เรื่องนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจ หรือส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากนัก และคนก็จะไม่ให้ความสนใจอะไร
สังคมไทยสนใจใคร่รู้ว่า ดารา อินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ หรือเซเลบคนไหน ไปมีอะไรงุบงิบ งับแข้งขาใคร ใครแย่งผัวแย่งแฟนใคร ใครทำใครท้อง ใครพลิกวิกฤตสร้างชื่อกลายเป็นไอดอลคนดัง หาสตางค์จนร่ำรวยอู้ฟู่ หรืออาจารย์อุปโลกน์วิปริตเป่าคาถาอุบาทว์มากกว่าเสียอีก
จนสื่อหลักสื่อหลอก ถือเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ไปแล้ว
เรื่องเกริ่นข้างต้นที่ว่าคนในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจนั้น มาจาก ส.ส.หนุ่มไฟแรง ‘รังสิมันต์ โรม’ แห่งพรรคก้าวไกล ออกมาเผยทางเฟซบุ๊กเมื่อไม่กี่วันนี้
แย้งรายงาน ‘มติชนสุดสัปดาห์’ ว่ารับรายงานจากทางไหนหรือจากใคร
ยืนยันว่าเขาไม่เคยสมัคร หรือขอสมัคร หรือบอกใครต่อใครว่า รอให้อายุถึงก่อน จึงจะสมัครเรียน ‘วปอ.’หรือ ‘วปอ.บอ.’
พร้อมกับชี้แจงว่า เคยมีสื่อสำนักหนึ่งถามว่า เห็นคนไปเรียนกัน ไม่สนใจสมัครเรียนบ้างหรือเขาบอกสื่อรายนั้นว่า
เคยคิดนะ แต่สุดท้ายไม่ดีกว่า ตอนนั้นที่บอกแค่เคยคิด เผื่อจะไปเอาข้อมูลมาอภิปรายการทุจริตคอรัปชันในสภา
เพราะปกติการจัดซื้อจัดจัดจ้างที่มีการทุจริต ข้อมูลที่ได้มักจะมาจากผู้เสียผลประโยชน์ฝ่ายหนึ่งนั่นเอง
แล้วสำทับย้ำว่า ‘ผมไม่ได้คิดจริงจัง ผมคงไม่สมัครเรียน’
ก่อนจะหยอดให้คิด ถ้ามติชนสุดสัปดาห์เอาข้อมูลมาจากรายงานข่าวนั้นแล้วตัดจบแค่นี้ จะทำให้คนเข้าใจเจตนารมณ์ของเขาผิด
ส่วนรายงานของมติชนสุดสัปดาห์ ต้นตอที่ทำให้ส.ส.รังสิมันต์ โรม ต้องออกมาขี้แจงนั้น สรุปย่อๆ ว่าด้วยเรื่องการสร้าง ‘หลักสูตรการป้องกันราขอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต(วปอ.บอ.)”ฟังดูอลังการอวกาศเมตาเวิร์สไม่ยันเบา
ว่ากันว่าจะเปิดรุ่นแรกเพื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนต่อไป
หมายความตามถ้อยว่ากองทัพเปิดหลักสูตรนี้รุ่นแรก เพื่อเตรียมความพร้อมด้าน ‘คอนเน็กชั่น’ จะมีคนรุ่นใหม่ในทุกแวดวง ทั้งราชการ เอกชน ภาคธุรกิจ นักการเมือง คนเด่นคนดัง มาเรียน
วปอ.บอ. หรือมินิ วปอ.ไม่ใช่เพิ่งคิดขึ้นเพื่ออุ๊งอิ๊ง เตรียมตัวเป็นนายกฯหรอก แต่มีแนวคิดมาตั้งแต่ปี2558 เพียงติดขัดมาจนสำเร็จในยุค พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุด
เพราะเห็นว่ากองทัพควรสร้างมวลชนคนรุ่นใหม่ หลังจากเห็นพรรคอนาคตใหม่ดึงมวลชนคนหนุ่มสาว มาร่วมอุดมการณ์ ก่อนจะขยับขยายเป็นพรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จนขั้วอนุรักษ์ชักหวั่นไหว
มาถึงยุคบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ได้มอบหมายเพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 คือ บิ๊กต๋อง พล.อ.อ.ภูมิใจ เลขสุนทรากร ผบ.สปท. รับหน้าที่สานต่อหลักสูตร วปอ.บอ.จนสำเร็จลุล่วง
