปีหนึ่ง  พอผมใกล้จะจบ ธนาคารไทยทนุ  มาทาบทามผมไปเล่นบอลธนาคาร แล้วให้งาน พอผมจบรามคำแหง นิติศาสตร์ ปุ๊บ ธนาคารให้ไปสัมภาษณ์ ได้งานเลย ไม่ต้องสอบ

    แบงก์ไทยทนุ สมัยก่อนอยู่ติดแบงก์กรุงเทพ เขาบอกให้ไปเล่นบอลระหว่างธนาคาร เราก็เอาสิ เงินเดือน สตาร์ทสมัยนั้น 6,800 โบนัสอีก 7 เดือน
                   
    พ่อซื้อใบสมัครให้ไปสอบตำรวจ
    เล่นบอลแบงก์ได้ 8 เดือน พ่อผม ด.ต.ประยูร ขจรกลิ่น ไปซื้อใบสมัครสอบเข้าตำรวจ ผมไม่ได้คิดจะเป็นตำรวจนะ ผมเรียนเนฯ เพื่อจะไปสอบเป็นผู้พิพากษา แต่พ่อผมถือใบสมัครมาบ้าน บอกว่าไปสมัครสอบตำรวจไป

    เราก็บอกพ่อ ผมอยากเป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา ช่วงนั้นก็เรียนเนฯ ด้วย ทำงานแบงก์ด้วย เตะบอลด้วย พ่อก็บอกว่า ไปสอบเถอะ ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะมีงานทำแล้ว
                   
    ลูกชายคนเดียวพ่ออยากให้เป็นตร.
    ผมก็ไปสอบ สอบติด ระหว่างนั้นก็รองานองค์การโทรศัพท์นะ แล้วทำงานแบงก์ได้แค่ 7 เดือน ผมไปลาออก เขาบอกว่าเป็นตำรวจสู้นี่ไม่ได้นะ  เลยบอกว่า ผมเป็นลูกคนเดียว พ่ออยากให้ผมเป็นตำรวจ

    แต่ไม่เป็นไรพี่ ถ้ามันไม่ดี เดี๋ยวลาออก กลับมาอยู่กับพี่ ตอนนั้นอายุ 23 ผมจบจากรามฯเร็ว อายุแค่ 22 เอง ตอนนั้นสอบบรรจุนายตำรวจสัญญาบัตร บุคคลภายนอก ได้ก็ไปอบรม

    เดินสายเตะบอลหาเงินเรียน
    ตอนนั้นยังเตะบอลหาเงินนะ เดินสายเล่นยามาฮ่า  สมัยก่อนบอลถ้วยมีแข่ง่ปีละ 3 เดือน ที่เหลือเดินสายเอาเองตามต่างจังหวัด ผมไปเล่นโพธารามคัพ บ้านโป่งคัพ ทับสะแกคัพ  ได้แมตช์ละ 1,000 บ้าง 500 หรือ 300 เอาหมด หาตังค์เองตั้งแต่เรียนรามฯ  

    ช่วงที่บอลถ้วยไม่มี เสาร์ อาทิตย์ เดินสายตามงานวัด ได้ 300 หรือ 500 เอาตังค์มาเรียนหนังสือ แล้ว 500 แมตช์ชิง สมัยก่อนนี่ถือว่าเยอะที่สุดแล้ว ถ้าแมตช์ทั่วไป รอบแรก รอบสอง ก็ 200 หรือ 150  

    เรียนถึงบ่ายสองจากนั้นซ้อมบอล
    พ่อผมให้เงินไปเรียนอาทิตย์ละ 150 บาท แต่ไม่พอ ไปเรียนรามฯ ต้องนั่งรถ 2 ต่อ เรืออีกต่อ สมัยก่อนไม่มีสะพานแขวน 150 บาท ค่ารถก็ไปเป็นสิบแล้ว กินข้าวอีก 2 มื้อ ผมเตะบอล  หาเงินเป็นค่าหนังสือ ค่าอะไร

    เพราะผมจะลงรามฯ แค่ประมาณบ่ายสอง จากนั้นก็ไปซ้อมบอล  เบี้ยเลี้ยงก็ 200 บ้าง 300 บ้าง ตอนนั้นซ้อมเล่นถ้วย ข ถ้วย ง อยู่   

