สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ยุคเจนเนอเรชั่น แซด
จั่วหัวของปีมังกรทอง หรือปีมะโรงงูใหญ่ 2567 เพียงสัปดาห์แรกของปีใหม่ สถานการณ์โลกร้อนแรงและเขย่าขวัญเกิดขึ้นมากมาย
นับตั้งแต่แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น บ้านเรือนตึกรามพังพินาศเป็นหน้ากลอง ผู้คนนับร้อยต้องสังเวยชีวิต เครื่องบินชนกันวินาศสันตะโร รวมทั้งสงครามอิสราเอลกับฮามาสที่ยืดยาวข้ามพ.ศ.ก็ยังรุนแรงไม่แพ้กัน
แต่เรื่องสุดฮือฮาสำหรับแวดวงการเมืองโลก ช่วงต้นสัปดาห์ที่ 2 ของปี หนีไม่พ้นเรื่องนี้
ประธานาธิบดีหนุ่มแอมานุแอล มาครง วัย 46 ปี แห่งฝรั่งเศส ประกาศแต่งตั้ง “นายกรัฐมนตรีหนุ่มกว่า” นามว่า กาเบรียล อัตตาล (Gabriel Attal) อายุเพียง 34 ปี
นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฝรั่งเศส ที่มีนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมี ทำลายสถิติของ โลรองต์ฟาเบียส วัย37 ปี ในยุคของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ มิตแตร์รองด์ เมื่อปี 2527
ที่น่าทึ่งตะลึงพรึงเพริศ กาเบรียล อัตตาล นอกจากหน้าตาหล่อหมดจดราวพระเอกซีรีส์เกาหลีแล้ว ยังออกแนว “เกย์” แถมพ่วงด้วย โดยที่เจ้าตัวประกาศเองว่าอยู่ในเพศทางเลือก LGBTQ+ ทันสมัยซะไม่มี
สำนักข่าวระดับโลกทั้งเอพี เอเอฟพีและอีกมากมายรายงานอย่างคึกคักว่าประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสที่เป็นผู้นำสมัยที่ 2 ได้ประกาศแต่งตั้ง กาเบรียล อัตตาล อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ในคณะรัฐมนตรีชุดเดิมที่นางเอลิซาเบธบอร์น (Elisabeth Borne)เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมใจยื่นใบลาออก เปิดทางให้ผู้นำประเทศปรับครม. ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567
กาเบรีบล อัตตาล นับว่าเป็นนักการเมืองหนุ่มที่พุ่งแรงแห่งพรรคเรอเนซ็องส์ ของประธานาธิบดีมาครง ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการ เดือนกรกฎาคม 2566
ก่อนหน้านี้เคยสังกัดพรรคสังคมนิยม ก่อนย้ายมาร่วมกับพรรคนายมาครง ที่ค่อนข้างเป็นพรรคสายกลาง
ช่วงโควิดระบาดหนัก นายกาเบรียล อัตตาล เป็นโฆษกรัฐบาล ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในฝรั่งเศส จากนั้นก็ไต่เต้าทางการเมืองแบบขึ้นลิฟท์ปรู๊ดปร๊าด
ว่ากันว่า การปรับครม.ของประธานาธิบดีมาครง เกิดขึ้นในระยะที่รัฐบาลเหลือเวลาสิ้นสุดในปี 2570 หรืออีกเกือบ 4 ปีนั้น เนื่องมาจากการที่มาครง มีคู่แข่งทางการเมืองคือ มารีน เลอ เพน (Marine Le Pen)และกลุ่มฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายขวาที่มีนโยบายต่อต้านการอพยพเข้าเมือง และต่อต้านอิสลามเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ต้องการให้ฝรั่งเศสพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสหภาพยุโรป หรืออียู ในเดือนมิถุนายน นี้
มารีน เลอเพน ได้เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ Xว่า ฝรั่งเศสจะคาดหวังอะไรได้จากนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ในรัฐบาลชุดที่ 5 (ภายใต้มาครง)? ไม่มีเลย
ตามกฎหมายฝรั่งเศส ประธานาธิบดีจะเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องได้รับการรับรองจากรัฐสภาฝรั่งเศส คาดกันว่า กาเบรียล จะต้องพบกับปัญหาเช่นเดียวกับอดีตนายกฯที่เสียการครองสียงข้างมากในสภาจนส่งผลให้มาครงต้องใช้อำนาจพิเศษทางรัฐธรรมนูญในการผ่านกฎหมาย
ส่วนฝ่ายพันธมิตรของมาครง ออกมาเตือนว่ายุโรปยามนี้ลุกเป็นไฟยากที่จะควบคุมได้ เนื่องจากพรรคการเมืองปีกขวากำลังสยายปีกครอบคลุมการเลือกตั้งสหภาพยุโรป
สเตฟาน เซจอร์น หัวหน้ากลุ่มการเมืองสายกลาง ถึงกับบอกว่า ความเสี่ยงของยุโรปไม่สามารถควบคุมได้ ดูท่าจะเป็นจริงมาก เพราะกลุ่มชาตินิยมเพิ่มมากทุกแห่งในยุโรป
แม้แต่ในอิตาลีก็เผชิญกับฝ่ายขวาจัด จนมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี (Giogia Maloni)สั่งแบนกลุ่มนาซีใหม่ หลังจากมีการแพร่คลิปกลุ่มชายฉกรรจ์ทำท่าเคารพพรรคนาซีหรือไฮ ฮิตเลอร์ หน้าอดีตที่ทำการพรรคอิตาเลียน โซเชียล มูฟเมนต์ หรือนีโอนาซีอิตาลี ที่ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจะพุ่งไปทิศทางใหม่ หรือวกกลับยังไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่ที่แน่นอน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน
ขอเพียงแค่รับสภาพความจริงให้ได้เท่านั้นแหละ
การเมืองระดับนานาชาติกับการเมืองไทยก็ไม่ต่างอะไรกันนัก เพียงแต่ผู้นำพรรคบางคนวัย 40 ต้นๆ ของไทย ยังถูกบ่นลั่นบางว่า “เด็กจัง” หรือคบเด็กสร้างบ้านไปซะงั้น
ดอนรัญจวน10/1/67