พล.อ.ทรงวิทย์ ได้ขออนุมัติจาก นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเคยให้ข้อสังเกตเชิงลบตอนปิดหลักสูตรวปอ.65เมื่อก.ย.66 ว่า เป็นหลักสูตรของอภิสิทธิ์ชน คน 1 %ของประเทศ หวังสร้างคอนเน็กชั่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จนต้องปรับภาพลักษณ์ให้เป็นการสร้างคอนเน็กชั่นเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ดูหรูเท่แต่จริงหรือไม่ต้องเฝ้าติดตามตอนต่อไป
สำหรับหลักสูตรวปอ.บอ.ปิดรับสมัครปลายปี2566 มียอดสมัครก็ว่า600คน แต่จะคัดไว้เพียง 150คน
หลักสูตร ข้าราชการเรียนฟรี ส่วนภาคเอกชนเก็บคนละ 1.3แสนบาท ระยะเวลา 6เดือน สัปดาห์ละ 2วัน
มาถึงย่อหน้าที่ ‘รังสิมันต์’ชี้แจงรายงานมติชนสุดสัปดาห์ ที่ระบุว่า นอกจากน.ส.แพทองธารที่สมัครเรียนแล้วยังมีคนในภาคการเมืองสมัครเกือบ 30 คน และมีทั้งส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน
มีรายงานว่า นายรังสิตมันต์ โรม ก็อยากที่จะเรียน แต่อายุไม่ถึง 35 ปี ตามเกณฑ์ 35-42 ปี ก็อาจจะรอรุ่นต่อไป
ในเชิงกลยุทธ์ที่กองทัพใช้การอบรมหลักสูตร วปอ.เป็นเครื่องมือสร้างเครือข่ายมวลชน นับว่าประสบความสำเร็จสูง เป็นการแทรกซึมความคิดได้ดี
หลายสถาบันก็เปิดหลักสูตรคล้ายๆกันนี้ ทั้งสถาบันพระปกเกล้าฯ วิทยาลัยตลาดทุน ตลอดจนแวดวงตุลาการ ก็มีหลักสูตรเหล่านี้
กองทัพต้องแย่งชิงมวลชนกับฝ่ายที่เรียกว่าหัวก้าวหน้า จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ เล็งดึงคนรุ่นใหม่อายุ 35-42 ปี และรวมถึงบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ ดารา นักร้อง คนมีชื่อเสียง สามารถมาสมัครเรียนหลักสูตรนี้ได้ด้วย
บรรดาอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้มียอดผู้ติดตามสูง จะตามมาเป็นแนวร่วมของกิงทัพในโซเชียลมีเดียเช่นกัน
ในการรายงานของสื่ออย่างที่กล่าวมาเป็นการจับต้นชนปลายจากฟังเขาว่ามาอีกทอดหนึ่ง จน ‘รังสิมันต์’ยืนยันว่า ไม่มีความคิดจะสมัครเรียน วปอ.บอ เลยนั้น
มันทำให้ความน่าเชื่อถือของรายงานข่าวชิ้นนั้นลดลงไม่มากก็น้อยล่ะ
คือนอกจาก ‘รังสิมันต์’ปฏิเสธไม่คิดสมัครแล้ว ยังเสนอแนะเจ้าของหลักสูตรให้ยึดหลักไม่ให้ศาล อัยการ ตำรวจ กลุ่มทุนนักธุรกิจสมัครเรียน ควรเปิดกว้างสอบคัดเลือก อย่างโปร่งใส เขียนรายงานประกอบ
ไม่ใช่แค่สัมภาษณ์ พัฒนาสถาบันป้องกันประเทศฉบับมหาวิทยาลัยเป็นคลังสมองด้านความมั่นคง
สุดท้ายใช้เงินภาษีประชาชนให้น้อยที่สุด หรือไม่ใช้เลย ถ้าทำได้จะเป็นประโยชน์ต่อชาติ หากไม่ได้ก็ไม่มีหลักสูตรเหล่านี้ดีกว่า
นี่เป็นคำถามแทนสังคมไทยว่า ‘คอนเน็กชั่น’สร้างไว้เพื่อตัวเองและพวกพ้อง อย่างกระนั้นหรือ
ถ้าวัตถุประสงค์แท้จริงเป็นอย่างนี้ เห็นที ‘อาจารย์แมน’คงถูกดึงมาสมัครเรียนในรุ่นถัดไปเป็นแน่แท้เทียว
ดอนรัญจวน14/1/66