    หนังสือต้องอ่านบอลก็ต้องเล่น
    ตอนผมอบรมอยู่ที่โรงเรียนนายร้อย  เขาก็มาคัดตัวนะ ตอนนั้นขึ้นอยู่กับ บช.ศ.เชื่อมั้ยว่า ทั้งนักเรียนนายร้อย ทั้งนักเรียนอบรม มีผมติดคนเดียว ที่เหลือเป็นนักเรียนพล 

    สมัยก่อนโรงเรียนพลขึ้นกับ บช.ศ.อบรมได้ 2 เดือน  เขามาคัดโรงเรียนนายร้อยพอดี  ช่วงนั้นกำลังจะฝึกปืน เดือนที่ 2 ติดไม่ติดไม่ได้สนใจ คือได้อู้ไว้ก่อน 

    คือถ้าซ้อมบอล  ไม่ต้องฝึกตอน 3โมงก็พอคัดติด ต้องไปแข่งที่ชลบุรี อีกครึ่งเดือน กลับมาก็อ่านหนังสือไม่ทัน ทำไงดี ต้องสอบ

    แต่ก่อนนักเรียนนายร้อยอบรม คะแนนสอบออกนี่มันสำคัญ เพื่อเลือกที่ลง กลับมานี่อ่านอุตลุด
                   
    เลือกโรงพักคลองน้ำใส อรัญฯใกล้กทม.สุด
    สอบได้ที่ 20 กว่านะ จาก 200 คน อาศัยกลับมาก็อาศัยอ่านชีทของเพื่อน อะไรแบบนี้ ได้ที่ 27 แต่เลือกที่ไหนรู้มั้ย สภ.ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ

    เอาไม้บรรทัดวัดแล้วใกล้กรุงเทพฯสุดแล้ว ตำแหน่งที่นั่น สมัยนั้น ในนครบาลมี 7 คน รุ่นผม 

    อยู่ปีครึ่งกลับมาพระประแดง
    อบรมเสร็จก็ไปลงที่นั่น  คิดว่าคงเลิกเตะบอลแล้ว เสื้อผ้าฟุตบอลที่เราเดินสายเล่นมาเต็มตู้แจกเด็กแถวบ้านหมด คิดว่าชีวิตนี้คงเลิกเล่นบอลแล้วเพราะไปอยู่ชายแดน  มีแค่เอาไว้ติดตัว 5-6 ชุด  ไว้เผื่อไปวิ่งออกกำลังกาย ก็ไปอยู่อรัญฯ  ปีครึ่งก่อนได้ย้ายกลับมาอยู่พระประแดง เป็นพนักงานสอบสวน
                  
    โค้ชน้อยชวนเล่นถ้วย ค.
    อยู่ได้แป็ปหนึ่ง ผมก็ไปซ้อมบอลที่บางมด พอดีเจอโค้ชน้อย-บงการ พรหมผุย  เขาเคยเห็นผมเล่นบอล ก็ถามว่า หมวด กลับมาเล่นบอลเหรอ ผมก็บอกว่าเปล่า กลับมาเล่นๆ แล้วเขากำลังทำบอลถ้วย ค ของ กทม. ผมก็ไปลงทีม ยิงกระจายเลย ด้วยความอยากเล่น พี่น้อยเลยบอกว่า หมวด มาเล่นถ้วยผม

    ก็ปฏิเสธเขาว่าไม่ได้เล่นบอลมาเป็นปี ร่างกายคงไม่ได้ แล้วผมเป็นพนักงานสอบสวน คงมาซ้อมบอลกับพี่ไม่ได้ เพราะต้องเข้าเวร เช้า บ่าย ดึก มาวิ่งเล่นสนุกๆ เป็นเพื่อนน้องๆคงพอได้ อะไรอย่างนี้

    ต่อด้วยยามาฮ่าคัพ
    ส่วนใหญ่บอลถ้วย ค  ก็จะ 19-21 ประมาณนี้  ยังเด็ก  ยังไม่ใช่ถ้วยใหญ่ คือถ้าไม่เจ๋งจริง ก็ไม่ได้ขึ้นถ้วยใหญ่  ก็ต้องไต่มา ถ้วย ค เราก็เทียบประมาณดิวิชั่น 3 อะไรอย่างนี้

    เอาวะ เล่นก็เล่น มีแรงแล้วนี่ เล่นของ กทม.ซ้อมที่สนามศูนย์เยาวชนบางมด พอเล่นถ้วย ค เสร็จ แกก็ชวนเล่นยามาฮ่า เล่นเขต กรุงเทพฯ อย่างเดียวเลย  ก็แลกเวรเลย
                 
    เล่นโปรวินเชียลปีเดียวเลิก
    ก็เล่นยามาฮ่า ไปเล่นเขต จนเล่นโปรวินเชียล จนอายุ 30 ผมก็เลิก เพราะพอย้ายมามักกะสัน ปุ๊บ เป็น พ.ต.ต.แล้ว หน้าที่การงานก็นั่นแล้ว  อายุก็ไม่ไหว  กระดูกสู้เด็กไม่ได้แล้ว คือเรารู้ตัวเอง เราเล่นบอล เล่นถ้วย ค ถ้วย ข แล้วก็เล่นยามาฮ่า แล้วก็มีโปรวินเชียล ที่มันเป็นไทยลีกปัจจุบันนี้

    ผมเล่นโปรวินเชียลครั้งแรกตอนนั้นอายุ 33 แล้ว เล่นได้ปีเดียวก็เลิก เพราะร่างกายมันไม่ไหว
                   
    ได้สนับสนุนเป็นรองผกก.สืบโชคชัย
    แต่ก็เดินสายกับเพื่อน เตะโน่นเตะนี่  ไปเตะชิงถ้วยแชมป์ เดินสาย แต่ไม่เล่นบอลถ้วย ไม่เล่นบอลเขตแล้ว ยามาฮ่า หรือไม่เล่นบอลที่ใหญ่ๆ   จนมาอยู่มักกะสัน เป็นพนักงานสอบสวนมา10กว่าปี  ก็ไปมาหาสู่ป๋า พี่ก๊อก เขาตลอด

    แกก็สนับสนุนผมจนเป็น รอง ผกก.สืบโชคชัย ทั้งพี่ทั้งน้อง ทั้งบ้านเลยดีกว่าที่เอ็นดูเมตตาผม
                   
    มีวันนี้เพราะฟุตบอล
    มีบุญคุณกับผมทั้งบ้าน พี่ก๊อก พี่กุ๊ก  ทั้งบ้านเมตตาเรามาตลอด มาด้วยฟุตบอลเลย เพราะ  1.ก็คือเมื่อก่อนเราก็อยู่กับป๋าเขามา ผมจะเรียกป๋า ตลอด เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะผมนี่เล่นบอลนี่เบิกตังค์ก่อนตลอด อย่างว่าเล่นถ้วยนี้

    ป๋าขอ 500 ผมไม่มีเงินไปเรียน เขาก็รู้  เอ็นดูเรา ช่วยทีละ 300 หรือ 500 ผมเป็นตำรวจ แกก็ช่วย ขนาดผมไม่มีตังค์ แกก็พาไปเลี้ยงข้าว คือความผูกพัน
                   
    นายเมตตาต้องไม่ให้เสียชื่อเสียง
     ตอนนั้นนายก็ยังไม่ได้เป็นใหญ่  ยิ่งตอนผมเล่นบอลถ้วย นายเขายังอยู่แถวอรัญฯ  แล้วก็ได้รับการสนับสนุน ท่านก็เมตตา ก็ได้ท่าน ทั้งพี่ก๊อก พี่กุ๊ก ก็ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กเลย

    ผมอยู่กับป๋ามาตั้งแต่ผมอายุ 17 คนไม่รู้ก็คิดว่าผมมารู้จักตอนนี้ คนไม่รู้ไง แต่สุดท้าย พี่ลพ นั่นแหละที่เป็นต้นธาร พาผมมาหาป๋า   เราก็พยายามประคองตัว ไม่ให้เสียชื่อเสียง ทำงานให้เต็มที่             

