รองรอย – ผู้ช่วยประจวบ เร่งรัดขับเคลื่อนงานปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลการปฏิบัติ 2 ไตรมาส ดำเนินคดีไปแล้ว 8,370 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 7,143 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
วันที่ 7 เมษายน 2565 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) เปิดเผยว่า
ตามนโยบายรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและต้องการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน มีมูลค่าความเสียหายอันเกิดจากการกระทำความผิดเป็นมูลค่าสูง ส่งผลกระทบต่อประชาชนและทรัพยากรของชาติในส่วนร่วม ตลอดจนส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับสากล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติในด้านการป้องกันปราบปราม โดยได้จัดตั้ง “ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.)”
มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปทส.ตร. โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปทส.ตร./หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ และมี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปทส.ตร./หัวหน้าส่วนอำนวยการ ตาม คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 513/2564 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2564
มีเป้าหมาย “เพื่อให้การปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมในทุกมิติ”
พล.ต.อ.รอยฯ กล่าวว่า ผลการปฏิบัติของศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) ในรอบ 2 ไตรมาส (1 ต.ค.64 – 31 มี.ค.65) ที่ผ่านมา มีผลการปฏิบัติในคดีเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้ง 4 ด้าน ทั่วประเทศ ดังนี้
1. การตัดไม้ทำลายป่า ดำเนินคดี 2,550 คดี มูลค่าความเสียหาย 111,355,009 บาท
2. การบุกรุกพื้นที่ป่า ดำเนินคดี 1,423 คดี มูลค่าความเสียหาย 333,105,824 บาท
3. การค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินคดี 588 คดี มูลค่าเสียหาย 10,798,720 บาท
4. การทำลายสิ่งแวดล้อม ดำเนินคดี 3,809 คดี มูลค่าความเสียหาย 51,433,665 บาท
รวมการดำเนินคดีทั่วประเทศ 8,370 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 7,143 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 506,693,218 บาท
คดีที่สำคัญที่ได้รับความสนใจในห่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น คดีพบซากช้างป่าเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลา และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ตรวจสอบทั้ง 2 คดี มีความเชื่อมโยงกัน ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน เชื่อว่าเป็นการฆ่าช้างเพื่อเอางา
จากการลงพื้นที่ของชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวน สามารถจับผู้ต้องหา ผู้รับซื้องาช้าง และยืดอาวุธปืนที่ใช้ในการกระทำความผิดได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม
คดีเสือโคร่ง สภ.ปิล็อก จว.กาญจนบุรี จากการสืบสวนหาข่าวทราบว่า ที่หมู่บ้านซองกาเลีย ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มีการนำหนังเสือและชิ้นส่วนของสัตว์ป่าอื่น ๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน มาเก็บไว้เพื่อจำหน่ายให้กับนายทุนชุดปฏิบัติการได้วางแผนติดต่อเพื่อขอซื้อสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่า
ต่อมาวันที่ 15 ก.พ.65 สายลับได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหา 20,000 บาท นัดหมายรับสินค้าที่สุกัญญารีสอร์ท ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
เข้าไปตรวจสอบที่รีสอร์ท พบผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้ปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นปัญหาที่มีความสำคัญเร่งด่วน และมีมูลค่าความเสียหายอันเกิดจากการกระทำความผิดในมูลค่าสูง อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อประชาชนและทรัพยากรของชาติในส่วนร่วม ตลอดจนส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับสากล
พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายห้ามยุ่งเกี่ยวหรือเรียกรับผลประโยชน์ในทางมิชอบ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ บำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลอันเป็นประโยชน์ของประเทศในทุกมิติ เพื่อความสงบสุขของประชาชน สังคมและประเทศชาติ สืบไป