เที่ยงวันที่27ก.พ.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ตรวจยึด ปืนซิกซาวเออร์ รุ่น p320sp ขนาด 9 มม. หมายเลขประจำปืนปรากฏบนสไลด์ปืน T60127428 หมายเลขประจำปืน ปรากฏบนโครงปืน T60113331 จำนวน 1กระบอก พร้อมกระสุน16นัด
ตรวจยึดได้ภายในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ของนายอาทิตย์ ผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง จับกุมได้เมื่อวันที่14ก.พ.ที่ผ่านมา และให้การเพิ่มกับพงส.สภ.พระนครศรีอยุธยา มีปืนsig sauer อยู่ในรถอีก1กระบอบ
ตำรวจอยุธยาประสานให้ สน.วังทองหลางตรวจสอบจนพบ โดยหมายเลขประจำปืนปรากฏบนสไลด์ปืน T60127428 แต่หมายเลขประจำปืนปรากฏบนโครงปืน T60113331 ซึ่งแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ยังพบรอยขูดลบสัญลักษณ์ตราโล่บนสไลด์ปืนกระบอกดังกล่าวด้วย ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดีอีกส่วนหนึ่ง
ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีนี้ ว่า
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.กก.สส.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา
กรณีปืนซิกซาวเออร์ รุ่น พี 320 ของราชการ 11 กระบอก อยู่ในความรับผิดชอบได้ถูกคนร้ายลักเอาไป และมีอยู่ 1 กระบอก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ตรวจยึดไว้ได้พร้อมตัวผู้ต้องหา
จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เมื่อ 22 ธ.ค. 61 เวลาประมาณ 02.00 น. ส.ต.ท.สันติ จับเทียน ผบ.หมู่ฯ กก.สส.ฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่สิบเวรรักษาการณ์
แอบนำกุญแจคลังอาวุธ เปิดคลังแล้วลักเอาอาวุธปืนไป 11 กระบอก นำขายพลเรือนที่ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว จำนวน 3 คน
พนักงานสอบสวนได้ยื่น ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ในความผิดฐาน
“ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน หรือรับของโจร มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยผิดกฏหมาย”
จับกุมได้แล้ว 3 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 1 คน
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส.ต.ท.สันติ พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย
ในส่วนการดำเนินความผิดทางอาญากับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนั้น พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินตามข้อหาความผิดในข้างต้น และเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
สำหรับผู้ที่รับซื้ออาวุธปืนดังกล่าวไปจากกลุ่มผู้ต้องหาถือว่าได้กระทำความผิดฐานรับซื้อของโจรด้วย โดยจะขยายผลสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆและดำเนินการติดตามตรวจยึดอาวุธปืนกลับมาโดยเร็ว
ยืนยันจะดำเนินคดีผู้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระความผิดดังกล่าว โดยไม่มีการละเว้นและไม่มีผู้ใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ โปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากทำผิดจริง ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด โดยจะต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดา เพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเอง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ไม่เคารพต่อเกียรติของตำรวจ พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตรา ความสงบเรียบร้อย รวมไปถึง มาตรการในการป้องกันเหตุ สำรวจสิ่งของหลวงตามกำหนด โดยเน้นย้ำ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก และได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน
ให้กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัด อย่างใกล้ชิด คอยสอดส่อง ดูแล ให้ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น