    ไม่เคยลืมว่ามาจากดิน               
    ทุกวันนี้ผมก็ไม่ลืมว่าผมมาจากดิน  บ้านผมอยู่หน้าโบสถ์ บ้านเก่าผม วัดราษฎร์บูรณะ  ไม่ได้อยู่ในบ้านพักตำรวจนะ  คือเกิดมาก็อยู่ในวัดแล้ว  มาเช่าที่วัดปลูกบ้าน  ก็เหมือนชุมชนแออัด

    พ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน จะให้ไปเอาตังค์ที่ไหน ยิ่งตำรวจสมัยก่อน แต่ผมก็ได้เพื่อนนะ เย็นเพื่อนก็เก็บแกงไว้ให้กิน อุ่นไว้ให้เสร็จ

    เอาฟุตบอลมาใช้กับงานตำรวจ
    เชื่อมั้ย ฟุตบอลกับงานของตำรวจก็ใช้ด้วยกันได้  ความที่เราเป็นนักบอล ทำให้เรามีน้ำใจเป็นนักกีฬา  คนเป็นนักบอล มันต้องมีความเป็นทีม ทีมเราจะเป็นแชมป์ได้  ต้องร่วมมือกัน มันก็มาใช้ได้ในการทำงาน

    ผมเป็น ผกก.ทุกครั้งที่ผมทำงาน ผมให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม บอกลูกน้องทุกครั้ง ทุกคนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะกองกลาง กองหน้า กองหลัง

    เพียงแต่แบ่งหน้าที่กันไป  ถ้าทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมก็เชื่อว่ามันจะสำเร็จ ก็ได้เอามาใช้ในการทำงาน
                   
    ใครเล่นไม่ดีก็ต้องเปลี่ยนตัว
    ทุกคนมีความสำคัญหมด  เหมือนฟุตบอลถ้าเล่นไม่ดี อาจจะถูกเปลี่ยนตัวนะ  ทุกวันนี้ ผมมาเป็นผู้จัดการทีม ไม่ได้เป็นผู้เล่น  ผมต้องดูพวกคุณเล่น จะเห็นว่าคุณเล่นดีหรือไม่ดี ถ้าคุณเล่นไม่ดี คุณจะต้องถูกเปลี่ยนตัว แต่ถ้าคุณเล่นดี ผมให้คุณเล่นต่อ 

    เหมือนการทำงานของตำรวจ คุณต้องรักษาสถานภาพของคุณให้ดี ถ้าคุณเกเร ผมอาจจะเอาคุณมาพัก ให้คุณสงบสติอารมณ์ แล้วค่อยส่งคุณไปเล่นใหม่ มันก็เหมือนกัน
                   
    ปี๊ดแรกเตือน 2ใบเหลือง 3ใบแดง
    แล้วผมก็ใช้ระบบการทำงานเหมือนกับเคยเป็นลูกน้อง  ไม่เคยเล่นงานใครนะ  ระบบแบบที่เล่นบอลมา ถ้าครั้งที่ 1 เป่าปี๊ด นี่ แสดงว่าฟาวล์นะ เตือนก่อนนะ แต่ถ้าปี๊ดที่ 2 นี่ ใบเหลืองนะ แต่ถ้าเอ็งโดนปี๊ดที่ 3 นี่ ใบแดง เอ็งต้องรับสภาพนะ

    แล้วถ้าเอ็งเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ แดงเลยนะ ทีเดียวเลยนะ เพราะฉะนั้นเอ็งก็ต้องไปดูว่า ควรจะทำตัวยังไง

    แต่ข้อสำคัญคือ ใครก็ตามที่ทำให้หน่วยงานที่ผมเป็นหัวหน้า แตกความสามัคคี ผมปลดออกเลย

    เพราะเราต้องอยู่กันด้วยความสามัคคี อยู่กันด้วยการแบ่งปัน พี่น้อง มีสุขร่วมเสพ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องแบบนี้ ผมเป็นแบบนี้
                   

    นี่คือผู้การแพะ-พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น PK7 ครับ

    เฮียเก๋ 28/8/63

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments