ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. รองผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์ (ศปจร.น.) แถลงข่าว พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก พ.ต.ท.ภูริส จินตรานันท์ รองผกก.ป.สน.บางรัก พ.ต.ท.กฤชณัท เหล่ากอ สว.สส.สน.สำราญราษฎร์ ร.ต.อ.ศรายุทธ เที่ยงตรง รองสว.สส.สน.สำราญราษฎร์
จับกุมนายนิมิตร หรือคิว อายุ 20 ปี นายโอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และนายอ้วน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นศ.ชั้นปี 2 สถาบันแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี
ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
พร้อมด้วยของกลาง รถจยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีขาว-ส้ม ทะเบียน 7กท 3202 กรุงเทพมหานคร รถจยย. ยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน ทะเบียน รลจ 32 กรุงเทพมหานคร รถจยย.ยามาฮ่า มีโอ สีชมพู ทะเบียน กมง 15 ฉะเชิงเทรา และรถจยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน 7กก 1414 กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า มีเหตุคนร้ายโจรกรรมรถจยย.ในกทม.หลายท้องที่ มีรถหายมากกว่า 30 คัน ฝ่ายสืบสวนแกะรอยจากคดีลักรถจยย. เหตุเกิดคืนวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายก่อเหตุลักรถจยย.บริเวณวัดราชบพิตร ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์
จากการการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้าย 2 คน ขี่รถจยย.ฮอนด้า รุ่นพีซี-เอ็กซ์ สีขาว-ส้ม ซ้อนท้ายกันมา พบรถจยย.เป้าหมาย คนขี่จะลงไปหักคอรถที่ล็อกคอเอาไว้ จากนั้นคนซ้อนท้ายขี่จยย.โดยให้เพื่อนร่วมแก๊งขี่จยย.ใช้เท้าถีบรถจยย.ที่โจรกรรมนำไปซุกซ่อนบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ และสถานีโพธิ์นิมิตร
ชุดจับกุมไล่กล้องวรจรปิดพบว่า คนร้ายขี่รถจยย.ใช้เส้นทางสะพานพระปกเกล้า วงเวียนใหญ่ ถนนราชพฤกษ์ ขี่รถกลับบ้านที่อยู่ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 8 จึงติดตามจับกุมทั้ง 3 คน ได้ที่บ้านเช่าในซอยดังกล่าว ยึดของกลางรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุ 3 คัน และรถจยย.ผู้เสียหาย 4 คัน
ผู้ต้องหามีเฟซบุ๊กตั้งชื่อว่า “แก๊งวายร้ายตากสิน” หัวหน้าแก๊งชื่อนายทศ ถูกจับคดียาเสพติดและคดีโจรกรรมรถยนต์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว สอบสวนผู้ต้องหาว่ารับสารภาพก่อเหตุทั้งหมดจำนวน 9 สน. ได้แก่ สน.สำราญราษฎร์ 2 คดี สน.พลับพลาไชย 1 จำนวน 2 คดี สน.จักรวรรดิ์ 1 คดี สน.บางรัก 2 คดี สน.นางเลิ้ง 1 คดี สน.วัดพระยาไกร 3 คดี สน.ปทุมวัน 1 คดี สน.บุปผาราม 4 คดี และสน.พญาไท 3 คดี รวม 19 คดี
พ.ต.ท.กฤชณัท กล่าวว่า สอบสวนทราบว่า นายนิมิตร เป็นคนขี่รถและลงไปหักคอรถจยย. ส่วนเยาวชนเป็นคนซ้อนท้ายจับคู่กันก่อเหตุผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และยังมีร่วมแก๊งอีก 2-3 คนหลบหนีไปอยู่ระหว่างติดตามจับกุม ผู้ต้องหานำรถไปขายเอเย่นต์ย่านสถานีรถไฟฟ้าบุคคโล ราคาคันละ 7,000-9,000 บาท ถ้าขายไป 7,000 บาท คนขี่รถหักคอจะได้ 4,000 บาท ส่วนคนซ้อนท้ายได้ 3,000 บาท ก่อนส่งรถผ่านบริษัทขนส่งชื่อดังแห่งหนึ่งไปขายยังประเทศพม่า ผ่านชายแดนแม่สาย โดยเจ้าหน้าที่ติดตามรถจยย.คืนมาได้อีก 3 คัน
ตรวจสอบประวัตินายนิมิตร เคยถูกจับคดีลักรถ นายอ้วน เคยถูกจับคดีปล้นทรัพย์ นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ดำเนินคดีต่อไป