สืบนครบาล รวบ “เมย์ พิมพ์ประภัสสร“คราบนักบุญตุ๋นหลอกลงทุน Forex แปลงโฉมใส่วิกตบตาหลบหนี
สืบนครบาลจับกุมเมย์นักบุญตุ๋นคาวัดดังย่านคลองหลวง หลอกเหยื่อลงทุนให้ดอกสูงเกินจริง ผู้ต้องหาเป็น“หัวเรือ” หรือ “แม่ทีม” คนสำคัญ ได้ชักชวนผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนได้เป็นจำนวนมาก และยังมีการ “ไซโค” ต่อๆ กันว่า หากสามารถชักชวนผู้สนใจมาร่วมลงทุนได้เยอะ จะได้สิทธิพิเศษ ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้มีผู้สนใจเข้าไปร่วมลงทุนจำนวนมาก ผู้เสียหายสูญเงินกว่า 5,000,000 บาท โดยข่มขู่เหยื่อหากแจ้งความจะไม่ได้รับเงินคืน ซ้ำยังมีพฤติกรรม face off แปลงโฉมหวังตบตาเพื่อพรางตัวการหลบหนีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการให้พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร, ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฯ, จ.ส.ต.ณัฐกิต เชื้อสุข ผบ.หมู่ฯ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผบ.หมู่ฯ, จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู ผบ.หมู่ฯ และเจ้าหน้าที่สืบนครบาล
ร่วมกันจับกุมนางสาว พิมพ์ประภัสสร อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ จ.105/2566 ลงวันที่2 มี.ค. 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน“จับกุมได้ภายในลานจอดรถวัด ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
กล่าวคือ ประมาณปี 2560 แชร์ลูกโซ่ออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย ซึ่ง บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด เป็นหนึ่งในนั้น มีพฤติกรรมกล่าวอ้างว่ารับฝากเงินลงทุน นำไปเพิ่มมูลค่าโดยการนำไปเทรดค่าเงิน forex และรับรองกำไรที่ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 จากเงินลงทุน ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเข้าไปร่วมลงทุนจำนวนมาก
อีกทั้งผู้ต้องหารายนี้เป็นหนึ่งใน “หัวเรือ” หรือ “แม่ทีม” คนสำคัญ โดยได้ชักชวนผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนได้เป็นจำนวนมาก และยัง“ไซโค” ต่อๆ กันว่า หากสามารถชักชวนผู้สนใจมาร่วมลงทุนได้เยอะ จะได้สิทธิพิเศษ ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้มีผู้สนใจเข้าไปร่วมลงทุนจำนวนมากผู้เสียหายในคดีนี้ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนกว่า 5,000,000 บาท
แต่หลังจากวงแชร์ล่ม ผู้บริหารบริษัทเริ่มถูกจับกุม จากนั้น ผู้ต้องหารายนี้ ได้เลิกอาชีพแม่ทีม และผันตัวมาเป็นเจ้าแม่สายบุญในปัจจุบัน
ต่อมา ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลังจากไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง และไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ จากนั้นได้มีการออกหมายเรียกเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียก จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์หรือผู้การจ๋อ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ทีมงานสืบนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนได้ข้อมูลสำคัญว่า ผู้ต้องหามักไปทำบุญที่วัดทุกวันพระเป็นประจำ โดยปรับเปลี่ยน“ทรงผม” อยู่บ่อยครั้ง เพื่ออำพรางตัวเองไม่ให้เป็นที่จดจำของเจ้าหน้าที่
ผู้การจ๋อจึงส่งตำรวจหญิงใส่ชุดขาวแฝงตัวเข้าร่วมการทำบุญและปฏิบัติธรรมในวัดดังย่านคลองหลวง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน พบกับ น.ส.พิมพ์ประภัสสรฯ ผู้ต้องหา ที่มีทรงผมใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ น.ส.พิมพ์ประภัสสรฯ ผู้ต้องหา ใส่วิกผมสีน้ำตาลติดโบสีขาวด้านหลัง แต่ไม่สามารถตบตาตำรวจได้ จึงเฝ้ารอจนเสร็จสิ้นการปฏิบัติธรรมและจับกุมได้คาวัด
ชั้นจับกุม น.ส.พิมพ์ประภัสสรฯ ให้การปฏิเสธ ให้การว่าสิ่งที่ตนทำเป็นการลงทุนจริงๆไม่ได้เป็นการฉ้อโกง เพราะตนก็ได้เงินจริง ส่วนเรื่องที่เป็นคดีความเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2560 ได้รับการชักชวนจากคนรู้จักให้ร่วมลงทุนเกี่ยวกับการเทรดหุ้น ตนได้เงินจากการลงทุนจริง ได้ผลกำไรจากการลงทุนร้อยละ 7 ต่อเดือน
เมื่อได้เงินจริงก็เริ่มชักชวนคนรอบตัวมาร่วมลงทุนเพิ่ม โดยตนเองได้ไปถ่ายรูปร้านเพชรและกิจการที่จังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้มีคนสนใจมาลงทุนด้วยจำนวนมาก
ต่อมา เมื่อปี 2561 บริษัทที่ลงทุนเริ่มประสบปัญหาในการจ่ายปันผล ไม่ได้เงินตามที่ลงทุนไป ทำให้ตนไม่ได้นำเงินไปจ่ายให้กับคนที่ชักชวนมาจึงเกิดคดีความขึ้น และในส่วนของเรื่องการเปลี่ยนทรงผมบ่อย เพราะมีผมสั้นเพิ่งสึกจากการบวชที่วัดแถวพิษณุโลก ทำให้ต้องใส่วิกผมยาวตอนออกไปวัดธรรมกาย
ตนชอบการทำการทำบุญและปฏิบัติธรรมมาก เพราะให้จิตใจสงบ ส่วนการเปลี่ยนแปลงทรงผมบ่อยๆ นั้น เป็นเพราะว่าลูกชายให้เปลี่ยน เนื่องจากลูกชายได้รับไอเดียการเปลี่ยนแปลงทรงผมใหม่ๆ มาจากสื่อออนไลน์ ตนจึงได้เปลี่ยนตามเพราะลูกชอบหลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันอาชญากรรมออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของประชาชน โดยคนร้ายได้ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือในการหลอกล่อเหยื่อให้ร่วมลงทุนหรือโอนทรัพย์สิน ทำให้มีผู้เสียหายในคดีรูปแบบนี้เป็นจำนวนมาก
จึงฝากความห่วงใยไปยังประชาชนทุกท่านขอให้รู้เท่าทันกลโกงเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ หากท่านการกระทำความผิดโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ“สืบนครบาล IDMB”