สายๆถึงบ่าย 2 โมงกว่าของวันที่7 ธ.ค.60 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการรวมกลุ่มพบปะสังสรรค์ตำนานนักสืบเมืองกรุง “สืบเหนืออันเกรียงไกร”
ตัวตั้งตัวตีคือ บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณอยุธยา อดีตรองผบ.ตร. พี่ใหญ่-พล.ต.ต.จิรสิทธิ์ มหินทรเทพ อดีตรองผบช.ก. ร่วมด้วยตำนานนักสืบอย่าง พล.ต.ต.วาทิน คำทรงศรี อดีตผู้ช่วย ผบช.ก. อดีต ผกก.สส.น.เหนือ พล.ต.ต. คงเดช ชูศรี อดีตผู้ช่วย ผบช.ก.และอดีตรองผบก.น.เหนือ พ.ต.อ.สัญจัย บุณยเกียรติ อดีตผกก.สส.น.ธนฯ ยุคเดียวกับพ.ต.อ.วินัย เปาอินทร์ ผกก.สส.น.เหนือ และพ.ต.อ.อาทิจ ชูตินันท์ ผกก.สส.น.ใต้ และพล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช อดีตผบก.ประจำสง.ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.ต.อังกูร อาทรผไท อดีตผู้การทางหลวง อดีตสืบสวนใต้อันเลื่องชื่อ
ท่ามกลางบรรดานักสืบระดับตำนานรุ่นกลางอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น รองจึ๊ก-พล.ต.ต.ฐนพล มณีภาค อดีตรองผบช.ภ.2 พ พ.ต.อ.สุพจน์ พรหมศิริ อดีต รองผบก.น.5 พ.ต.อ.สมภพ พงษ์ฤกษ์ อดีตรองผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสติ อดีต ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ อดีต ผกก.สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต รวมทั้งรุ่นเล็กที่อยู่ในราชการอย่าง พ.ต.อ.สีหศักดิ์ สร้อยศรี รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รวมทั้งชั้นประทวน อย่าง สารวัตรแป๊ะ ป๋าช่วย ป๋าเกียรติ ป๋าศักดิ์ แม่งานที่ทำให้เกิดงานพบปะ
สำหรับสืบสวนนครบาล ทั้งเหนือ ใต้ ธนฯในยุคก่อนปี20 ยังเป็นยุคการสืบสวนนอกรูปแบบ จากนั้นต่อด้วยยุคการเลี้ยงโจรเพื่อจับโจร กระทั่งช่วงปี 45 ต่อจนถึง 60 ปัจจุบัน เป็นการดึงประชาชนเข้ามีส่วนร่วม เป็นงานสืบสวน ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะฉะนั้นตำรวจรุ่นใหม่ จะไม่รู้จักวิธีการทำงานของตำรวจรุ่นที่ยังไม่แยกเป็น บก.น.1-9 ว่ามันยากกว่ากันอย่างไร มันเสี่ยงกว่ากันอย่างไร มันอันตรายกว่ากันอย่างไร สมัยนี้ไม่มีแล้ว เฝ้าจุด สะกดรอย ไปซุ่มเฝ้า ไปอะไร แทบจะไม่มีแล้ว สืบกันบนโต๊ะ แล้วก็ใช้เทคโนโลยี แล้วก็ค่อยไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นประธานเปิดงานบอกถึงวัตถุประสงค์การจัดงานพบปะครั้งนี้
“ การทำงานสมัยของเรากับเด็กสมัยนี้จะแตกต่างกัน เฝ้าเป็นวัน เฝ้าเป็นคืน แปลงตัวเข้าไปแฝง เข้าไปอะไรต่างๆ นานา สมัยนี้ไม่มีแล้ว วิธีการทำงานมันก็เปลี่ยนไป แต่ก็เป็นไปตามสภาพสังคม ก็ถือว่าพวกเรา ที่รวมอยู่ ณ ที่นี้ ทุกท่าน มันก็ผ่านงานกันมาลักษณะที่ว่า เด็กรุ่นใหม่ไม่มีโอกาสได้ผ่านอย่างเรา แล้วที่พวกเรายืนอยู่ได้ทุกวันนี้ ผมขอเรียนยืนยันนะครับ เรามีครูที่ดี เปรียบเสมือนอาจารย์ที่ดี แล้วท่านก็เปรียบเสมือนเป็นพี่ เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี ตั้งแต่ท่านวาทิน ท่านสัญชัย ท่านคงเดช และอีกหลายๆ คนนะครับ ที่ปลูกฝัง แล้วก็อบรมสั่งสอนพวกเรามา ถึงแม้ท่านจะไม่ได้มา”
แล้วก็พอหลังจากนั้น จนกระทั่งพวกเราทุกคน อยู่กันตั้งแต่วัยรุ่น ขึ้นมาวัยฉกรรจ์ เป็นกลุ่มใหญ่ แล้วก็ค่อยๆ ร่วงโรย ทุกๆ ท่าน ส่วนใหญ่ 90% แล้ว ในที่นี้ ก็ได้เกษียณ จากชีวิตราชการ
พวกเราก็เหลือเวลาอีกน้อยนิด นับวันก็มีแต่ร่วงโรย มันก็เหลือแต่แค่ความทรงจำ ที่พวกเรา จะมีให้ต่อกัน อย่างน้อยปีหนึ่ง สัก 2 หน ไม่ได้มีอะไรเลย ขอให้พี่น้อง ผู้บังคับบัญชา พี่น้อง ได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ เห็นหน้ากันบ้าง ก่อนที่เราจะแยกย้ายจากกันตามภารกิจ ตามหน้าที่ หรือตามอายุขัย
แล้วก็เนื่องในโอกาส ใกล้วันขึ้นปีใหม่ ที่จะถึงในไม่กี่วัน แล้วปีใหม่ ก็จะเข้ามา ผมในส่วนของเป็นพี่ ที่อาวุโส รองจาก 3 ท่าน ขอกราบอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดดลบันดาล ให้พี่ เพื่อน น้อง ทุกท่าน จงประสพพบแต่สิ่งที่ดี แล้วก็ขอให้พวกเราทุกท่านนั้น ได้อยู่กันนานๆ เห็นหน้าเห็นตากัน ปีหนึ่ง เราก็มาเจอกัน สัก 2 หน ได้ทักทาย ได้ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ได้ดูแลอะไรกันบ้าง ก็แค่นั้นแหละ ก็ขอให้ทุกท่านจงประสพแต่สิ่งที่ดีตลอดไป รวมทั้งครอบครัวด้วย ขอบคุณครับ
นี่ล่ะครับ ตำนานนักสืบผู้กล้า สืบเหนืออันเกรียงไกร สืบใต้อันเลื่องชื่อ ไม่ด้อยด้วยฝีมือคือสืบธนฯ เหล่าผู้ปิดทองหลังพระ ต้นแบบนักสืบที่เป็นตำนาน เพราะการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเทคโนโลยี่ ไม่มีอะไรบันทึกเบื้องหลังการทำงานของพวกเขาไว้เป็นหลักฐาน นอกจากความทรงจำ ความทรงจำ และความทรงจำ ที่พวกเขาจะมารื้อฟื้นเล่าถึงวีรกรรมเบื้องหลังการทำงานที่โลดโผนให้ฟังกันเอง ยามเมื่อได้พบกันอีกครั้ง
กากีกลาย(นักข่าวกองสืบ)8/12/60