จากกรณีเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่7จังหวัดภาคใต้ หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาความเชี่อมโยง
กระทั่งวานนี้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจากเหตุระเบิดหลายจุดใน 7 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ในฐานความผิดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่ หลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงพบความเชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งพบว่าขบวนการดังกล่าวมีทั้งหมด 17 คน ถูกควบคุมตัวในมทบ.11จำนวน 10 คน และบางส่วนอยู่ระหว่างการติดตาม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา10.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ปากคำและมอบหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากเมื่อคืนวาน(17ส.ค.)ที่ผ่านมาพล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้เพื่อนำเอกสารพยานหลักฐานมามอบให้กับตำรวจกองปราบปราม ทั้งนี้มีรายงานว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ควบคุมตัวผู้ที่เชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบได้ทั้งหมด 17 คน ก่อนนำตัวไปควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เป็นชาย 13 คนและหญิง 4 คน ซึ่ง6ใน17คน เป็นแกนนำสำคัญทำหน้าที่ในการ ประสานงานติดต่องานและเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามช่วงบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามจะรวบพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลทหารออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในฐานความผิดตามคำสั่งคสช.ที่3/2558 ห้ามการชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และในฐานความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา209 ในฐานความผิดกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าคุมตัวนายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อาชีพซื้อ-ขายของเก่า ไปคุมตัวเพื่อสอบสวนหลังพบความเชื่อมโยง จากนั้นช่วงค่ำของวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสรศักดิ์ย่านถนนเรียบมอเตอร์เวย์ ทับช้าง โดยตรวจยึดปืนอาก้า 1กระบอก พร้อมแม๊กกาซีน 2 อัน และเครื่องกระสุน 31 นัด ซึ่งถูกซุกซ่อนไว้ในท่อน้ำพีวีซีสีฟ้าในบ้านดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าทีมสืบสวนได้แบ่งกลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้ออกเป็นสามกลุ่มหลักๆ คือกลุ่มผู้บงการหรือหัวหน้าขบวนการที่ว่าจ้างในการทำระเบิด กลุ่มผู้ประสานงานติดต่องานและเคลื่อนไหว และกลุ่มผู้ประกอบระเบิดและวางระเบิด โดยผู้ต้องหาทั้ง 17 คนที่ถูกออกหมายจับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ประสานงาน เป็นขบวนการที่ต่อต้านการรัฐประหารหรือที่ทหารเรียกว่าเป็นกลุ่มแดงฮาร์ดคอ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี โดยกลุ่มคน 17 คนนี้ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มที่เป็นผู้ว่าจ้างหรือหัวหน้าขบวนการที่ตอนนี้แนวทางสืบสวนพบว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับกลุ่มที่ลงมือประกอบระเบิดและวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัด แนวทางการสืบสวนพบว่าเป็นกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการแบ่งกันทำหน้าที่กั
นอย่างเป็นระบบ คือ กลุ่มหาวัสดุในการประกอบระเบิด กลุ่มที่ลงมือประกอบระเบิด และกลุ่มที่นำระเบิดไปวางตามสถานที่ต่างๆ
ทั้งนี้มีรายงานล่าสุดว่า ชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 และชุดสืบสวนของกองปราบปรามที่เข้าคลี่คลายคดีระเบิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบแล้วว่าคนร้ายที่มาวางระเบิดหัวหินมีจำนวน 3 คน วางระเบิดรวม 6 จุด จากการสอบปากคำพยานพบว่าทั้ง 3 คน ไม่สามารถพูดไทย หรือภาษายาวีได้ แต่ภาษาที่พูดคล้ายของประเทศกัมพูชา หรือไม่ก็พม่า เมื่อวางระเบิดเสร็จได้เดินทางกลับออกจากพื้นที่หัวหินทันที ด้วยการเดินทางโดยรถโดยสารมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่จะมีการจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งในส่วนนี้ชุดทำงานกำลังเร่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสเก็ตซ์ภาพใบหน้าทั้ง 3 คน อยู่
ทั้งนี้มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนของหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 17 รายเป็นนักเคลื่อนไหว ในนาม “พรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย” หรือนปป. โดยจุดประสงศ์ของขบวนการนี้ต้องการที่จะปฏิวัติการปกครอง มีแนวคิดจากพวกซ้ายเก่าหรือคอมมิวนิสต์ โดยมีการนำความคิดของคอมมิวนิสต์มาเป็นแนวทางในการเคลื่อนไหว เริ่มเคลื่อนไหวประชุมมาตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.58 โดยใช้บ้านพักแห่งหนึ่งในย่านบางกรวยเป็นสถานที่ประชุมวางแผน โดยมีการระดมมวลชนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง กระจายตัวและได้แบ่งความรับผิดชอบออกเป็น 11 เขต ทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ตอนล่างและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งมีการแบ่งงานกันชัดเจนเป็นฝ่ายต่างๆอาทิเช่น ฝ่ายมวลชน ฝ่ายจัดหาอาวุธ ระดมทุน ฝ่ายต่างประเทศ เป็นต้น โดยร่วมมือกับกลุ่มหัวรุนแรงที่มีความเห็นต่าง รวมทั้งขบวนการบี อาร์ เอ็น ที่แตกแถวมารับงานจ้างก่อเหตุ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 ส.ค.พบความเคลื่อนไหวในการเตรียมพร้อมที่จะก่อเหตุ หลังประกาศผลรับหรือไม่รับร่างประชามติ อย่างไรก็ตามในในกลุ่มแกนนำหลักทั้ง 6 คนที่คุมตัวได้นั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การรับว่าเป็นหัวหน้าเขตต่างๆถึง 3 คน
รายงานข่าวระบุว่าสำหรับผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจออกหมายจับศาลทหาร ในฐานความผิดตามคำสั่งคสช.ที่3/2558 ห้ามการชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และในฐานความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา209 ในฐานความผิดกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่ ประกอบไปด้วย 1.นายประพาส โรจน์พิทักษ์ 2.นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา 3.นายชินวร ทิพย์นวล 4. นายวีระชัฎฐ์ จันทร์สะอาด 5.นายศิริฐาโรจน์ จินดา 6.นายปราโมทย์ สังหาญ 7นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ 8.นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ 9.นายวิโรจน์ ยอดเจริญ 10นายศรวัชษ์ กุระจินดา 11.นายเหนือไพร เซ็นกลาง 12.นายบุญภพ เวียงสมุทร 13 ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ 14ร.ต.ต.หญิงวิไลวรรณ คูณสวัสดิ์ 15.ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ 16น.ส.รุจิยา เสาสมภพ และ17น.ส.มีนา แสงศรี นอกจากนี้ในส่วนนายสรศักดิ์ ดิษปรีชา ได้ถูกศาลทหารออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่ได้รับอนุญาตไว้ในความครอบครอง
ทั้งนี้แนวทางการสืบสวนพบว่าในการประกอบระเบิดครั้งนี้เป็นฝีมือของ นายอาหะมะ เล็งฮะ ชาวจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ตากใบ ทั้งนี้พบว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลย์เชีย) ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการประสานติดตามจับกุมตัว