ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงจับเครือข่ายลำเลียงยาเสพติด 10 ล้านเม็ดจากภาคเหนือสู่ปริมณฑล จ่อขยายผลพร้อมบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด
วันที่4 มี.ค. 67 เวลา 10.00 น.ณ ตำรวจภูธรภาค 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี
ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5)(สส 3)/รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก
ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 / รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี
พร้อมด้วยนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 1 ว่าที่ ร.ต.อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส.ภาค 1 พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก. นสศ. / ผู้ทรงคุณวุฒิคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย
ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ทีมลําเลียงสายเหนือ ผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 50 กระสอบ รวม 5,000 มัด ประมาณ 10,000,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300,000,000 ล้านบาท พร้อมรถยนต์ของกลาง
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 19.15 น. บริเวณลานจอดรถภายในสถานีบริการน้ํามัน PT สาขาโชคดีออยล์ (ขาเข้า กทม) ม.3 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ที่ได้ขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดที่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดทางพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทยเข้าก็มาสู่บริเวณและปริมณฑล ในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1
โดยพ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี ได้ประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้ เฝ้าระวังและติดตามหลังทราบการข่าวว่า ขบวนการดังกล่าวได้ว่าจ้างให้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา
จนในวันที่ 29 ก.พ.67 เวลาประมาณ 19.15 น. ขบวนการดังกล่าวได้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยรถบรรทุกฮีโน่ และใช้รถกระบะเป็นรถนำทาง เมื่อเข้าไปจอดในปั๊มหัวหน้าชุดปฏิบัติการได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น จนพบยาเสพติดบรรจุอยู่ในรถบรรทุกจำนวนมากถึง 10,000,000 เม็ด
พร้อมจับกุมผู้ต้องหา2รายคือ นายจรัสหรือคิว อายุ 47 นายธีรนันท์หรือเค อายุ 45 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการเพิ่มโทษกับผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี ในความผิดฐานยาเสพติดมาก่อนด้วย ตามนโยบายของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.โดยหลังจากนี้ตำรวจภูธรภาค 1 จะประสานกับ บช.ปส. และ ป.ป.ส.เพื่อเน้นดำเนินการขยายผล ต่อไป ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดในท้องตลาดที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท
ด้านพล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพและให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยนายคิว คนขับรถบรรทุก สารภาพว่าได้รับเงินค่าจ้างขนยาเสพติดจากจ.พะเยา มาส่งในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา 200,000 บาท ส่วนนายเค คนขับรถกระบะนำทางได้เงินค่าจ้าง 30,000 บาท และยังพบว่านายคิวถูกจับกุมดำเนินคดีฐานเป็นผู้เสพมาก่อน และรู้จักกับเครือข่ายจึงได้ผันตัวมาเป็นคนขนส่งในภายหลัง ทั้งนี้จากการสืบสวนเบื้องต้นพอทราบเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังแล้ว
ด้านนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ประชุมซักซ้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนายอำเภอทั่วประเทศ และกำชับให้ต้องการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องบูรณาการร่วมกับทุกฝ่ายทั้งตำรวจทหาร, .ป.ป.ส., รวมถึงองค์กรภาคเอกชนในการเฝ้าระวังและรับแจ้งเบาะแสยาเสพติด หากประชาชนมีเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่ตำรวจ 191, ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ โทรศัพท์ 1567